โดย Michael H. Brown
ในระหว่างเทศกาลมหาพรตนี้
ขอให้เราพิจารณาไตร่ตรองเรื่องเกี่ยวกับไฟชำระกันบ้าง
มีหนังสือเล่มเล็กๆอยู่เล่มหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ มันมีชื่อว่า “ความลับของไฟชำระ”
หนังสือเล่มเล็กนี้เป็นหนังสือหายาก ถูกพิมพ์ขึ้นในปี 1958
และเวลานี้ก็ไม่มีการพิมพ์ขึ้นอีกแล้ว
หนังสืออธิบายว่าการไขแสดงนี้เกิดขึ้นอย่างไร เรื่องเหล่านี้เป็น
“ความทรงจำของวิญญาณในไฟชำระดวงหนึ่ง”
เราไม่แน่ใจว่า
มันเป็นผลงานของบุคคลที่ได้รับพระพรพิเศษ (Mystic) หรือเปล่า ? หรือมีผู้ที่ได้เห็นนิรันดรภาพบางคน? หรือว่ามาจากวิญญาณในไฟชำระโดยตรง?
สิ่งที่เรารู้ก็คือหนังสือเล่มเล็กนี้มีคุณค่าต่อการอ่าน ผู้แต่งไม่ประสงค์ออกนาม หนังสือเคยถูกพิมพ์ที่อิลลินอยส์โดยได้รับอนุมัติจากพระอัครสังฆราช
แห่งชิคาโก Archbishop Samuel Cardinal Stritch เราได้นำบางตอนของหนังสือนี้มาลงไว้ดังนี้
“ไฟชำระเป็นสถานที่แห่งความเมตตาและความดี ไม่มีใครที่อาจจินตนาการได้ถึงความดีอันไม่มีสิ้นสุดของพระเป็นเจ้าที่ทรงมีต่อวิญญาณที่ทุกข์ทรมานเหล่านั้น
นี่เป็นพระเมตตาอันอ่อนโยนที่พระองค์ทรงมีต่อข้าพเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นความรักความเมตตาเช่นนี้ซึ่งหลั่งไหลมายังข้าพเจ้ามาก่อนเลย ในไฟอันบริสุทธิ์นี้ข้าพเจ้าได้พบกับความดีและพระเมตตาของพระเป็นเจ้าซึ่งข้าพเจ้าแสวงหา ราวกับว่า
วิญญาณได้ถามพระเป็นเจ้าว่า “ลูกจะมีชีวิตอีกครั้งใช่ไหม?
ลูกจะได้ชดเชยแก้ไขทุกสิ่งให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” และพระเป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว เวลานี้ลูกกำลังเริ่มต้นการเข้าสู่สวรรค์นิรันดร
ลูกต้องรับความทุกข์ทรมานและชดเชยแก้ไขบาปทั้งหมดของลูก และลูกจะถูกทำให้บริสุทธิ์” ข้าพเจ้ารู้สึกในพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ไม่มีสิ้นสุด และยอมรับการชำระล้างในไฟชำระนี้
“มันเป็นสถานที่แห่งการไถ่กู้ให้รอดอย่างแท้จริง
เป็นที่ซึ่งวิญญาณมารวมกันอยู่ในห้วงอเวจีของไฟชำระ
มันเป็นสถานที่ลี้ภัยแห่งสุดท้ายที่ถูกสร้างขึ้นโดยความรักแห่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้า และมันเป็นสถานที่แห่งการตระหนักรู้ด้วย
เป็นการตระหนักรู้ว่าพระเป็นเจ้าทรงความดีอันยิ่งใหญ่และความรักมากล้นสักเพียงไร และเราได้ปฏิเสธพระองค์บ่อยมากสักเพียงไร
บ่อยครั้งสักเพียงไรที่เราละทิ้งโอกาสที่พระองค์ประทานแก่เราในการที่จะรู้จักพระองค์ ในไฟชำระเราจะได้เห็นโอกาสเหล่านั้นที่เราละทิ้งไป”
ความดีทั้งหมดของพระเป็นเจ้าจะถูกเปิดเผยแก่เรา
“พระเป็นเจ้าไม่ทรงโหดร้ายต่อวิญญาณที่น่าสงสาร เหมือนดังที่หลายคนคิด” ผู้เขียนกล่าวถึงเรื่องนี้ถึง 46 หน้า
“ไม่เลย พระองค์ทรงความดีงาม
ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความสงสารและทรงความรักต่อพวกเขา ข้าพเจ้าเหมือนจะได้ยินเสียงในไฟชำระพูดว่า
“โอ พระเป็นเจ้าช่างทรงความดียิ่งนัก พวกเราน่าจะได้รู้จักพระองค์”
ไฟชำระยังเป็นสถานที่แห่งความทุกข์ทรมาน มีความสิ้นหวัง
มีความรอบรู้ในความรักอันศักดิ์สิทธิ์และการตระหนักรู้ถึงความดื้อรั้นของตนเองซึ่งถือเป็นความทุกข์ทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“วิญญาณในไฟชำระถูกห่อหุ้มด้วยผ้าหนาๆซึ่งพวกเขาทำขึ้นขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก”
ผู้เขียนบรรยาย “มันเป็นอาภรณ์แห่งความรักแต่ตัวเอง และถือตัวเองเป็นใหญ่ ใส่ใจในเกียรติของตนเท่านั้น มันจึงเป็นอาภรณ์เนื้อหยาบกระด้างที่ทำให้แสงสว่างของพระเป็นเจ้าไม่อาจทะลุเข้าไปได้”
“วิญญาณหลายดวงที่อยู่ในโลกไม่เคยถามตัวเองบ้างว่า
“การดำเนินชีวิตของฉันเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้าหรือไม่?” หนังสือเขียนไว้ต่อไปว่า
“แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับคิดว่า ได้ดำเนินชีวิตที่ดีแล้ว
เขาไม่มีความวิตกกังวลและมีความพอใจในชีวิตของเขา แต่พวกเขาคิดผิด”
“ในไฟชำระพวกเขาจะเห็นความผิดพลาดความไม่บริสุทธิ์ของวิญญาณแต่ละดวง
เหมือนกับรูปภาพโมเซอิกที่พระเป็นเจ้าทรงแสดงให้พวกเขาเห็น ซึ่งเป็นพระหรรษทานของพระองค์
แต่ละภาพของบาปนั้นต้องได้รับการแก้ไขเพื่อที่ทุกสิ่งจะได้กลับงดงามขึ้นใหม่ “ความทุกข์ทรมานอันยาวนานในไฟชำระ ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับความชื่นชมยินดีและความสุขที่วิญญาณที่น่าสงสารซึ่งได้รับความทุกข์ทรมานเหล่านี้จะได้รับในสวรรค์ วิญญาณในไฟชำระทุกดวงจะได้รับการปลอบประโลม
ความทุกข์ทรมานของพวกเขาจะสิ้นสุดลงที่ความสุขชั่วนิรันดร
สิ่งนี้คือการปลอบประโลมของวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้”
ในทันทีที่พวกเขาไปอยู่ในไฟชำระ
แสงสว่างของพระเป็นเจ้าจะเริ่มต้นชำระล้างพวกเขาให้บริสุทธิ์ และวิญญาณก็จะเริ่มต้นรับผลประโยชน์จากการสวดภาวนา จากพิธีมิสซา
และกิจการดีที่มีผู้อุทิศให้แก่พวกเขา
พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาปรารถนาในพระเป็นเจ้า และตระหนักว่าพวกเขายังไม่ชดใช้อย่างสาสมต่อการที่พวกเขาไม่สนใจใยดีในพระเป็นเจ้า แม้แต่นักบวชก็เป็นเช่นนี้ หนังสือบรรยายต่อไปว่า “นักบวชผู้มีใจศรัทธาบนโลกเป็นหนี้บุญคุณต่อวิญญาณที่ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเป็นเวลานานในไฟชำระ ข้าพเจ้ามองเห็นว่ามีวิญญาณหลายดวงในไฟชำระที่ปรารถนาจะเป็นนักบุญ ด้วยแรงกระตุ้นในตนเองของพวกเขาจากน้ำใจและความรักของพวกเขา หรือด้วยความปรารถนาที่จะทำให้ผู้ฟังแก้บาปหรือผู้ให้คำแนะนำชีวิตจิตของพวกเขาพึงพอใจ แรงกระตุ้นนี้ไม่ได้มาจากพระเป็นเจ้า แต่มาจากความปรารถนาอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเอง พวกเขาจึงทำกิจใช้โทษบาปเลียนแบบนักบุญ โดยไม่ใช่เป็นการใช้โทษบาปของเขาเอง
คำพิพากษาของพระเป็นเจ้านั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความคิดของพวกเรา หลายครั้งที่เราพูดหรือคิดว่า “โอวิญญาณดวงนั้นสูญเสียไปแล้วแน่นอน
หรือไม่วิญญาณนั้นคงตกลงไปส่วนที่ลึกที่สุดของไฟชำระ” แต่วิญญาณดวงนั้นกลับไปอยู่ในสวรรค์ หรือบางทีเราคิดว่าวิญญาณดวงนั้นช่างศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องไปสวรรค์แน่นอน
แต่ความจริงวิญญาณดวงนั้นยังต้องถูกชำระให้บริสุทธิ์เสียก่อน
หนทางที่ปลอดภัย
จงอย่าวางใจในตนเอง หลีกหนีสิ่งที่เป็นของโลก และวางใจในพระเยซูเจ้าเท่านั้น “ความปรารถนาที่จะทำทุกสิ่งตามพระประสงค์ของพระเยซูเจ้าจะทำให้วิญญาณนั้นบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน”
วิญญาณเหล่านี้จะเข้าสู่สวรรค์อย่างรวดเร็ว เขาเป็นวิญญาณที่ “ยากจน” ในชีวิตจิต
เขาจะเข้าใจองค์พระผู้ไถ่ของเราได้ดีกว่าผู้อื่น
วิญญาณที่ยากจนในชีวิตจิตเหล่านี้ อาจได้รับความทุกข์ในหลายรูปแบบ ความทุกข์เหล่านั้นถือเป็นการชำระล้างวิญญาณของเขาให้บริสุทธิ์
สิ่งเหล่านี้เกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะอธิบายให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน แต่ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นหลายสิ่งในไฟชำระซึ่งข้าพเจ้าเองก็เกือบไม่กล้าจะพูดถึง “ผู้ที่แสวงหาพระเป็นเจ้า
ผู้ที่ปรารถนาในพระเป็นเจ้าขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก จะเท่ากับได้อยู่ในไฟชำระบนโลกแล้ว เขาจะได้เข้าสวรรค์อย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ได้พบกับความยินดีในองค์พระผู้ไถ่ในศีลมหาสนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาพระสงฆ์
ต้องการแต่เพียงหยดพระโลหิตเล็กๆหนึ่งหยดเท่านั้นเพื่อชำระล้างวิญญาณให้บริสุทธิ์ในไฟชำระ แล้วเขาก็จะตรงเข้าสู่สวรรค์”
เมื่อวิญญาณได้รับอนุญาตให้ไปปรากฏแก่ผู้คนในโลกโดยผ่านทางหมายสำคัญบางอย่าง นั่นเป็นพระหรรษทานอันยิ่งใหญ่และเป็นขั้นตอนทางบวกสำหรับพวกเขาที่จะได้ผ่านจากความมืดไปสู่แสงสว่าง
แล้วพวกเขาจะทำให้พระเยซูเจ้าพอพระทัยในตัวของเขามากยิ่งขึ้น เมื่อเราสวดภาวนาให้แก่วิญญาณที่น่าสงสารในไฟชำระ พวกเขาจะรู้สึกกตัญญูต่อเรา และจะสวดภาวนาให้เราเป็นการตอบแทน ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกินที่วิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้กำลังเขาสู่วิมานสวรรค์ โอ
ช่างน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งถ้าหากจะไม่ได้เห็นภาพอันน่ามหัศจรรย์นี้ ผู้ที่ได้เห็นจะหลั่งน้ำตาด้วยความชื่นใจ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น