ในการประจักษ์ครั้งสำคัญสองแห่งของแม่พระในปีเดียวกัน
คือที่กิเบโฮ ในราวันดา และที่เมดจูกอเรจ์ ในยูโกสลาเวีย พระนางทรงประทานสาส์นสำหรับในยุคสมัยของเรา จากสถานที่อันห่างไกลนั้น แม่พระทรงตรัสต่อ “โลกทั้งมวล” ซึ่งเริ่มต้นว่า
ความชื่นชมยินดีที่แท้จริงต้องมาจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระคริสตเจ้าเท่านั้น
ความร่ำรวยฝ่ายจิตเป็นความมั่งคั่งที่แท้จริง ส่วนสิ่งอื่นๆที่โลกถือว่าเป็นความร่ำรวยนั้นเป็นทองคำแห่งความโง่เขลา นี่คือสาส์นของแม่พระเมื่อประจักษ์ที่กิเบโฮ
ในอัฟริกาตะวันออก
คงสาธยายได้ไม่สิ้นสุดสำหรับยุคสมัยของเราซึ่งเป็นยุคสมัยแห่งภาพมายาและการหลอกลวง
ความยากจนหรือ ? ความร่ำรวยหรือ ?
ที่กิเบโฮ
การประจักษ์ของแม่พระซึ่งทางพระศาสนจักรรับรองแล้ว
เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน 1981
กิเบโฮเป็นบริเวณที่ยากจนที่สุดในโลก
ซึ่งถูกเลือกโดยแม่พระ
เป็นเพราะสถานที่นั้นยังมีความบริสุทธิ์อยู่ แม่พระทรงอธิบายว่าเหตุใด ผู้คนจึงให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยในเรื่องของ
ความดี ความรัก
ความเมตตาและเรื่องที่เกี่ยวกับพระเป็นเจ้า ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเป็นเจ้าบางคนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลของโลก บางคนได้เป็น ผู้นำ เป็นนางงาม
เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
แม่พระทรงอธิบายว่า “ไม่มีอุปสรรคใดๆบนถนนที่นำไปสู่ความมืดมิด
ไปสู่สถานที่แห่งความชั่วร้ายของปีศาจ”
คำอธิบายของแม่พระที่อาจทำให้เราไม่เข้าใจ อย่างเช่น
“ผู้ที่ติดตามพระเยซูเจ้าจะได้รับความยากจน
ในขณะที่ผู้ไม่ติดตามพระเยซูเจ้าจะร่ำรวย”
แม่พระทรงอธิบายต่อไปว่า “พวกเขาได้รับรางวัลของเขาในโลกนี้เท่านั้น แต่วันหนึ่งพวกเขาจะสูญเสียทุกสิ่ง”
แม่พระทรงเตือนการกระทำของผู้ที่
“ต้องการให้ได้มาซึ่งความสำเร็จโดยอาศัยการคดโกง” ว่า
“ผู้ที่เดินไปตามถนนที่นำไปสู่นรกจะเดินไปอย่างสะดวกสบายไม่มีความยากลำบาก เขาจะได้รับความทุกข์ทรมานเพียงครั้งเดียวสำหรับความชั่วร้ายของเขา
และความทุกข์ทรมานนั้นจะคงอยู่ชั่วนิรันดรไม่มีวันสิ้นสุด”
แม่พระทรงปลอบบรรเทาใจพระสงฆ์และนักบวชว่า “พวกท่านถูกเรียกร้องให้ยอมรับความยากลำบากมากมาย (แต่ก็จะได้รับพระหรรษทานที่มากเพียงพอเช่นกัน) ถ้าหากองค์พระบุตรของพระเป็นเจ้ายังได้รับความทุกข์ยากลำบากในโลก แล้วทำไมพวกท่านจึงพยายามหลีกหนีความยากลำบากเล่า ? อย่าไปวิตกกังวลกับสิ่งที่รบกวนจิตใจทำให้ท่านไม่มีสันติสุขเถิด ขอให้มีใจยินดีในความยากลำบาก เป็นบุญของผู้ที่ยอมเป็นผู้ช่วยของแม่ (เป็นเครื่องมือของแม่พระ) แม่จะให้สวรรค์เป็นรางวัลของพวกเขา การทดสอบของพวกเขาจะจบสิ้นในวันหนึ่ง”
แม่พระทรงขอให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า พระนางตรัสว่า พวกเรา “กำลังถูกสิ่งของของโลกและความปรารถนาในสิ่งของของโลก หันเหเราออกจากพระเป็นเจ้า” ถึงแม้ว่า “วันเวลานั้นสั้นนัก”
“มนุษย์กำลังวิ่งไล่ไขว่คว้าลม”
แม่พระทรงเตือนเราหลายครั้งในหลายแห่งที่ทรงประจักษ์
“บางคนไม่เชื่อเรื่องสวรรค์
พวกเขาพูดว่า
สวรรค์อยู่บนโลกนี้เอง
ความยากจนที่แท้จริงก็คือการขาดพระหรรษทานที่นำเราไปสู่พระเป็นเจ้า”
นี่เป็นเวลาของการสู้รบกับปีศาจ มีแต่เพียงการสวดภาวนาและการอดอาหารเท่านั้นที่จะสามารถขับไล่ปีศาจได้ แม่พระตรัสว่า “เราจะสามารถพิชิตการโจมตีของซาตานทุกครั้งได้ด้วยการสวดภาวนาและการพลีกรรม”
“ผู้ที่หันมาหาพระเป็นเจ้าในชีวิตบนโลกนี้ของเขา จะสามารถลดระยะเวลาในไฟชำระได้ หรือแม้แต่หลีกเลี่ยงไปต้องไปไฟชำระได้ด้วย”
“ลูกแต่ละคนต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ถูกประทานมาให้แก่ลูก
ผู้ที่ไปสู่สวรรค์คือผู้ที่พยายามจนสุดกำลังเพื่อไปให้ถึงที่นั่น”
แม่พระทรงปลอบบรรเทาใจพระสงฆ์และนักบวชว่า “พวกท่านถูกเรียกร้องให้ยอมรับความยากลำบากมากมาย (แต่ก็จะได้รับพระหรรษทานที่มากเพียงพอเช่นกัน) ถ้าหากองค์พระบุตรของพระเป็นเจ้ายังได้รับความทุกข์ยากลำบากในโลก แล้วทำไมพวกท่านจึงพยายามหลีกหนีความยากลำบากเล่า ? อย่าไปวิตกกังวลกับสิ่งที่รบกวนจิตใจทำให้ท่านไม่มีสันติสุขเถิด ขอให้มีใจยินดีในความยากลำบาก เป็นบุญของผู้ที่ยอมเป็นผู้ช่วยของแม่ (เป็นเครื่องมือของแม่พระ) แม่จะให้สวรรค์เป็นรางวัลของพวกเขา การทดสอบของพวกเขาจะจบสิ้นในวันหนึ่ง”
“ไม่มีใครที่ไม่มีความทุกข์ยากลำบากในโลก”
แม่พระทรงสั่งสอนต่อไป “คนยากจนได้รับความทุกข์ยากลำบากเพราะความยากจนของเขา
คนร่ำรวยได้รับความทุกข์ยากลำบากเพราะความวิตกกังวลซึ่งมาพร้อมกับความร่ำรวยของเขา มนุษย์ช่างหลอกตัวเองเสียจริง เรามักคิดว่า
คนๆนั้นช่างร่ำรวยจริงๆ แต่ – วิญญาณของเขานั้นว่างเปล่าไร้ค่า”
แม่พระยังทรงเตือนถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในสถานที่นี้ ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทางตะวันตกของคิกาลี
– อีกไม่นานมันจะเป็นเขตสงครามอันน่าสยดสยอง, เป็นสถานที่ของโรคเอดส์และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จะมี“เวลาแห่งการทดสอบ”
ให้เราสวดภาวนาวอนขอพละกำลังและความรู้ที่จะเข้าใจในสาส์นของแม่พระ ทุกคนต้องการไปสวรรค์
แต่ไม่มีพละกำลังเพียงพอ แม่พระทรงสอนว่า
“แม่จะสอนลูกให้สวดภาวนา
จงสวดภาวนาจากส่วนลึกของจิตใจของลูก”
“ผู้หญิงต้องหยุดดูแลร่างกายของตนเองให้เป็นเหมือนกับเครื่องมือของความพึงพอใจเท่านั้น”
เราต้องคิดถึงผู้อื่นด้วย ไม่ว่าเขาจะเป็นคนร่ำรวยหรือยากจน เป็นคนดีหรือคนชั่ว แม่พระทรงสอนว่า “จงอดทนต่อทุกคน เพราะพระเป็นเจ้าทรงอดทนต่อลูก อย่าทำงานเพียงเพื่อสิ่งของของโลกเท่านั้น เพราะพวกมันไม่ได้เป็นของของลูก”
“พวกลูกกำลังเดินทางไปพร้อมกัน ดังนั้นจงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
แต่ละวันให้เราทำตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าที่ทรงมีสำหรับท่าน จงมีความเชื่อในทุกสิ่ง แม้แต่ความเจ็บป่วยด้วย
แม่พระทรงสอนว่า
“เพราะผู้เจ็บป่วยที่ถูกประกาศว่า “รักษาไม่หาย”
การเยียวยาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือสันติสุขในวิญญาณ”
“ไม่มีความร่ำรวยมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ใดๆจะมีค่าเทียบเท่ากับความบริสุทธิ์ของจิตใจ”
แม่พระตรัสว่า
การทดสอบและความทุกข์ยากลำบากจะช่วยให้เราสวดภาวนาได้ดีขึ้น
“จงใช้พละกำลังทั้งหมดของลูกมุ่งไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิต”
“ลูกต้องรักซึ่งกันและกันและต้องไม่โกรธเคืองใคร
เมล็ดพันธ์เล็กๆของความโกรธเคืองสามารถเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่แห่งความเกลียดชังได้ จงให้อภัยผู้ที่ทำร้ายลูก”
"ผู้ที่ชอบสวมใส่เสื้อผ้าฉูดฉาดเพื่อโอ้อวดเอาใจมนุษย์ แต่ไม่ได้ทำสิ่งใดให้เป็นที่สบพระทัยพระเจ้า.
แม้เขาจะมีเสื้อผ้าที่สวยงามสวมใส่อยู่ ก็เสมือนเปล่าเปลือยเบื้องพระพักตร์พระเจ้า. ผู้ที่มีความภูมิใจในความงามของตน ควรมีใจอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะความงามของเขามาจากพระเจ้า
"
“วันหนึ่ง
พระเป็นเจ้าจะนำทุกสิ่งของเขากลับคืน”
“พระเป็นเจ้าทรงนำเรามาอยู่ในโลกนี้เพื่อให้เราทำตามน้ำพระทัยของพระองค์”
“ผู้ที่วางใจในแม่จะไม่ขาดสิ่งใด จงเดินตามถนนเพียงสายเดียว ไม่ใช่เดินทั้งสองสาย”
พระเยซูเจ้าก็ทรงประจักษ์ที่กิเบโฮ ใน
ราวันดา ด้วย และตรัสว่า “ผู้ที่รู้จักเราและสนทนากับเราในโลกนี้ เราก็จะรู้จักเขาและจะสนทนากับเขาในสวรรค์เช่นเดียวกัน”
ที่เมดจูกอเรจ์ ในปี
1981 (ปีเดียวกันกับการประจักษ์ที่กิเบโฮ)
ในยุคสมัยที่คอมมิวนิสต์ยังปกครองยูโกสลาเวีย) แม่พระทรงประจักษ์แก่เด็กๆ
โดยเริ่มต้นวันที่ 24 มิ.ย. 1981 (แม้ว่าพระศาสนจักรจะยังไม่ได้รับรอง) แม่พระตรัสว่า “เวลานี้เป็นเวลาที่พิเศษ” และทรงเตือนว่า “พวกลูกกำลังสร้างโลกที่ปราศจากพระเป็นเจ้า ด้วยพละกำลังของตนเอง
และนั่นเป็นสาเหตุที่ลูกไม่พอใจและไม่มีความชื่นชมยินดีในจิตใจของลูก”
แม่พระตรัสว่า
“แม่ขอให้ลูกพิจารณาไตร่ตรองดูเถิด
พระเป็นเจ้าทรงเลือกพวกลูกแต่ละคน
เพื่อจะใช้พวกลูกในแผนการณ์แห่งความรอดสำหรับมนุษยชาติ ลูกไม่อาจเข้าใจได้ถึงบทบาทอันสำคัญของลูกในแผนการณ์ของพระเป็นเจ้าได้ เพราะฉะนั้น
ลูกๆที่รักทั้งหลาย
จงสวดภาวนา เพื่อที่ในการสวดภาวนานี้ลูกจะสามารถเข้าใจได้ว่าแผนการณ์ของพระเป็นเจ้านั้นขึ้นอยู่กับลูกด้วย”
ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสวดภาวนา แม่พระแห่งกิเบโฮ ตรัสว่า “ลูกต้องเล่าเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับตัวของลูกเองต่อพระเป็นเจ้า
พระองค์ทรงทราบการกระทำทุกอย่างของลูกและความคิดทุกอย่างของลูกด้วย แต่ลูกต้องเล่าเรื่องของลูกต่อพระองค์ ในเรื่องความทุกข์ทรมานฝ่ายร่างกาย จิตใจ
และวิญญาณ จงวอนขออภัยจากพระเป็นเจ้าด้วยส่วนลึกจากจิตใจของลูก ถ้าลูกมีความจริงใจ พระองค์จะทรงอภัยแก่ลูก ด้วยวิธีนี้
ลูกทั้งหลายของแม่
บาปของลูกก็จะไม่ทำให้ลูกถอยหลัง
จงสวดภาวนาต่อพระเป็นเจ้าด้วยสุดจิตใจ
จงอดอาหารเพื่อที่พระองค์จะทรงอวยพรลูก
แล้วลูกก็ต้องวอนขอพระเป็นเจ้าให้อภัยแก่ผู้ที่ทำร้ายลูก
ให้อภัยทุกคนที่ทำให้ลูกลำบากและดูหมิ่นลูกหรือทำให้ลูกบาดเจ็บ
จงวอนขอให้พระเป็นเจ้าอวยพรพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขา
การสวดภาวนาของลูกจะไม่มีความหมายถ้ามันไม่ได้ออกมาจากส่วนลึกในจิตใจของลูก ถ้าลูกไม่มีพละกำลังที่จะสวดภาวนา จงสวดวอนขอความช่วยเหลือจากแม่ และแม่จะมอบพละกำลังแก่ลูก”
“ผลของการสวดภาวนาคือความรัก
ผลของความรักคือการให้อภัย
และผลของการให้อภัยคือสันติสุข”
(คุณแม่เทเรซา)
“ผู้หญิงจำนวนมากที่แสวงหาความรักและปรารถนาได้รับความรักจากผู้อื่นโดยอาศัยร่างกายของตน พวกเขาลืมไปว่าความรักที่แท้จริงมาจากพระเป็นเจ้า แทนที่จะรับใช้พระเป็นเจ้า พวกเขารับใช้เงินทอง”
“ผู้หญิงต้องใช้ร่างกายของเขาเพื่อเทิดพระเกียรติพระเป็นเจ้า ไม่ใช่ใช้เพื่อทำให้ผู้ชายลุ่มหลง ผู้ชายต้องเรียนรู้ที่จะดูแลหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของตนและไม่ปรารถนาแต่เพียงความพึงพอใจทางร่างกายเท่านั้น”
พระเยซูเจ้าตรัสกับผู้ที่ทรงประจักษ์ว่า
“จงบอกพวกเขาทุกคนให้สวดภาวนาต่อพระมารดาของเรา
เพื่อให้พระนางช่วยเหลือพวกเขา
การดำเนินชีวิตในหนทางที่ผิดสามารถทำให้อนาคตของพวกเขายากลำบากอย่างสาหัสได้”
ในส่วนเรื่องของอัศจรรย์
แม่พระตรัสว่า
ทำไมลูกจึงวอนขออัศจรรย์?
มีอัศจรรย์เกิดขึ้นทุกวัน
แต่ลูกไม่เชื่อ
จงวอนขอแสงสว่างสำหรับตาที่มืดบอดของลูกจะดีกว่า จงเรียนรู้ที่จะแปลความหมายของหมายสำคัญ เพราะหมายสำคัญถูกประทานมาให้แก่ลูกทุกวัน ความสุขจงมีแด่ผู้ที่เชื่อโดยไม่ต้องรอคอยอัศจรรย์
เพราะผู้ที่รอคอยอัศจรรย์จะยากลำบากที่จะมีความเชื่อ เมื่ออัศจรรย์ไม่เกิดขึ้น ความเชื่อของพวกเขาจะสูญสิ้นไป”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น