น.บริจิต
ได้เห็นวิญญาณในไฟชำระที่ถูกปลดปล่อยหลังจากที่ถูกชำระวิญญาณให้สะอาดบริสุทธิ์แล้ว
และในระหว่างที่เธอเห็นนิมิตนั้น เธอได้ยินเสียงของทูตสวรรค์พูดกับเธอ “ถ้าวิญญาณถูกปลดปล่อยจากไฟชำระโดยอาศัยความช่วยเหลือจากพวกเราที่อยู่บนโลก
พระเยซูเจ้าจะทรงรับรองโดยถือเสมือนว่าเราได้ช่วยปลดปล่อยพระเยซูเจ้าเอง
และพระองค์จะทรงประทานรางวัลแก่เราเพราะการที่เราได้ช่วยเหลือพระองค์” ทูตสวรรค์บอกเธอต่อไป “เป็นบุญของผู้ที่พักอาศัยอยู่บนโลก
และโดยอาศัยคำสวดภาวนา และกระทำความดีของเขาเพื่อวิญญาณในไฟชำระ
ได้ช่วยปลดปล่อยวิญญาณให้ออกจากไฟชำระเร็วขึ้น
เพราะพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าได้ตัดสินให้บาปของพวกเขาต้องถูกชำระล้างโดยความทุกข์ทรมาน
หรือไม่ก็โดยคำสวดภาวนาและการกระทำความดีของมิตรสหายของพวกเขาที่อยู่ในโลก”
แล้วน.บริจิตก็ได้ยินเสียงจากผู้คนมากมายกำลังสวดภาวนาด้วยสำเนียงที่น่าสงสารว่า
“โอ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าข้า โอ
พระผู้ยิ่งใหญ่และทรงความยุติธรรม พวกเราวิงวอนพระองค์ในพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์
โปรดอย่าทรงมองดูความชั่วอันมากมายเหลือคณานับของพวกเรา
แต่โปรดทรงทอดพระเนตรยังพระมหาทรมานและความตายอันทรงคุณค่ายิ่งของพระองค์เถิด โอ
ให้สายธารแห่งพระเมตตาของพระองค์ได้หลั่งไหลสู่หัวใจของบรรดาพระสงฆ์ของพระองค์ทุกๆคน
บรรดานักบวชชายหญิง และผู้ซื่อสัตย์ทุกๆท่าน เพื่อที่โดยอาศัยพิธีมิสซาของพวกท่าน
คำสวดภาวนา และกิจศรัทธาทั้งหมดจะได้ช่วยบรรเทาและปลดปล่อยพวกเรา
ถ้าพวกเขาเหล่านั้นปรารถนา
พวกเขาสามารถช่วยพวกเราได้เป็นอย่างมากด้วยการสวดภาวนาและรับพระคุณการุณย์ทั้งหลาย
พวกเขาจะทำให้ความทุกข์ทรมานของพวกเราสั้นลง
พวกเขาจะช่วยเร่งเวลาให้เร็วขึ้นซึ่งความสุขของพวกเราในการเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
โอพระเจ้าข้า”
วิญญาณได้วิงวอนขอต่อพระเป็นเจ้าให้ทรงดลใจบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์บนโลก
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้พระสงฆ์และนักบวชถวายมิสซาแก่พวกเขา แล้วนั้น
น.บริจิตได้เห็นแสงสว่างกระจ่างจ้าส่องลงมาเหมือนแสงรุ่งอรุณยามเช้า
และเธอรู้ว่านั่นหมายถึงการที่มีวิญญาณในไฟชำระบางดวงจะได้รับการปลดปล่อยและถูกรับขึ้นสู่สวรรค์
เธอได้ยินเสียงด้วยสำเนียงใหม่ร้องเป็นเพลงว่า “โอ
พระเจ้าข้า พระผู้ทรงฤทธานุภาพอันไม่มีสิ้นสุด พวกเราวิงวอนขอต่อพระองค์
โปรดทรงประทานรางวัลเป็นร้อยพันเท่าแก่ทุกคนที่สวดภาวนาเพื่อปลดปล่อยพวกเราและช่วยให้พวกเราได้มาสู่แสงสว่างนิรันดรของพระองค์”
ครั้งหนึ่ง
น. บริจิตได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสกับพระมารดาของพระองค์ว่า “พระมารดาของลูก พระมารดาแห่งพระเมตตาและการปลอบบรรเทาของวิญญาณในไฟชำระ” เพราะฉะนั้น
จึงเป็นการสมควรที่เราจะต้องมีความศรัทธาต่อแม่พระในระหว่างที่เราดำเนินชีวิตอยู่เพื่อที่พระนางจะได้ทรงช่วยเราเมื่อเราเสียชีวิตแล้ว
ให้เราถวายการกระทำความดีทุกอย่างของเราสำหรับวิญญาณในไฟชำระไว้ในพระหัตถ์ของแม่พระ
พระนางทรงทราบดีว่าจะใช้บุญกุศลนั้นอย่างไรเพื่อพวกเขา
ในอีกวาระหนึ่ง
น.บริจิตได้ยินเสียงวิงวอนจากไฟชำระดังนี้ “โอ พระเจ้าข้า
โปรดประทานพระหรรษทานเป็นพันเท่าให้แก่คริสตชนผู้มีใจเมตตา
ที่ได้ช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากความเจ็บปวดรวดร้าว ด้วยการสวดภาวนาของพวกเขา” ถ้าหากวิญญาณที่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในไฟชำระได้รับความช่วยเหลือจากพวกเราบนโลก
วิญญาณเหล่านั้นจะไม่ลืมที่จะตอบแทนพวกเราแน่นอน
ความทุกข์ในไฟชำระสำหรับพวกเขานั้นไม่มีวันหยุด
พวกเขาทุกข์ทรมานทั้งวันทั้งคืนโดยปราศจากการพักผ่อน
และให้เรามั่นใจได้ว่าวิญญาณที่ได้รับการปลดปล่อยเหล่านั้นจะพยายามแทรกแซงช่วยเหลือผู้ที่เคยให้ความช่วยเหลือเขาด้วยความรักเป็นพิเศษ
คำสวดภาวนาของพวกเขาเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า
เพราะมีเจตนาที่บริสุทธิ์ที่จะช่วยเหลือเราเป็นการตอบแทน
ให้เราพยายามไถ่ถอนวิญญาณในไฟชำระเถิด
และถ้าเราไม่มีใครที่จะสวดภาวนาให้เป็นพิเศษ ก็ให้สวดภาวนาสำหรับวิญญาณของพระสงฆ์
นักบวช นักการเมือง วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง ฯลฯ
ขอพระเป็นเจ้าดลใจให้เรามีความรักและความสงสารต่อวิญญาณในไฟชำระ
ดังเช่นที่ น. บริจิต ได้รู้สึกในทุกขณะที่เธอมีชีวิตอยู่
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น