ในเดือนมิถุนายนนี้ พระสันตปาปาฟรังซิสจะเสด็จแสวงบุญที่ตูริน
อิตาลี สถานที่มีผ้าห่อพระศพแห่งตูรินอันมีชื่อเสียง ซึ่งเชื่อว่าเป็นผ้าห่อพระศพพระเยซูเจ้าเมื่อ
2000 ปีก่อน
นอกจากการแสวงบุญที่อาสนวิหารนักบุญยอห์น
แบบติสซึ่งเป็นที่เก็บรักษาผ้าห่อพระศพนี้แล้ว
พระองค์จะเยี่ยมถ้ำฝังศพของ Bl. Pier Giorgio Frassati และคารวะนักบุญยอห์น บอสโก ผู้ก่อตั้งคณะซาเลเซียนและเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเยาวชน คุณพ่อบอสโกทำงานที่ตูรินนี้เอง และเวลานี้ครบวาระ 200 ปี วันเกิดของท่าน ส่วนผ้าห่อพระศพแห่งตูรินจะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเริ่มตั้งแต่
19 พ.ค. จนถึง 24 มิ.ย 2015
ผ้าห่อพระศพถูกเก็บรักษาไว้ที่อาสนวิหารนักบุญยอห์น
แบบติส ตั้งแต่ปี 1578 บาร์รี ชเวิร์ท( Barrie Schwortz)
เป็นคนหนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของโลกเรื่องผ้าห่อพระศพ ในปี 1978 เขาซึ่งเป็นช่างเทคนิคการถ่ายภาพ
ได้รับเชิญให้ร่วมงานการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ของผ้านี้
ในชื่อโครงการวิจัยผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตูริน the Shroud of Turin Research
Project (STRUP).
บาร์รีมีเชื้อสายยิว
ตอนแรกเขาลังเลใจที่จะเข้าร่วมโครงการ
เพราะมีความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าภาพในผ้าห่อพระศพนี้ถูกวาดขึ้นในยุคกลางและเขาต้องการให้ทีมงานพิสูจน์ในเรื่องนี้ แต่หลังจากได้ศึกษาเป็นเวลาหลายปี เขาก็เชื่อมั่นว่าผ้านี้เป็นผ้าที่ใช้ห่อพระศพของพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง
ในปี 1996
สื่อสารมวลชนซึ่งได้รับข้อมูลไม่ถูกต้องได้รายงานอย่างผิดๆในเรื่องความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพนี้ และทำให้ บาร์รี รู้สึกไม่พอใจ
เขาจึงได้ทำเวปไซต์ขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องจริงของผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตูริน
รวมทั้งข้อมูลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาผ้านี้ สองทศวรรษผ่านมา เขายังคงให้ความรู้เกี่ยวกับผ้านี้แก่สื่อสารมวลชนทั่วไปและกลุ่มผู้สนใจอื่นๆ
รวมทั้งการสัมมนาที่จัดขึ้นที่โรม
เมื่อไม่นานมานี้ บาร์รี ได้ให้สัมภาษณ์กับ CWR
CWR: ข้อโต้แย้งอะไรที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพนี้ครับ?
Barrie
Schwortz: เมื่อ 37 ปีก่อน เมื่อผมไปที่อิตาลีในโครงการ STRUP เพื่อตรวจสอบผ้าห่อพระศพ ผมคิดว่าผ้านี้เป็นของปลอม โดยอาจวาดระบายสีขึ้นมาในยุคกลางของยุโรป แต่หลังจากใช้เวลาตรวจสอบราว 10 นาที ผมก็รู้ทันทีว่า นี่ไม่ใช่เป็นการวาดระบายสีขึ้นมา ในฐานะช่างถ่ายภาพมืออาชีพ
ผมได้พยายามหาร่องรอยของสีจากแปรงหรือพู่กันวาดภาพ แต่ไม่มีสีและไม่มีร่องรอยของฝีแปรงและพู่กันเลย
ผมเคยปฏิเสธไม่ยอมรับความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพมานาน
17 ปี
และข้อโต้แย้งซึ่งยังทำให้ผมไม่เชื่อถือก็คือเรื่องของโลหิต โลหิตที่ติดบนผ้าห่อพระศพเป็นสีแดง
แต่โลหิตที่ติดอยู่บนผ้าทั่วไปนั้นจะต้องกลายเป็นสีน้ำตาลหรือดำภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผมได้สนทนากับ อแลน แอดเลอร์ Alan Adler นักโลหิตวิทยาเคมีทางโทรศัพท์ ผมบอกเขาในเรื่องนี้ เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจและพูดว่า
“คุณไม่ได้อ่านรายงานของผมหรือ?”
บิลิรูบิน คือสารเคมีชนิดหนึ่งที่ให้สีเหลืองออกน้ำตาล โดยเป็นสารที่เกิดจากการแตกตัว หรือ การตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด ทั้งนี้ ร่างกายจะกำจัดสารนี้ออกจากร่างกายทางน้ำดี และทางปัสสาวะ ดังนั้นสารนี้จึงเป็นสารที่ทำให้อุจจาระมีสีออกเหลืองน้ำตาลและทำให้ปัสสาวะมีสีออกเหลือง ซึ่งถ้ามีสารนี้ในร่างกาย (ในเลือด) สูงกว่าปกติ จะส่งผลให้เกิดอาการตัว ตาเหลือง หรือโรคดีซ่าน และถ้าเกิดมีปริมาณสารนี้สูงเรื้อรังในน้ำดี สารนี้จะตกตะกอนได้ในถุงน้ำดีจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงน้ำดีอักเสบได้
บรรณานุกรม
แอดเลอร์ได้พบปริมาณ บิลิรูบิน บนผ้าในปริมาณมาก
ซึ่งอธิบายให้รู้ว่าเหตุใดโลหิตที่ติดบนผ้าห่อพระศพจึงเป็นสีแดง
เมื่อชายผู้นี้ถูกโบยตีและเสียน้ำในร่างกาย
เขาจะช๊อกและตับจะเริ่มหลั่งสารบิลิรูบินนี้ออกมา มันทำให้โลหิตเป็นสีแดงตลอดไป นี่เป็นส่วนสุดท้ายในความสงสัยของผม ผมไม่มีอะไรข้องใจอีกแล้ว
บางครั้งผมก็แปลกใจว่าทำไมผมถึงไม่ถามคำถามนี้กับ อแลน แอดเลอร์ เมื่อ 17 ปีก่อน
แต่คิดว่าเวลานั้นผมอาจยังไม่พร้อมสำหรับคำตอบของเขา
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ผมแน่ใจ
แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพสำหรับผมเป็นพิเศษ
หลักฐานที่พิสูจน์ว่าผ้าห่อพระศพนี้เป็นของจริงและผมชอบมากนั้นมาจากคำพูดของแม่ของผมเองซึ่งเป็นชาวยิว
ท่านเกิดที่โปแลนด์และได้รับการศึกษาเพียงระดับไฮสคูล
ท่านเคยฟังการบรรยายทางวิชาการครั้งหนึ่งของผม หลังจากนั้นเราก็ขับรถกลับบ้าน ท่านนั่งเงียบเป็นเวลานาน –คุณจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อแม่ชาวยิวนี้นิ่งเงียบ
– ดังนั้นผมจึงถามท่าน “แม่, แม่คิดอย่างไร?”
เธอตอบว่า “บาร์รี
มันเป็นของจริงอย่างแน่นอน
พวกเขาคงจะไม่เก็บรักษาไว้เป็นเวลานานถึง 2,000 ปีหรอก ถ้าหากไม่เป็นของจริง”
นี่เป็นจุดสำคัญ ตามกฎหมายของชาวยิว
ผ้าห่อศพที่ชุ่มโชกด้วยเลือดจะต้องคงอยู่ในถ้ำฝังศพ การนำออกมานั้น เป็นการเสี่ยงสำหรับคุณเอง เพราะนั่นเป็นการละเมิดกฎหมาย
คำอธิบายที่สะดุดใจต่อผมในเรื่องผ้าห่อพระศพ มาจากทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และพื้นเพความเป็นยิวของผมเอง
ผ้านั้นเป็นผ้าที่ใช้ห่อพระศพของพระเยซูเจ้าแน่นอน
CWR:
ผ้าห่อพระศพบอกอะไรแก่เราในเรื่องความทุกข์ทรมานฝ่ายร่างกายของพระคริสต์?
Schwortz:
มีเอกสารเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานและการทารุณกรรมต่อพระเยซูเจ้า ใบหน้าของพระองค์ถูกตีอย่างหนัก และมีรอยบวมเป่งที่รอบๆดวงตา ผมเป็นคนที่ชอบดูมวย
ใบหน้าบนผ้าห่อพระศพทำให้ผมนึกถึงนักมวยที่แพ้ในการต่อสู้บนสังเวียน ชายบนผ้าถูกโบยตีอย่างโหดร้ายทารุณ เราพบรอยแผลมากมายบนแผ่นหลัง และยังพบรอยแส้รอบๆร่างกาย เขาถูกโบยตีด้านหน้าด้วยเช่นกัน พูดกันตรงๆ
ภาพบนผ้าห่อพระศพให้ความถูกต้องแม่นยำมากกว่าภาพวาดทั่วไปที่เราเห็น
เขามีรอยถูกหอกแทงที่สีข้าง ขาของเขาไม่แตกหัก เหมือนกรณีอื่นๆของคนที่ถูกตรึงกางเขน ศีรษะของเขาและหนังศีรษะเต็มไปด้วยรอยแผล
แต่ในภาพวาดทางศิลปะเราจะเห็นเพียงแค่รอยมงกุฏหนามเท่านั้นที่เด่นชัดอยู่รอบๆเป็นวงกลมคล้ายมงกุฏบนพระเศียรของพระคริสต์ และมันดูไม่เหมือนจริงเลย ทหารคงต้องนำกิ่งไม้หนามมาขดเป็นวงและกระแทกลงบนศีรษะของเขา
เราตรวจดูที่หลังมือข้างหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตะปูถูกตอก
ไม่ใช่ที่กลางฝ่ามือ
แต่ถูกตอกห่างจากข้อมือมา 1 นิ้ว
สำหรับทหารโรมันที่ตรึงกางเขนคน 20 คนหรือมากกว่านั้นในเวลาเดียวกัน นี่เป็นเรื่องที่ดูมีเหตุผล มันเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะตอกตะปูลงไป แล้วจึงย้ายไปทำกับเหยื่อคนอื่นต่อไป
ในส่วนของเท้า เป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะตัดสินว่า ตะปูเพียงตัวเดียวที่ตอกบนเท้าทั้งสอง หรือตะปูถูกตอกบนเท้าแต่ละข้าง เรามีศพของเหยื่อที่ถูกตรึงกางเขน และพบตะปูสองตัวถูกใช้สำหรับเท้าแต่ข้าง
CWR:
พวกเขายืดแขนของชายผู้นี้หรือไม่เพื่อที่แขนจะได้วางบนตำแหน่งของมัน? และเคราบางส่วนถูกดึงออกไปหรือไม่?
Schwortz:
จากหลักฐานที่พบบอกเราว่า
เขาคงจะถูกยืดแขนเพื่อทำให้มาอยู่ในตำแหน่ง และเรายังสังเกตุเห็นจุดรูปตัว V (V-notch) ที่เครา แสดงว่าเขาอาจถูกดึงเครา
ท้ายสุด
จากหลักฐานที่พบแสดงให้เห็นว่า
พระคัมภีร์ได้บรรยายอย่างถูกต้องถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างพระมหาทรมานของพระคริสต์
CWR:
บางคนยังได้เห็นสิ่งอื่นๆอีกในผ้าห่อพระศพ
อาทิเช่น
เหรียญโรมันปิดบนตาของพระคริสต์
Schwortz:
โอ ใช่ บางคนเห็น เหรียญ, ดอกไม้
และสิ่งอื่นอีกซึ่งอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ที่นั่น เกี่ยวกับเหรียญนี้ ในทีม STRUP ของเรา เรามีนักวิทยาศาสตร์ภาพถ่ายของนาซ่าด้วย –
เขาเป็นคาทอลิกที่ดี
เขาอธิบายให้เราทราบว่า
ผ้าลินินที่ทอขึ้นนี้หยาบเกินไปที่จะแสดงรายละเอียดของเหรียญได้ สิ่งที่เราแน่ใจก็คือเราได้เห็นภาพของชายผู้หนึ่ง
และนี่เป็นสิ่งที่สำคัญกว่ามิใช่หรือ?
CWR:จากการศึกษาผ้าห่อพระศพนี้ คุณจะบรรยายรูปร่างของพระคริสต์ให้เราฟังได้ไหม?
Schwortz: พระองค์มีรูปร่างที่สมส่วน อาจพูดได้ว่ารูปร่างกำยำ พระองค์มีร่างกายส่วนบนที่แข็งแรง หน้าอกผึ่งผายและบ่าไหล่ที่สมส่วน นี่ก็มีเหตุผล
เพราะพระองค์เป็นช่างไม้
ในสมัยนั้นพระองค์ต้องออกไปตัดต้นไม้
ทำการตัดและแกะสลักไม้
สิ่งเหล่านี้คุณต้องการร่างกายที่แข็งแรง
ในเรื่องส่วนสูง บอกได้ยาก
เพราะขอบของภาพบนผ้าไม่ชัดเจน
มันจางไป
ผ้าอาจได้รับผลกระทบจากความชื้นและยึดออก
เราได้แต่เดาเอาว่า ความสูงอยู่ที่
5 ฟุต 10 นิ้ว หรือ 5 ฟุต 11 นิ้ว พระองค์เป็นคนที่สุงในสมัยนั้น แต่คงไม่สูงมาก
ไม่เช่นนั้นพระคัมภีร์คงได้เขียนเป็นข้อสังเกตไว้ เรามีศพของผู้ชายชาวยิวจากสมัยนั้นซึ่งความสูงไม่เกิน
6 ฟุต
CWR:
คุณพอจะบอกอะไรเกี่ยวกับผ้าได้ไหม?
Schwortz: มันเป็นผ้าที่มีคุณภาพซึ่งชายที่มีฐานะเป็นเจ้าของ มันอาจถูกทำขึ้นที่ซีเรีย และถูกนำมาที่เยรูซาเล็มบนหลังอูฐ เพราะเหตุที่มันถูกนำเข้ามา มันจึงต้องมีราคาแพงมาก นี่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า โยเซฟ ชาวอาริมาเทีย เป็นผู้มั่งคั่ง เขาคงเป็นเจ้าของและหวังจะใช้สำหรับตัวเอง
พ่อของผมซึ่งเป็นชาวยิวก็วางแผนสำหรับงานศพของท่านเอง จึงสมเหตุสมผลที่จะเชื่อว่า โยเซฟ
ชาวอาริมาเทีย ก็ทำเช่นเดียวกัน
เมื่อพระคริสต์สิ้นพระชนม์ เขาได้มอบผ้าของเขาแก่พระองค์
และวางแผนจะซื้อผ้าอื่นสำหรับใช้กับตัวเองในภายหลัง
CWR:
คุณมีส่วนร่วมอย่างไรบ้างใน STRUP ปี 1978?
Schwortz:
เรามาถึงอิตาลีพร้อมด้วยเครื่องมือ 80 รายการ แต่ถูกยึดจากศุลกากรอิตาลีนานถึง 5 วัน ทำให้รายการทดสอบ 67 หน้าตามแผนการต้องกระชับมากขึ้น เพราะเราสูญเสียเวลาไป 5
วันในการตระเตรียมอุปกรณ์
เราจึงไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการทดสอบได้ตามเป้าหรือไม่ ทางพระศาสนจักรไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวมากนัก
เพราะพระศาสนจักรไม่ได้เป็นเจ้าของผ้า
กษัตริย์อุมเบอร์โต ดยุกแห่งซาวอย (เคยปกครองอิตาลี)
เป็นครอบครัวซึ่งเป็นเจ้าของผ้านี้มานานหกศตวรรษ
ได้ให้อนุญาติแก่เราในการศึกษา
เราขอเวลา 96
ชั่วโมงในการศึกษา แต่เราได้รับเวลาถึง
120 ชั่วโมง เรารวบรวมข้อมูล แต่ไม่สรุปผล เราไปเพื่อหาคำตอบทั่วไป อาทิเช่น
ภาพในผ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในสามปีต่อมาเราได้จัดทำเอกสารและส่งไปยังสำนักพิมพ์ ท้ายที่สุด
สิ่งที่เราสามารถบอกคุณได้ก็คือ
ภาพในผ้าห่อพระศพ
ไม่ได้ถูกวาดระบายสี, ไม่ได้เกิดจากการเผาไหม้(จากรังสี),
และไม่ได้เกิดจากการถ่ายภาพ
ในทีมของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชื่อหลากหลาย จากคาทอลิกไปจนถึงคนช่างสงสัย ในทีมของเรามีผู้ที่เป็นมอร์มอน อีแวนเจลิคัล คริสต์เตียน, และยิว
ความเชื่อทางศาสนาไม่ใช่เป็นสิ่งสำคัญในทีมของเรา อันที่จริง
ในความเป็นยิวของผม
ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจในการร่วมทีมและผมพยายามขอถอนตัวสองครั้ง ผมบอกเรื่องที่จะลาออก กับ ดอน ลิน
เพื่อนร่วมทีมซึ่งเป็นคาทอลิก
เพราะผมเป็นยิว เขาพูดว่า
“คุณลืมไปแล้วหรือว่า พระเยซูเป็นชาวยิว?”
CWR:
การได้เห็นผ้าห่อพระศพมีผลอะไรกับประชาชนทั่วไปบ้าง?
Schwortz:
ผมเห็นการตอบสนองหลายแบบ
บางคนก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
แต่สำหรับหลายคน
มันทำให้พวกเขามีความเชื่อมากขึ้น แต่สุดท้ายความเชื่อก็ไม่ได้ขึ้นกับผ้า แต่เป็นพระพรของพระเป็นเจ้าที่หลั่งในหัวใจของผู้ที่มองมาที่ผ้านี้
------------------------------------------------------------
(Jim
Graves
is a Catholic writer living in Newport Beach, California)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น