วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อัศจรรย์ไม้กางเขน (ตอนที่ 5)


 
Dr. D.Eduardo Perez y Perez  ได้เล่าสิ่งที่ท่านได้เห็นในวันที่ 6 ต.ค. 1919 ดังนี้  “ขณะที่ผมกำลังสวดภาวนาหน้าไม้กางเขน  พระองค์ทรงมองผมด้วยความรักเป็นเวลาเกือบหนึ่งนาที...แล้วพระคริสตเจ้าทรงเงยพระพักตร์ ทำให้อยู่ในท่าทีที่สงบมากขึ้น  กล้ามเนื้อที่คอผ่อนคลาย...ดวงตาเปิดกว้างและมองขึ้นข้างบน...ทรงหายใจอย่างแรงและมีการเหยียดออกของกล้ามเนื้อคอ

มีรายงานจากผู้ที่ไม่มีความเชื่อด้วย  ซึ่งเป็นนักเรียนแพทย์ชื่อ D. Heriberto de la Villa คำยืนยันของเขาถูกตีพิมพ์ในหนังสือ “Del Pueblo Astur” วันที่ 8 ก.ค. 1919  เขายืนยันหนักแน่นว่า”...ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อในอัศจรรย์ตอนที่ผมไปที่นั่น” เขาไปที่ลิมปัสตามแรงชักชวนของเพื่อน  และเขาก็ได้เห็นดวงตาและปากของพระเยซูเจ้าเคลื่อนไหว  ตอนแรกที่ได้เห็นเขายังรู้สึกสงสัยอยู่  เขาจึงย้ายไปยืนที่จุดอื่นในโบสถ์เพื่อจะได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น  แล้วนั้นเขาก็ได้เห็น  “....พระเยซูเจ้าทรงมองมาที่ผม  เต็มไปด้วยความกริ้วและดูน่าหวาดหวั่น  ทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นเทา  ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มศีรษะลง....ผมมองขึ้นไปอีกครั้งและเห็นพระองค์หันมองไปทางขวา  ทรงก้มศีรษะ  ผมได้เดินไปทางขวาเพื่อจะได้เห็นมงกุฏหนามจากทางด้านหลัง...พระองค์ทรงจ้องมาที่ผมด้วยความกริ้วอีกครั้งหนึ่งซึ่งทำให้รู้สึกว่าเหมือนจะบังคับผมให้ออกไปจากโบสถ์”  ต่อมาในวันเดียวกันเขาได้เข้าไปที่โบสถ์อีกและได้เห็น “...ทีละเล็กทีละน้อย ทรวงอกและใบหน้าของพระเยซูเจ้าก็ดำคล้ำลง  ดวงตาเคลื่อนไปทางซ้ายและขวา  ขึ้นและลง  ปากเปิดออก  ดูเหมือนพระองค์จะหายใจได้อย่างยากลำบาก  ผมเห็นสภาพนี้อยู่นาน 15 – 20 นาที  ..ผมสังเกตเห็นด้วยว่าที่หางคิ้วซ้ายมีบาดแผลเกิดขึ้น  และมีโลหิตไหลออกมา  และมาหยุดที่เปลือกตา  หลังจากนั้นผมเห็นโลหิตไหลออกมาจากบริเวณมงกุฎหนาม  ไหลลงมาที่บริเวณใบหน้า  ผมเห็นอย่างชัดเจน เพราะสีของโลหิตตัดกับสีผิวของใบหน้าที่เป็นสีม่วงคล้ำ  แล้วนั้นโลหิตบางส่วนจากมงกุฎหนามไหลลงมาที่บ่าโดยไม่ผ่านใบหน้า  พระองค์ทรงเผยอปากกว้างและมีของเหลวสีขาวเป็นฟองไหลออกมา  เวลานั้นพระสงฆ์โดมินิกันกำลังเทศน์อยู่  และพระคริสต์ทรงหันไปมองที่ท่านประมาณ 5- 6 นาที...”เมื่อพระสงฆ์จบการเทศน์และพูดว่า “ขอพระคริสต์ทรงอวยพรแก่ท่าน”  พระคริสต์ทรงเปิดปากและดวงตา  และทรงยิ้ม  ทรงก้มศีรษะเหมือนกับจะบอกว่าพระองค์ทรงอวยพรแก่เราจริงๆ  ถึงตอนนี้มีบางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆผม ได้บอกกับผมว่า  ผมจะกล้าสาบานในสิ่งที่ผมเห็นได้หรือไม่...ผมจึงตระหนักว่าพระคริสต์ทรงมีพระประสงค์จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นเป็นความจริง  แล้วพระองค์ทรงเปิดปากอีกครั้ง ...มีน้ำเป็นฟองและโลหิตไหลออกมาจำนวนมากจากมุมปากนั้น....เพราะเหตุนี้ผมจึงถือเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องป่าวประกาศเป็นพยานยืนยันในความจริงของสิ่งที่ผมได้เห็น  และผมได้ทำตามคำพูดนี้แล้วในโบสถ์”

ผู้ได้เห็นอัศจรรย์ส่วนมากจะรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนตำแหน่งที่ตนเองอยู่  เพื่อจะได้แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้เห็น  บางคนเห็นอัศจรรย์ทันทีที่เข้าไปในโบสถ์  แต่บางคนได้เห็นในวันต่อมา  บางคนไม่ได้เห็นอัศจรรย์เลย  มีพยานคนหนึ่งบอกว่า “เหตุที่อัศจรรย์นี้เผยแสดงแก่บางคน และไม่แสดงแก่บางคนนั้น  ไม่สามารถอธิบายได้ตามกฏเกณฑ์ทางธรรมชาติ”  พระสังฆราช Sanchez de Castro แห่ง Santander เป็นเจ้าหน้าที่อย่างเป็นทางการของพระศาสนจักรในการตรวจสอบความจริงของอัศจรรย์นี้  ท่านเริ่มดำเนินการตรวจสอบเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 1820  หนึ่งปีต่อมา  พระศาสนจักรได้อนุมัติให้มีการแสวงบุญมายังที่แห่งนี้  และในระยะเวลา 7 ปีหลังการประกาศนี้  ผู้ที่มาแสวงบุญที่นี่จะได้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ด้วย

                พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงรับทนทรมานแสนสาหัสบนไม้กางเขน....โปรดเมตตาเราด้วยเทอญ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น