คุณทราบหรือไม่ว่า
“พระศาสนจักรโรมันคาทอลิก” ซึ่งเป็นพระศาสนจักรในพระธรรมใหม่นั้น
ได้ถูกทำนายไว้แล้วในพระคัมภีร์พระธรรมเก่าว่าจะเกิดขึ้น? ถ้าเราเข้าใจในคำทำนายของชาวยิว เราก็จะเข้าใจว่าเหตุใดพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าจึงมีคำว่า
“โรมัน” กำกับอยู่ด้วย
จากบทที่สองของพระคัมภีร์ดาเนียล ได้เล่าถึงความฝันของกษัตริย์ เนบูคัดนัสเซอร์เกี่ยวกับ รูปปั้นใหญ่มหึมาทำด้วยวัตถุที่แตกต่างกันสี่อย่างคือ 1.ศีรษะเป็นทองคำ 2.หน้าอกและแขนเป็นเงิน 3. ท้องและต้นขาเป็นบรอนซ์ 4.ขาและเท้าเป็นเหล็กและดินผสมกัน และในความฝัน กษัตริย์เนบูคัดนัสเซอร์เห็นก้อนหินเล็กๆก้อนหนึ่งถูกตัดหลุดออกมาจากภูเขาโดยไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ มันหล่นลงมาที่รูปปั้นนั้น ก้อนหินเล็กๆกลิ้งลงมากระแทกที่ขาของรูปปั้นทำให้รูปปั้นที่ทำด้วยเหล็กและดินล้มและพังทลายลงไป แล้วก้อนหินก้อนนั้นก็โตขึ้นจนกลายเป็นภูเขาใหญ่ปกคลุมโลกทั้งโลก
ดาเนียลได้อธิบายความฝันให้กษัตริย์ฟังว่า
ศีรษะที่เป็นทองคำหมายถึงกษัตริย์เนบูคัดนัสเซอร์และอาณาจักรบาบิโลน และจะมีอาณาจักรอื่นตามมาต่อจากบาบิโลนซึ่งจะความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งน้อยกว่า เพราะเงินมีค่าด้อยกว่าทอง อาณาจักรที่สามก็จะด้อยกว่าอาณาจักรที่สองเพราะทำด้วยบรอนซ์ซึ่งมีค่าด้อยกว่าเงิน สุดท้ายอาณาจักรที่สี่ก็จะตามมาและแตกต่างจากอาณาจักรเดิมทั้งสาม เพราะทำด้วยเหล็กและดินผสมกัน ซึ่งหมายถึงจะมีหลายชนชาติอยู่ในอาณาจักรนี้จึงทำให้ไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกันและแข็งแรงเท่ากับอาณาจักรอื่น
ส่วนก้อนหินที่ถูกตัดและหล่นลงมาจากสวรรค์นั้น ดาเนียลอธิบายว่า “ในสมัยของกษัตริย์เหล่านั้น
พระเป็นเจ้าแห่งสวรรค์จะทรงสถาปนาอาณาจักรหนึ่งซึ่งไม่มีใครสามารถทำลายลงได้ อาณาจักรที่ผ่านมาทั้งหมดจะสูญสิ้นไป แต่อาณาจักรที่พระเป็นเจ้าทรงสถาปนาขึ้นจะดำรงอยู่ตลอดไป” ดังที่พระองค์ทรงเห็นแล้วว่า
ก้อนหินนั้นถูกตัดออกจากภูเขาโดยไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ และได้ตกลงมาทำให้รูปปั้นที่เป็นเหล็กและดิน,
บรอนซ์,เงิน และทอง
แตกกระจายเป็นชิ้นๆ
พระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพทรงแสดงให้พระองค์ทราบถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความฝันนั้นเป็นความจริงและคำอธิบายก็ถูกต้อง”(ดน.
2: 44-45)
ก้อนหินที่ลงมาจากสวรรค์ในสมัยของอาณาจักรที่สี่หมายถึง
“พระเป็นเจ้าแห่งสวรรค์จะทรงสถาปนาอาณาจักรที่ไม่สามารถทำลายได้”
ดังนั้นเมื่อดูในประวัติศาสตร์ มีอาณาจักรใหญ่เกิดขึ้นดังนี้
อาณาจักรบาบิโลน (587-539 ก่อนคริสตกาล)
อาณาจักรเปอร์เซีย (539-331 ก่อนคริสตกาล)
อาณาจักรกรีก (331-168 ก่อนคริสตกาล)
อาณาจักรโรมัน (63 ก่อนคริสตกาล – 70 ในคริสตกาล)
ในสมัยของอาณาจักรที่สี่
ซึ่งก็คืออาณาจักรโรมัน
พระเป็นเจ้าได้ทรงสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ – อาณาจักรขององค์พระผู้ไถ่
“ในสมัยนั้น จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส ได้ประกาศราชกฤษฏีกาให้สำรวจสำมโนประชากรทั่วราชอาณาจักร...และโยเซฟได้เดินทางออกจากกาลีลีไปยังเมืองที่ชื่อนาซาเร็ธ อยู่ในยูเดีย
เพื่อไปที่เมืองของกษัตริย์ดาวิดที่เรียกว่า เบ็ทเลเฮ็ม เพราะท่านสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด ท่านนำพระนามารีย์ที่กำลังตั้งครรภ์ไปด้วย”
(ลก. 2:1-6)
พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ในสมัยที่ปอนติอัส
ปิลาต ชาวโรมันผู้กำลังปกครองยูเดีย
ก้อนหินแห่งยุคสมัยที่ดาเนียลทำนายไว้ก็ได้ตกลงใส่อาณาจักรโรมัน
แล้วอาณาจักรของพระคริสต์ก็เริ่มต้นขึ้นในสมัยของอาณาจักรที่สี่ –
อาณาจักรโรมัน
มีข้อสังเกตที่สำคัญคือ อาณาจักรที่สี่ของชนต่างชาติมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระเมสสิยาห์ด้วย
ประกาศกเอเซเคียลและดาเนียลเรียกกษัตริย์เนบูคัดนัสเซอร์แห่งบาบิโลนว่า
“กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย” (อค. 26:7;ดน. 2:37)
อันเป็นสมญานามของพระเยซูเจ้า
และอิสยาห์เรียกกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียว่า “เมสสิยาห์” (อส. 45:1)
เป็นเรื่องประหลาดที่ท่านเรียกกษัตริย์ต่างชาติเช่นนั้น! พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีกผู้ได้เชื่อมโลกเมดิเตอร์เรเนียนเข้าด้วยกัน ก็เรียกตัวเองว่า “บุตรของพระเจ้า”
และพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุ 33 พรรษา
กษัตริย์อันติโอคุสที่ 4 ผู้มีเชื้อสายกรีก-ซีเรีย
ได้ปกครองดินแดนแห่งพันธสัญญาและเป็นผู้สั่งให้ทำลายพระวิหารลง พระองค์กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมสสียาห์เท็จเทียม
หรือ แอนติ้เมสสิยาห์
อาณาจักรโรมันเป็นอาณาจักรสุดท้าย
และถูกครอบครองโดยพระคริสต์และนักบุญของพระองค์
ในดาเนียล
2 กล่าวไว้ว่า “(โรมัน) จะถูกทิ้งไว้ให้แก่ผู้อื่นเข้าครอบครองแทน”
และสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการตกลงมาของก้อนหินหรือศิลา – นักบุญเปโตร (Petros
or Peter = ศิลา เปโตรแปลว่า ศิลา )
พระเยซูเจ้าตรัสแก่เปโตรว่า “เปโตรท่านคือศิลา และบนศิลานี้
เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา ประตูนรก
จะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้
ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้
จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้
ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” (มัทธิว 16:13-20)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น