ในระหว่างการเฝ้าศีลมหาสนิท ดิฉันเฝ้าสวดภาวนาด้วยคำพูดว่า
“พระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์”
ทันใดนั้นพระองค์ทรงปรากฏแล้วดิฉันก็ตื่นตะลึงในความยิ่งใหญ่ของพระองค์....
ดิฉันได้เห็นบรรดานักบุญและเหล่านิกรเทวดาต่างพากันเปล่งเสียงสรรเสริญพระองค์
ดิฉันเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า
เหตุใดนักบุญเปาโลจึงไม่ต้องการอธิบายถึงสวรรค์
โดยกล่าวแต่เพียงว่า สิ่งที่ตาไม่เคยเห็นและหูไม่เคยได้ยิน
มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ในสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์
ดิฉันได้เห็นความยิ่งใหญ่ของความสุขในพระเป็นเจ้าที่แพร่ไปในสรรพสิ่งสร้าง และด้วยความอิ่มเอมใจในความสุขนี้ ทุกสรรพสิ่งแซ่ซ้องสรรเสริญต้นธารแห่งความสุขนั้น
บรรดานักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์เข้าไปสู่ส่วนลึกในพระเป็นเจ้า
พระบิดา พระบุตร และพระจิต พวกท่านเพ่งพิจารณาชีวิตภายในของพระองค์ซึ่งพวกท่านไม่มีทางจะเข้าใจได้เลย
ต้นธารแห่งความสุขนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ใหม่อยู่เสมอ
ต้นธารนี้นำความสุขมาให้แก่สรรพสิ่งสร้างทั้งหลาย
ดิฉันมีความเข้าใจในการนมัสการของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้น
ขึ้นอยู่กับระดับของพระหรรษทานและฐานันดรของแต่ละวิญญาณซึ่งแบ่งออกเป็นลำดับชั้น
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ดิฉันตระหนกหรือหวาดกลัว ไม่เลย
วิญญาณของดิฉันเต็มเปี่ยมด้วยสันติสุขและความรัก
และยิ่งดิฉันได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้ามากเพียงไร
ดิฉันยิ่งมีความยินดีมากขึ้นเพียงนั้นที่รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นดังที่พระองค์ทรงเป็น
ดิฉันบังเกิดความปิติสุขยิ่งนักในความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และดิฉันสุขใจที่เป็นเพียงคนต่ำต้อย เพราะดิฉันต่ำต้อยยิ่งนัก จึงทำให้พระองค์ทรงโอบอุ้มดิฉันไว้ในอ้อมพระหัตถ์ ดิฉันจึงได้อยู่ใกล้ชิดดวงพระทัยของพระองค์
โอ
พระหรรษทานยิ่งใหญ่สักเพียงใดที่พระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักพระองค์อย่างจริงใจ โอ
ความสุขมากสักเพียงไรที่วิญญาณในโลกนี้ได้รับจากพระทัยรักของพระองค์ วิญญาณนั้นคือวิญญาณที่ต่ำต้อยและถ่อมตน
โอ
พระเมตตาของพระเจ้าช่างยิ่งใหญ่ยิ่งนัก พระองค์ทรงยอมให้มนุษย์มีส่วนในความสุขลึกล้ำของพระองค์
ในเวลาเดียวกัน
ความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งได้ทิ่มแทงหัวใจของดิฉันเมื่อได้เห็นวิญญาณมากมายปฏิเสธความสุขนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น