วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

ผ้าห่อพระศพแห่งกรุงตูริน


ในเดือนมิถุนายนนี้  พระสันตปาปาฟรังซิสจะเสด็จแสวงบุญที่ตูริน อิตาลี  สถานที่มีผ้าห่อพระศพแห่งตูรินอันมีชื่อเสียง  ซึ่งเชื่อว่าเป็นผ้าห่อพระศพพระเยซูเจ้าเมื่อ 2000 ปีก่อน  นอกจากการแสวงบุญที่อาสนวิหารนักบุญยอห์น แบบติสซึ่งเป็นที่เก็บรักษาผ้าห่อพระศพนี้แล้ว  พระองค์จะเยี่ยมถ้ำฝังศพของ Bl. Pier Giorgio Frassati  และคารวะนักบุญยอห์น บอสโก ผู้ก่อตั้งคณะซาเลเซียนและเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเยาวชน  คุณพ่อบอสโกทำงานที่ตูรินนี้เอง  และเวลานี้ครบวาระ 200 ปี วันเกิดของท่าน  ส่วนผ้าห่อพระศพแห่งตูรินจะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเริ่มตั้งแต่ 19 พ.ค. จนถึง 24 มิ.ย 2015

            ผ้าห่อพระศพถูกเก็บรักษาไว้ที่อาสนวิหารนักบุญยอห์น แบบติส  ตั้งแต่ปี 1578  บาร์รี ชเวิร์ท( Barrie Schwortz) เป็นคนหนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของโลกเรื่องผ้าห่อพระศพ  ในปี 1978 เขาซึ่งเป็นช่างเทคนิคการถ่ายภาพ ได้รับเชิญให้ร่วมงานการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ของผ้านี้ ในชื่อโครงการวิจัยผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตูริน the Shroud of Turin Research Project (STRUP).  บาร์รีมีเชื้อสายยิว  ตอนแรกเขาลังเลใจที่จะเข้าร่วมโครงการ  เพราะมีความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าภาพในผ้าห่อพระศพนี้ถูกวาดขึ้นในยุคกลางและเขาต้องการให้ทีมงานพิสูจน์ในเรื่องนี้  แต่หลังจากได้ศึกษาเป็นเวลาหลายปี  เขาก็เชื่อมั่นว่าผ้านี้เป็นผ้าที่ใช้ห่อพระศพของพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง

ในปี 1996 สื่อสารมวลชนซึ่งได้รับข้อมูลไม่ถูกต้องได้รายงานอย่างผิดๆในเรื่องความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพนี้  และทำให้ บาร์รี รู้สึกไม่พอใจ  เขาจึงได้ทำเวปไซต์ขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องจริงของผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตูริน  รวมทั้งข้อมูลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาผ้านี้  สองทศวรรษผ่านมา เขายังคงให้ความรู้เกี่ยวกับผ้านี้แก่สื่อสารมวลชนทั่วไปและกลุ่มผู้สนใจอื่นๆ รวมทั้งการสัมมนาที่จัดขึ้นที่โรม

เมื่อไม่นานมานี้  บาร์รี ได้ให้สัมภาษณ์กับ CWR

CWR: ข้อโต้แย้งอะไรที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพนี้ครับ?

Barrie Schwortz:  เมื่อ 37 ปีก่อน เมื่อผมไปที่อิตาลีในโครงการ STRUP เพื่อตรวจสอบผ้าห่อพระศพ  ผมคิดว่าผ้านี้เป็นของปลอม  โดยอาจวาดระบายสีขึ้นมาในยุคกลางของยุโรป  แต่หลังจากใช้เวลาตรวจสอบราว 10 นาที  ผมก็รู้ทันทีว่า  นี่ไม่ใช่เป็นการวาดระบายสีขึ้นมา  ในฐานะช่างถ่ายภาพมืออาชีพ  ผมได้พยายามหาร่องรอยของสีจากแปรงหรือพู่กันวาดภาพ  แต่ไม่มีสีและไม่มีร่องรอยของฝีแปรงและพู่กันเลย

ผมเคยปฏิเสธไม่ยอมรับความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพมานาน 17 ปี  และข้อโต้แย้งซึ่งยังทำให้ผมไม่เชื่อถือก็คือเรื่องของโลหิต  โลหิตที่ติดบนผ้าห่อพระศพเป็นสีแดง  แต่โลหิตที่ติดอยู่บนผ้าทั่วไปนั้นจะต้องกลายเป็นสีน้ำตาลหรือดำภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง  ผมได้สนทนากับ อแลน แอดเลอร์ Alan Adler  นักโลหิตวิทยาเคมีทางโทรศัพท์  ผมบอกเขาในเรื่องนี้  เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจและพูดว่า “คุณไม่ได้อ่านรายงานของผมหรือ?”

บิลิรูบิน คือสารเคมีชนิดหนึ่งที่ให้สีเหลืองออกน้ำตาล โดยเป็นสารที่เกิดจากการแตกตัว หรือ การตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด ทั้งนี้ ร่างกายจะกำจัดสารนี้ออกจากร่างกายทางน้ำดี และทางปัสสาวะ ดังนั้นสารนี้จึงเป็นสารที่ทำให้อุจจาระมีสีออกเหลืองน้ำตาลและทำให้ปัสสาวะมีสีออกเหลือง ซึ่งถ้ามีสารนี้ในร่างกาย (ในเลือด) สูงกว่าปกติ จะส่งผลให้เกิดอาการตัว ตาเหลือง หรือโรคดีซ่าน และถ้าเกิดมีปริมาณสารนี้สูงเรื้อรังในน้ำดี สารนี้จะตกตะกอนได้ในถุงน้ำดีจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงน้ำดีอักเสบได้

บรรณานุกรม

1.               Bilirubin http://en.wikipedia.org/wiki/Gallbladder [2012,Oct28].

            แอดเลอร์ได้พบปริมาณ บิลิรูบิน บนผ้าในปริมาณมาก  ซึ่งอธิบายให้รู้ว่าเหตุใดโลหิตที่ติดบนผ้าห่อพระศพจึงเป็นสีแดง  เมื่อชายผู้นี้ถูกโบยตีและเสียน้ำในร่างกาย  เขาจะช๊อกและตับจะเริ่มหลั่งสารบิลิรูบินนี้ออกมา  มันทำให้โลหิตเป็นสีแดงตลอดไป  นี่เป็นส่วนสุดท้ายในความสงสัยของผม  ผมไม่มีอะไรข้องใจอีกแล้ว  บางครั้งผมก็แปลกใจว่าทำไมผมถึงไม่ถามคำถามนี้กับ อแลน  แอดเลอร์ เมื่อ 17 ปีก่อน  แต่คิดว่าเวลานั้นผมอาจยังไม่พร้อมสำหรับคำตอบของเขา  ถึงแม้ว่านี่จะเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ผมแน่ใจ  แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของผ้าห่อพระศพสำหรับผมเป็นพิเศษ  หลักฐานที่พิสูจน์ว่าผ้าห่อพระศพนี้เป็นของจริงและผมชอบมากนั้นมาจากคำพูดของแม่ของผมเองซึ่งเป็นชาวยิว  ท่านเกิดที่โปแลนด์และได้รับการศึกษาเพียงระดับไฮสคูล  ท่านเคยฟังการบรรยายทางวิชาการครั้งหนึ่งของผม  หลังจากนั้นเราก็ขับรถกลับบ้าน  ท่านนั่งเงียบเป็นเวลานาน –คุณจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อแม่ชาวยิวนี้นิ่งเงียบ – ดังนั้นผมจึงถามท่าน “แม่, แม่คิดอย่างไร?”  เธอตอบว่า “บาร์รี  มันเป็นของจริงอย่างแน่นอน  พวกเขาคงจะไม่เก็บรักษาไว้เป็นเวลานานถึง 2,000 ปีหรอก  ถ้าหากไม่เป็นของจริง”

นี่เป็นจุดสำคัญ  ตามกฎหมายของชาวยิว  ผ้าห่อศพที่ชุ่มโชกด้วยเลือดจะต้องคงอยู่ในถ้ำฝังศพ  การนำออกมานั้น  เป็นการเสี่ยงสำหรับคุณเอง  เพราะนั่นเป็นการละเมิดกฎหมาย

คำอธิบายที่สะดุดใจต่อผมในเรื่องผ้าห่อพระศพ  มาจากทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และพื้นเพความเป็นยิวของผมเอง  ผ้านั้นเป็นผ้าที่ใช้ห่อพระศพของพระเยซูเจ้าแน่นอน

CWR:  ผ้าห่อพระศพบอกอะไรแก่เราในเรื่องความทุกข์ทรมานฝ่ายร่างกายของพระคริสต์?

Schwortz:  มีเอกสารเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานและการทารุณกรรมต่อพระเยซูเจ้า  ใบหน้าของพระองค์ถูกตีอย่างหนัก  และมีรอยบวมเป่งที่รอบๆดวงตา  ผมเป็นคนที่ชอบดูมวย  ใบหน้าบนผ้าห่อพระศพทำให้ผมนึกถึงนักมวยที่แพ้ในการต่อสู้บนสังเวียน  ชายบนผ้าถูกโบยตีอย่างโหดร้ายทารุณ  เราพบรอยแผลมากมายบนแผ่นหลัง  และยังพบรอยแส้รอบๆร่างกาย  เขาถูกโบยตีด้านหน้าด้วยเช่นกัน  พูดกันตรงๆ  ภาพบนผ้าห่อพระศพให้ความถูกต้องแม่นยำมากกว่าภาพวาดทั่วไปที่เราเห็น

เขามีรอยถูกหอกแทงที่สีข้าง  ขาของเขาไม่แตกหัก  เหมือนกรณีอื่นๆของคนที่ถูกตรึงกางเขน  ศีรษะของเขาและหนังศีรษะเต็มไปด้วยรอยแผล  แต่ในภาพวาดทางศิลปะเราจะเห็นเพียงแค่รอยมงกุฏหนามเท่านั้นที่เด่นชัดอยู่รอบๆเป็นวงกลมคล้ายมงกุฏบนพระเศียรของพระคริสต์  และมันดูไม่เหมือนจริงเลย  ทหารคงต้องนำกิ่งไม้หนามมาขดเป็นวงและกระแทกลงบนศีรษะของเขา

เราตรวจดูที่หลังมือข้างหนึ่ง  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตะปูถูกตอก ไม่ใช่ที่กลางฝ่ามือ  แต่ถูกตอกห่างจากข้อมือมา 1 นิ้ว   สำหรับทหารโรมันที่ตรึงกางเขนคน 20 คนหรือมากกว่านั้นในเวลาเดียวกัน  นี่เป็นเรื่องที่ดูมีเหตุผล  มันเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะตอกตะปูลงไป  แล้วจึงย้ายไปทำกับเหยื่อคนอื่นต่อไป

ในส่วนของเท้า  เป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะตัดสินว่า  ตะปูเพียงตัวเดียวที่ตอกบนเท้าทั้งสอง  หรือตะปูถูกตอกบนเท้าแต่ละข้าง  เรามีศพของเหยื่อที่ถูกตรึงกางเขน  และพบตะปูสองตัวถูกใช้สำหรับเท้าแต่ข้าง

CWR:  พวกเขายืดแขนของชายผู้นี้หรือไม่เพื่อที่แขนจะได้วางบนตำแหน่งของมัน?  และเคราบางส่วนถูกดึงออกไปหรือไม่?

Schwortz:   จากหลักฐานที่พบบอกเราว่า  เขาคงจะถูกยืดแขนเพื่อทำให้มาอยู่ในตำแหน่ง  และเรายังสังเกตุเห็นจุดรูปตัว V (V-notch)  ที่เครา  แสดงว่าเขาอาจถูกดึงเครา

ท้ายสุด  จากหลักฐานที่พบแสดงให้เห็นว่า  พระคัมภีร์ได้บรรยายอย่างถูกต้องถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างพระมหาทรมานของพระคริสต์

CWR:  บางคนยังได้เห็นสิ่งอื่นๆอีกในผ้าห่อพระศพ  อาทิเช่น  เหรียญโรมันปิดบนตาของพระคริสต์

Schwortz:  โอ ใช่  บางคนเห็น  เหรียญ, ดอกไม้ และสิ่งอื่นอีกซึ่งอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ที่นั่น  เกี่ยวกับเหรียญนี้  ในทีม STRUP ของเรา  เรามีนักวิทยาศาสตร์ภาพถ่ายของนาซ่าด้วย – เขาเป็นคาทอลิกที่ดี  เขาอธิบายให้เราทราบว่า  ผ้าลินินที่ทอขึ้นนี้หยาบเกินไปที่จะแสดงรายละเอียดของเหรียญได้  สิ่งที่เราแน่ใจก็คือเราได้เห็นภาพของชายผู้หนึ่ง และนี่เป็นสิ่งที่สำคัญกว่ามิใช่หรือ?

CWR:จากการศึกษาผ้าห่อพระศพนี้  คุณจะบรรยายรูปร่างของพระคริสต์ให้เราฟังได้ไหม?

Schwortz: พระองค์มีรูปร่างที่สมส่วน  อาจพูดได้ว่ารูปร่างกำยำ  พระองค์มีร่างกายส่วนบนที่แข็งแรง  หน้าอกผึ่งผายและบ่าไหล่ที่สมส่วน  นี่ก็มีเหตุผล  เพราะพระองค์เป็นช่างไม้  ในสมัยนั้นพระองค์ต้องออกไปตัดต้นไม้  ทำการตัดและแกะสลักไม้  สิ่งเหล่านี้คุณต้องการร่างกายที่แข็งแรง

ในเรื่องส่วนสูง  บอกได้ยาก  เพราะขอบของภาพบนผ้าไม่ชัดเจน  มันจางไป  ผ้าอาจได้รับผลกระทบจากความชื้นและยึดออก  เราได้แต่เดาเอาว่า  ความสูงอยู่ที่ 5 ฟุต 10 นิ้ว หรือ 5 ฟุต 11 นิ้ว  พระองค์เป็นคนที่สุงในสมัยนั้น  แต่คงไม่สูงมาก  ไม่เช่นนั้นพระคัมภีร์คงได้เขียนเป็นข้อสังเกตไว้   เรามีศพของผู้ชายชาวยิวจากสมัยนั้นซึ่งความสูงไม่เกิน 6 ฟุต

CWR:  คุณพอจะบอกอะไรเกี่ยวกับผ้าได้ไหม?

Schwortz: มันเป็นผ้าที่มีคุณภาพซึ่งชายที่มีฐานะเป็นเจ้าของ  มันอาจถูกทำขึ้นที่ซีเรีย  และถูกนำมาที่เยรูซาเล็มบนหลังอูฐ  เพราะเหตุที่มันถูกนำเข้ามา  มันจึงต้องมีราคาแพงมาก  นี่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า  โยเซฟ ชาวอาริมาเทีย เป็นผู้มั่งคั่ง  เขาคงเป็นเจ้าของและหวังจะใช้สำหรับตัวเอง

พ่อของผมซึ่งเป็นชาวยิวก็วางแผนสำหรับงานศพของท่านเอง  จึงสมเหตุสมผลที่จะเชื่อว่า โยเซฟ ชาวอาริมาเทีย ก็ทำเช่นเดียวกัน  เมื่อพระคริสต์สิ้นพระชนม์ เขาได้มอบผ้าของเขาแก่พระองค์  และวางแผนจะซื้อผ้าอื่นสำหรับใช้กับตัวเองในภายหลัง

CWR:  คุณมีส่วนร่วมอย่างไรบ้างใน STRUP ปี 1978?

Schwortz:  เรามาถึงอิตาลีพร้อมด้วยเครื่องมือ 80 รายการ  แต่ถูกยึดจากศุลกากรอิตาลีนานถึง 5 วัน  ทำให้รายการทดสอบ 67 หน้าตามแผนการต้องกระชับมากขึ้น  เพราะเราสูญเสียเวลาไป 5 วันในการตระเตรียมอุปกรณ์  เราจึงไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการทดสอบได้ตามเป้าหรือไม่  ทางพระศาสนจักรไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวมากนัก เพราะพระศาสนจักรไม่ได้เป็นเจ้าของผ้า  กษัตริย์อุมเบอร์โต ดยุกแห่งซาวอย (เคยปกครองอิตาลี) เป็นครอบครัวซึ่งเป็นเจ้าของผ้านี้มานานหกศตวรรษ  ได้ให้อนุญาติแก่เราในการศึกษา

เราขอเวลา 96 ชั่วโมงในการศึกษา  แต่เราได้รับเวลาถึง 120 ชั่วโมง  เรารวบรวมข้อมูล แต่ไม่สรุปผล  เราไปเพื่อหาคำตอบทั่วไป  อาทิเช่น  ภาพในผ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?  ในสามปีต่อมาเราได้จัดทำเอกสารและส่งไปยังสำนักพิมพ์  ท้ายที่สุด  สิ่งที่เราสามารถบอกคุณได้ก็คือ  ภาพในผ้าห่อพระศพ  ไม่ได้ถูกวาดระบายสี,  ไม่ได้เกิดจากการเผาไหม้(จากรังสี), และไม่ได้เกิดจากการถ่ายภาพ

ในทีมของเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชื่อหลากหลาย  จากคาทอลิกไปจนถึงคนช่างสงสัย  ในทีมของเรามีผู้ที่เป็นมอร์มอน  อีแวนเจลิคัล คริสต์เตียน, และยิว  ความเชื่อทางศาสนาไม่ใช่เป็นสิ่งสำคัญในทีมของเรา  อันที่จริง  ในความเป็นยิวของผม  ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจในการร่วมทีมและผมพยายามขอถอนตัวสองครั้ง    ผมบอกเรื่องที่จะลาออก กับ ดอน  ลิน  เพื่อนร่วมทีมซึ่งเป็นคาทอลิก  เพราะผมเป็นยิว  เขาพูดว่า “คุณลืมไปแล้วหรือว่า พระเยซูเป็นชาวยิว?”

CWR:  การได้เห็นผ้าห่อพระศพมีผลอะไรกับประชาชนทั่วไปบ้าง?

Schwortz:  ผมเห็นการตอบสนองหลายแบบ  บางคนก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ  แต่สำหรับหลายคน  มันทำให้พวกเขามีความเชื่อมากขึ้น  แต่สุดท้ายความเชื่อก็ไม่ได้ขึ้นกับผ้า  แต่เป็นพระพรของพระเป็นเจ้าที่หลั่งในหัวใจของผู้ที่มองมาที่ผ้านี้

------------------------------------------------------------

(Jim Graves is a Catholic writer living in Newport Beach, California)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น