(CNN) เมื่อกลุ่ม ISIS
ตัดศีรษะคริสตชนอียิปต์
จับสตรีของยาซีดิสเป็นทาส หรือเผานักบินทั้งเป็น มีคำถามขึ้นว่า ทำไมกลุ่ม ISIS จึงทำสิ่งนี้? อะไรเป็นเป้าหมายของพวกมัน?
ISIS ยังท้าทาย พวกชีอะห์ เคริดส์
ยาซีดิส คริสตชน และ
มุสลิมที่มีความคิดเห็นและความเชื่อไม่ตรงกับพวกมัน ISIS ยังทำสงครามกับกลุ่มอัลไคด้าในซีเรียอีกด้วย
นาซีและเขมรแดงพยายามปกปิดการกระทำประทุษร้ายต่อมนุษยชาติของพวกเขา แต่ ISIS กลับเปิดเผยอาชญากรรมของพวกมันทางโซเชียลมีเดียให้ทั่วโลกรับรู้
ISIS ยังคงสร้างความประหลาดใจให้แก่โลก ด้วยการกระทำของพวกเขาซึ่งดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย และเป็นการทำลายตัวเองมากกว่า
กุญแจที่จะไขปริศนาและเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่ม
ISIS ได้มาจากแมกกาซีนภาคภาษาอังกฤษชื่อ "in-flight
magazine" Dabiq. ฉบับที่เจ็ด
ISIS เชื่อว่าพวกเขากำลังอยู่ในวาระสุดท้ายของโลกและปฏิบัติการของพวกเขาจะเป็นการเร่งให้เหตุการณ์ตามคำทำนายบังเกิดเร็วขึ้น
ชื่อของ Dabiq
magazine เองก็ช่วยให้เราเข้าใจทัศนคติของพวกนี้ Dabiq
เป็นชื่อของเมืองเล็กๆในซีเรีย สถานที่ซึ่งโมฮัมหมัดทำนายว่าศัตรูของอิสลามและ “โรม”
จะทำสงครามครั้งสุดท้ายและทำให้เกิดวาระสุดท้าย นั่นคือชัยชนะของอิสลามที่แท้จริง
บทความกล่าวว่า “โลกกำลังก้าวไปสู่ al-Malhamah
al-Kubra (สงครามครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ Dabiq ) การเลือกยืนบนเส้นแบ่งเขตเพื่อเป็นแต่เพียงผู้เฝ้ามองเท่านั้นเป็นการสูญเสีย” หมายความว่า คุณจะเลือกอยู่ข้าง ISIS
หรือจะอยู่ข้าง Crusaders ผู้เป็นศัตรู
เมื่อ Peter Kassig
คนงานชาวอเมริกันถูกกลุ่มนี้ตัดศีรษะในเดือนพฤศจิกายน ฆาตกรที่ปรากฏตัวในวีดีโอพูดว่า “เราได้ฝัง crusader คนแรกใน Dabiq
และเรากำลังรอคนอื่นๆซึ่งจะมาถึง”
พูดอีกอย่างก็คือ ISIS
ต้องการให้ชาติตะวันตกยกกำลังเข้ามารุกรานซีเรีย เพราะพวกมันมั่นใจในคำทำนายเกี่ยวกับ Dabiq
บางครั้งเป็นเรื่องยากที่เข้าใจในความเชื่ออย่างเอาจริงเอาจังทางศาสนาของผู้อื่น หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องไร้เหตุผลที่วาระสุดท้ายจะมาถึงด้วยสงครามระหว่าง
“โรม” และอิสลามในเมืองเล็กๆของซีเรียที่ชื่อว่า Dabiq นั่นก็เหมือนกับการที่ชาวมายันเชื่อว่าการสังเวยมนุษย์จะมีอิทธิพลต่ออนาคตของพวกเขา
แต่สำหรับกลุ่ม ISIS
คำทำนายนี้เป็นเรื่องจริงจังมาก สมาชิกของ ISIS เชื่อว่าพวกเขาเป็นนักรบในสงครามศาสนา
และอัลลาห์จะประทานชัยชนะให้ด้วยกองกำลังอิสลามที่แท้จริง
สมาชิกของ ISIS
เชื่อว่าในการทำสงครามครั้งนี้ พวกเขาอยู่ข้างความดี จึงทำให้พวกเขาสามารถที่จะฆ่าใครก็ได้ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นศัตรู แน่นอน นี่เป็นความคิดที่หลงผิด แต่มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
------------------------------------
ทหาร ISIS ในอิรัก
หนังสือที่กลุ่ม ISIS พิมพ์เผยแพร่ในภาษาอังกฤษ
ได้ปฏิเสธความคิดที่ว่า อิสลามเป็น”ศาสนาแห่งสันติภาพ” และพวกนี้ยืนกรานว่า
อิสลามเป็น”ศาสนาแห่งดาบ”
ในบทความของ Dabiq magazine
ซึ่งเป็นแมกกาซีนของกลุ่มนี้กล่าวว่า อัลลาห์สั่งให้อิสลามเป็นศาสนาแห่งความรุนแรงและมุสลิมคนใดที่เชื่อแตกต่างไปจากสิ่งนี้ถือเป็นพวกนอกรีต
ISIS ได้ก่ออาชญากรรมอันป่าเถื่อนต่อชนกลุ่มน้อยและผู้ที่นับถือศาสนาอื่น
โดยใช้กฎหมายอิสลาม ทำให้ชาวมุสลิมทั่วโลกประณามกลุ่ม
ISIS ที่ก่ออาชญากรรมในนามของอิสลาม
บทความนี้ยังกล่าวอีกว่า
อัลลาห์และโกรานได้สั่งให้ชาวมุสลิมตัดศีรษะผู้ไม่มีความเชื่อทุกคน ดังที่มีเขียนในโกรานว่า
“อัลลาห์ ยังได้อธิบายว่าควรใช้ดาบอย่างไร
(จงจำถึงวาจาของพระเจ้าของเจ้าที่ได้ตรัสแก่บรรดาเทวดา ‘เราและพวกท่านจะทำให้ผู้ที่เชื่อในเรามีความแข็งแกร่ง เราจะให้ความกลัวเกิดขึ้นในหัวใจของผู้ไม่มีความเชื่อ
ดังนั้นจงเฉือนที่คอของพวกมันและตัดเล็บทุกเล็บของพวกมัน’) [โกราน 8:12] “ และบทความได้กล่าวต่อไปว่า “พระองค์ยังตรัสอีกว่า
(ดังนั้นเมื่อเจ้าพบผู้ที่ไม่มีความเชื่อ
จงตัดคอของพวกมัน , ทำให้พวกมันมีบาดแผล, แล้วให้มันรู้สึกปลอดภัย
หรือหารือหลังจากเรียกค่าไถ่พวกมัน
จนกระทั่งสงครามจะเป็นภาระอันหนักที่สุด) [โกราน
47:4]
บทความโฆษณาชวนเชื่อนี้ระบุว่าดาบเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้บรรลุถึงสวรรค์ของอิสลาม
ดังที่เขียนว่า
“ผู้นำสาส์นของพระองค์...ยังอธิบายว่าดาบเป็นการช่วยให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายและการต่อสู้กัน
(fitnah)
พระองค์ยังประกาศว่าบทบัญญัติของพระองค์ตั้งอยู่ในเงาของคมหอกและวิถีชีวิตของมุสลิมที่ดีที่สุดในอนาคตก็คือการจับดาบของเขาต่อสู้กับศัตรู”
บทความนี้กล่าวสรุปถึงการกระทำที่มุสลิมจะจับดาบต่อไปจนกว่าพระเยซูจะเสด็จมาปราบแอนตี้ไครส์
“ดาบจะถูกจับขึ้นมาและแกว่งต่อไปจนกว่า
‘Isa (พระเยซู – สันติภาพอยู่บนพระองค์) จะฆ่า Dajjal
(แอนตี้ไครส์) และปลดปล่อย jizyah (ภาษีรัชชูปการ)” บทความกล่าวต่อไป “หลังจากนั้น kufr และการปกครอบแบบเผด็จการของมันจะถูกทำลาย
อิสลามและความยุติธรรมจะได้รับชัยชนะต่อโลกทั้งมวล...แต่จนถึงบัดนี้ กลุ่มของ kafirin จะถูกทำให้ล้มลงด้วยดาบของอิสลาม”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น