วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

ความลับของไฟชำระ

โดย  Michael H. Brown

ในระหว่างเทศกาลมหาพรตนี้  ขอให้เราพิจารณาไตร่ตรองเรื่องเกี่ยวกับไฟชำระกันบ้าง  มีหนังสือเล่มเล็กๆอยู่เล่มหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ  มันมีชื่อว่า “ความลับของไฟชำระ”

หนังสือเล่มเล็กนี้เป็นหนังสือหายาก  ถูกพิมพ์ขึ้นในปี 1958 และเวลานี้ก็ไม่มีการพิมพ์ขึ้นอีกแล้ว   หนังสืออธิบายว่าการไขแสดงนี้เกิดขึ้นอย่างไร  เรื่องเหล่านี้เป็น “ความทรงจำของวิญญาณในไฟชำระดวงหนึ่ง” 

เราไม่แน่ใจว่า มันเป็นผลงานของบุคคลที่ได้รับพระพรพิเศษ (Mystic) หรือเปล่า ?  หรือมีผู้ที่ได้เห็นนิรันดรภาพบางคน?  หรือว่ามาจากวิญญาณในไฟชำระโดยตรง?

             สิ่งที่เรารู้ก็คือหนังสือเล่มเล็กนี้มีคุณค่าต่อการอ่าน  ผู้แต่งไม่ประสงค์ออกนาม  หนังสือเคยถูกพิมพ์ที่อิลลินอยส์โดยได้รับอนุมัติจากพระอัครสังฆราช แห่งชิคาโก Archbishop Samuel Cardinal Stritch  เราได้นำบางตอนของหนังสือนี้มาลงไว้ดังนี้

             “ไฟชำระเป็นสถานที่แห่งความเมตตาและความดี  ไม่มีใครที่อาจจินตนาการได้ถึงความดีอันไม่มีสิ้นสุดของพระเป็นเจ้าที่ทรงมีต่อวิญญาณที่ทุกข์ทรมานเหล่านั้น  นี่เป็นพระเมตตาอันอ่อนโยนที่พระองค์ทรงมีต่อข้าพเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง  ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นความรักความเมตตาเช่นนี้ซึ่งหลั่งไหลมายังข้าพเจ้ามาก่อนเลย  ในไฟอันบริสุทธิ์นี้ข้าพเจ้าได้พบกับความดีและพระเมตตาของพระเป็นเจ้าซึ่งข้าพเจ้าแสวงหา  ราวกับว่า  วิญญาณได้ถามพระเป็นเจ้าว่า “ลูกจะมีชีวิตอีกครั้งใช่ไหม?  ลูกจะได้ชดเชยแก้ไขทุกสิ่งให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”  และพระเป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว  เวลานี้ลูกกำลังเริ่มต้นการเข้าสู่สวรรค์นิรันดร  ลูกต้องรับความทุกข์ทรมานและชดเชยแก้ไขบาปทั้งหมดของลูก  และลูกจะถูกทำให้บริสุทธิ์”  ข้าพเจ้ารู้สึกในพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ไม่มีสิ้นสุด  และยอมรับการชำระล้างในไฟชำระนี้

             “มันเป็นสถานที่แห่งการไถ่กู้ให้รอดอย่างแท้จริง  เป็นที่ซึ่งวิญญาณมารวมกันอยู่ในห้วงอเวจีของไฟชำระ  มันเป็นสถานที่ลี้ภัยแห่งสุดท้ายที่ถูกสร้างขึ้นโดยความรักแห่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้า  และมันเป็นสถานที่แห่งการตระหนักรู้ด้วย  เป็นการตระหนักรู้ว่าพระเป็นเจ้าทรงความดีอันยิ่งใหญ่และความรักมากล้นสักเพียงไร  และเราได้ปฏิเสธพระองค์บ่อยมากสักเพียงไร  บ่อยครั้งสักเพียงไรที่เราละทิ้งโอกาสที่พระองค์ประทานแก่เราในการที่จะรู้จักพระองค์  ในไฟชำระเราจะได้เห็นโอกาสเหล่านั้นที่เราละทิ้งไป”

ความดีทั้งหมดของพระเป็นเจ้าจะถูกเปิดเผยแก่เรา

             “พระเป็นเจ้าไม่ทรงโหดร้ายต่อวิญญาณที่น่าสงสาร  เหมือนดังที่หลายคนคิด”  ผู้เขียนกล่าวถึงเรื่องนี้ถึง 46 หน้า “ไม่เลย  พระองค์ทรงความดีงาม  ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความสงสารและทรงความรักต่อพวกเขา  ข้าพเจ้าเหมือนจะได้ยินเสียงในไฟชำระพูดว่า “โอ  พระเป็นเจ้าช่างทรงความดียิ่งนัก  พวกเราน่าจะได้รู้จักพระองค์”

             ไฟชำระยังเป็นสถานที่แห่งความทุกข์ทรมาน  มีความสิ้นหวัง  มีความรอบรู้ในความรักอันศักดิ์สิทธิ์และการตระหนักรู้ถึงความดื้อรั้นของตนเองซึ่งถือเป็นความทุกข์ทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

             “วิญญาณในไฟชำระถูกห่อหุ้มด้วยผ้าหนาๆซึ่งพวกเขาทำขึ้นขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก” ผู้เขียนบรรยาย “มันเป็นอาภรณ์แห่งความรักแต่ตัวเอง  และถือตัวเองเป็นใหญ่  ใส่ใจในเกียรติของตนเท่านั้น  มันจึงเป็นอาภรณ์เนื้อหยาบกระด้างที่ทำให้แสงสว่างของพระเป็นเจ้าไม่อาจทะลุเข้าไปได้”

             “วิญญาณหลายดวงที่อยู่ในโลกไม่เคยถามตัวเองบ้างว่า “การดำเนินชีวิตของฉันเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้าหรือไม่?”  หนังสือเขียนไว้ต่อไปว่า “แทนที่จะเป็นเช่นนั้น  พวกเขากลับคิดว่า  ได้ดำเนินชีวิตที่ดีแล้ว  เขาไม่มีความวิตกกังวลและมีความพอใจในชีวิตของเขา  แต่พวกเขาคิดผิด”

             “ในไฟชำระพวกเขาจะเห็นความผิดพลาดความไม่บริสุทธิ์ของวิญญาณแต่ละดวง  เหมือนกับรูปภาพโมเซอิกที่พระเป็นเจ้าทรงแสดงให้พวกเขาเห็น  ซึ่งเป็นพระหรรษทานของพระองค์  แต่ละภาพของบาปนั้นต้องได้รับการแก้ไขเพื่อที่ทุกสิ่งจะได้กลับงดงามขึ้นใหม่  “ความทุกข์ทรมานอันยาวนานในไฟชำระ  ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับความชื่นชมยินดีและความสุขที่วิญญาณที่น่าสงสารซึ่งได้รับความทุกข์ทรมานเหล่านี้จะได้รับในสวรรค์  วิญญาณในไฟชำระทุกดวงจะได้รับการปลอบประโลม  ความทุกข์ทรมานของพวกเขาจะสิ้นสุดลงที่ความสุขชั่วนิรันดร  สิ่งนี้คือการปลอบประโลมของวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้” 

             ในทันทีที่พวกเขาไปอยู่ในไฟชำระ  แสงสว่างของพระเป็นเจ้าจะเริ่มต้นชำระล้างพวกเขาให้บริสุทธิ์  และวิญญาณก็จะเริ่มต้นรับผลประโยชน์จากการสวดภาวนา  จากพิธีมิสซา และกิจการดีที่มีผู้อุทิศให้แก่พวกเขา  พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาปรารถนาในพระเป็นเจ้า  และตระหนักว่าพวกเขายังไม่ชดใช้อย่างสาสมต่อการที่พวกเขาไม่สนใจใยดีในพระเป็นเจ้า  แม้แต่นักบวชก็เป็นเช่นนี้  หนังสือบรรยายต่อไปว่า “นักบวชผู้มีใจศรัทธาบนโลกเป็นหนี้บุญคุณต่อวิญญาณที่ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเป็นเวลานานในไฟชำระ  ข้าพเจ้ามองเห็นว่ามีวิญญาณหลายดวงในไฟชำระที่ปรารถนาจะเป็นนักบุญ  ด้วยแรงกระตุ้นในตนเองของพวกเขาจากน้ำใจและความรักของพวกเขา  หรือด้วยความปรารถนาที่จะทำให้ผู้ฟังแก้บาปหรือผู้ให้คำแนะนำชีวิตจิตของพวกเขาพึงพอใจ  แรงกระตุ้นนี้ไม่ได้มาจากพระเป็นเจ้า  แต่มาจากความปรารถนาอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเอง  พวกเขาจึงทำกิจใช้โทษบาปเลียนแบบนักบุญ   โดยไม่ใช่เป็นการใช้โทษบาปของเขาเอง

             คำพิพากษาของพระเป็นเจ้านั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความคิดของพวกเรา  หลายครั้งที่เราพูดหรือคิดว่า  “โอวิญญาณดวงนั้นสูญเสียไปแล้วแน่นอน  หรือไม่วิญญาณนั้นคงตกลงไปส่วนที่ลึกที่สุดของไฟชำระ”  แต่วิญญาณดวงนั้นกลับไปอยู่ในสวรรค์  หรือบางทีเราคิดว่าวิญญาณดวงนั้นช่างศักดิ์สิทธิ์  เขาต้องไปสวรรค์แน่นอน  แต่ความจริงวิญญาณดวงนั้นยังต้องถูกชำระให้บริสุทธิ์เสียก่อน

หนทางที่ปลอดภัย

             จงอย่าวางใจในตนเอง  หลีกหนีสิ่งที่เป็นของโลก  และวางใจในพระเยซูเจ้าเท่านั้น  “ความปรารถนาที่จะทำทุกสิ่งตามพระประสงค์ของพระเยซูเจ้าจะทำให้วิญญาณนั้นบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน”  วิญญาณเหล่านี้จะเข้าสู่สวรรค์อย่างรวดเร็ว  เขาเป็นวิญญาณที่ “ยากจน”  ในชีวิตจิต  เขาจะเข้าใจองค์พระผู้ไถ่ของเราได้ดีกว่าผู้อื่น

             วิญญาณที่ยากจนในชีวิตจิตเหล่านี้  อาจได้รับความทุกข์ในหลายรูปแบบ  ความทุกข์เหล่านั้นถือเป็นการชำระล้างวิญญาณของเขาให้บริสุทธิ์  สิ่งเหล่านี้เกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะอธิบายให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน  แต่ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นหลายสิ่งในไฟชำระซึ่งข้าพเจ้าเองก็เกือบไม่กล้าจะพูดถึง  “ผู้ที่แสวงหาพระเป็นเจ้า  ผู้ที่ปรารถนาในพระเป็นเจ้าขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก  จะเท่ากับได้อยู่ในไฟชำระบนโลกแล้ว  เขาจะได้เข้าสวรรค์อย่างรวดเร็ว  ผู้ที่ได้พบกับความยินดีในองค์พระผู้ไถ่ในศีลมหาสนิท  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  บรรดาพระสงฆ์  ต้องการแต่เพียงหยดพระโลหิตเล็กๆหนึ่งหยดเท่านั้นเพื่อชำระล้างวิญญาณให้บริสุทธิ์ในไฟชำระ  แล้วเขาก็จะตรงเข้าสู่สวรรค์”

             เมื่อวิญญาณได้รับอนุญาตให้ไปปรากฏแก่ผู้คนในโลกโดยผ่านทางหมายสำคัญบางอย่าง  นั่นเป็นพระหรรษทานอันยิ่งใหญ่และเป็นขั้นตอนทางบวกสำหรับพวกเขาที่จะได้ผ่านจากความมืดไปสู่แสงสว่าง  แล้วพวกเขาจะทำให้พระเยซูเจ้าพอพระทัยในตัวของเขามากยิ่งขึ้น  เมื่อเราสวดภาวนาให้แก่วิญญาณที่น่าสงสารในไฟชำระ  พวกเขาจะรู้สึกกตัญญูต่อเรา  และจะสวดภาวนาให้เราเป็นการตอบแทน  ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกินที่วิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้กำลังเขาสู่วิมานสวรรค์  โอ  ช่างน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งถ้าหากจะไม่ได้เห็นภาพอันน่ามหัศจรรย์นี้  ผู้ที่ได้เห็นจะหลั่งน้ำตาด้วยความชื่นใจ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น