วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

นักบุญอัลฟองซ่า


ในเฟสบุ๊คที่เขียนในภาษาเคราลา ในรัฐมาลายาลัม ของอินเดีย  นาย Jijo Kurian เจ้าของเฟสบุ๊คตั้งข้อสังเกตว่า ภาพวาดของ นักบุญอัลฟองซ่า นักบุญชาวอินเดียคนแรกนั้นดูจะแตกต่างจากภาพจริงของท่านมาก  เขากล่าวว่า “ในทัศนะคติของคนทั่วไป  นักบุญจะมีลักษณะอ่อนโยน สวยงาม  แต่ถ้าดูภาพจริงของท่านแล้วจะเห็นว่าท่านมีลักษณะเคร่งขรึม  แตกต่างจากจินตนาการของคนทั่วไป”

เราเห็นลักษณะเดียวกันในภาพของนักบุญคาเทริ เทคาควิททา ซึ่งเป็นอินเดียนแดง ของสหรัฐอเมริกา  ภาพวาดของเธอมีหลายแบบ




 
--------------------------------

ประวัติของนักบุญอัลฟองซ่า บุปผชาติน้อยแห่งอินเดีย

เธอเกิดมาในหมู่บ้าน Kudamaloor ในเมืองเคราลา ของอินเดีย บิดามารดาคือ Joseph and Mary Muttathupadathu เป็นคาทอลิกใจศรัทธา  เมื่อรับศีลล้างบาป เธอมีนามนักบุญอันนาเป็นองค์อุปถัมภ์   และพวกเขาเรียกเธอว่า Annakutty  ซึ่งแปลว่า อันนาน้อย เป็นชื่อที่นิยมกันในหมู่ชาวเคราลาเวลานั้น

แม่ของเธอเสียชีวิตเมื่อคลอด Annakutty ได้สามเดือน  โดยถูกงูกัดคอในเวลานอนหลับ แม่ของอันนาได้ขอให้ Annamma Muricken ซึ่งเป็นพี่สาวและเป็นป้าของอันนาเป็นผู้เลี้ยงดูอันนา

อันนาเข้าเรียนที่ Arpookara และย้ายไปโรงเรียนที่ Muttuchira  ในปี 1923 อันนาได้รับบาดเจ็บถูกไฟเผาที่เท้าของเธอ เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุเหยียบลงไปในเตาเผา  ทำให้เธอกลายเป็นคนพิการ

อันนาได้เข้าคณะฟรังซิสกัน คลาริสต์  และอยู่ในคอนแวนต์ของนักบุญคลาร่าผู้ยากจน Poor Clares ที่ Bharananganam  และทางคณะได้ส่งเธอเรียนต่อระดับมัธยมที่โรงเรียนใน Vazhappally

เธอได้รับศีลบวชที่ Bharananganam เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 1930  สามวันต่อมาเธอไปเรียนต่อที่ Changanacherry  และได้ทำการสาบานตลอดชีวิตเมื่อ 12 ส.ค. 1936  เธอได้ทำงานสอนในโรงเรียนประถม เธอเจ็บป่วยบ่อยมากจนทำให้สอนไม่ค่อยได้

ธันวาคม 1936  เธอได้รับอัศจรรย์การช่วยให้หายจากความพิการโดยผ่านทางการเสนอวิงวอนของบุญราศี Kuriakose Elias Chavara  แต่วันที่ 14 มิ.ย. 1939 เธอล้มเจ็บด้วยโรคนิวมอเนีย  วันที่ 18 ม.ย. 1939 ขโมยได้เข้าไปในห้องของเธอในตอนเที่ยงคืน  เหตุการณ์นี้กระทบกระเทือนจิตใจของเธอมากทำให้เธอมีความจำเสื่อมและสุขภาพอ่อนแอลง

สุขภาพของเธอย่ำแย่ลงเรื่อยๆเป็นเวลาหลายเดือน  เธอได้รับศีลผู้ใกล้ตายในวันที่ 29 ก.ย. 1941  ในวันรุ่งขึ้นเธอก็หายจากอาการความจำเสื่อม  แต่สุขภาพก็ยังไม่กลับคืนมาเหมือนเดิม  ปีต่อมาสุขภาพของเธอจึงดีขึ้น  แต่เดือนกรกฏาคม 1945  เธอมีปัญหาที่ท้องทำให้เธออาเจียน

เธอเสียชีวิตวันที่ 28 ก.ค. 1946 อายุ 35 ปี  ร่างของเธอถูกฝังที่ Bharananganam (ปัจจุบันคือเมือง เคราลา) 

สุสานฝังศพของเธอกลายเป็นที่แสวงบุญ  มีรายงานอัศจรรย์เกิดขึ้นกับเด็กที่ป่วยเป็นโรคที่เท้าซึ่งหายป่วยจากการวอนขอของเธอ  ทางวาติกันได้รับรองอัศจรรย์นั้นและจะประกาศแต่งตั้งเธอเป็นนักบุญในวันที่ 12 ตุลาคม 2016 นี้ที่กรุงโรม

------------------

อัลฟองซ่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้าและมีประสบการณ์ได้พบกับพระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวันของเธอ  ตัวอย่างเช่น  อัลฟองซ่าเป็นผู้ที่มีความรักและยอมรับความทุกข์  เธอถูกเรียกว่าเป็น “บุปผาชาติน้อย” "Little Flower" แห่งอินเดีย  เช่นเดียวกับนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู  เธอเป็นนักบวชในคณะฟรังซิสกันคลาริสต์  และอยู่ในอารามชีลับที่คอนแวนต์ของนักบุญคลาร่าผู้ยากจน

จดหมายของอัลฟองซ่าแสดงให้เห็นถึงความรู้ทางเทววิทยาในเรื่องที่เกี่ยวกับพระคริสตเจ้า  บอกเล่าเกี่ยวกับพระมหาทรมานและความทุกข์ของพระเยซูเจ้าและเธอเองก็ยอมรับความทุกข์เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์  เธอเขียนว่า “ตั้งแต่ความทุกข์และความขมขื่นได้ตกลงบนองค์เจ้าบ่าวของดิฉัน  ดิฉันก็เริ่มรักและโอบกอดความทุกข์เหล่านั้นไว้ด้วยเช่นกัน  วิญญาณของดิฉันมีสันติสงบสุข  ถึงแม้ร่างกายของดิฉันจะได้รับความทรมานอย่างต่อเนื่อง  เป็นเวลาเจ็ดปีที่ดิฉันไม่ได้เป็นของดิฉันแต่เป็นขององค์เจ้าบ่าวสวรรค์ของดิฉันอย่างครบถ้วน  ท่านก็รู้สิ่งเหล่านั้นแล้ว  และเวลานี้ขอให้พระเยซูเจ้าทรงทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ในตัวดิฉันเถิด  ดิฉันไม่ได้กังวลใจที่จะได้รับการรักษาให้หาย  แต่คำนึงถึงแต่น้ำพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้สำเร็จไปในตัวดิฉันเท่านั้น”  อัลฟองซ่ายินดีรับความทุกข์ทั้งหลายเพื่อพระเยซูเจ้า  เธอปฏิเสธตนเอง  เธอได้ตายต่อตนเอง  ในการเป็นเช่นนี้เธอได้รับทุกสิ่งจากองค์พระคริสต์    เธอดำรงชีวิตอยู่ในพระคริสต์  และพระองค์เป็นจุดศูนย์กลางชีวิตของเธอ

พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ตรัสในระหว่างการสถาปนาเธอเป็นบุญราศี  เกี่ยวกับประสบการณ์ความทุกข์สาหัสของซิสเตอร์อัลฟองซ่าที่ได้รับในหลายปี  “ตั้งแต่ปีแรกในชีวิตของซิสเตอร์อัลฟองซา  เธอได้รับความทุกข์ยิ่งใหญ่  หลายปีที่ผ่านมาพระบิดาสวรรค์ทรงให้เธอได้มีประสบการณ์พระมหาทรมานของพระคริสตเจ้าองค์พระบุตรสุดที่รักของพระองค์  เราตระหนักถึงประสบการณ์ความทุกข์ของเธอไม่เพียงแต่ฝ่ายร่างกายเท่านั้นซึ่งแสนสาหัสนัก  แต่เธอยังได้รับความทุกข์ทางจิตใจด้วย  โดยการถูกเข้าใจผิดและถูกตัดสินอย่างผิดๆจากผู้อื่น....เธอกลายเป็นผู้ที่รักในความทุกข์เพราะเธอรักในความทุกข์ของพระคริสต์  เธอเรียนรู้ที่จะรักกางเขนโดยผ่านทางความรักของเธอต่อพระคริสต์ผู้ถูกตรึงกางเขน” 

“อัลฟองซ่า  ด้วยประสบการณ์ความทุกข์ของพระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน  เธอได้พบช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดในชีวิตของเธอ  ที่อยู่ในความอ่อนหวานของความรักของพระเยซูเจ้า  ความรักอันอ่อนหวานแห่งดวงพระทัยของพระองค์  เธอเป็นดังเด็กสาวที่อยู่ต่อหน้าสุดที่รักของเธอ  ช่างเป็นความรักที่น่าประทับใจเหมือนดังที่บทกวีพรรณนาไว้  เธอมอบความรักทั้งหมดในหัวใจของเธอแด่พระเยซูเจ้า  เธอมีประสบการณ์ในความรักจากองค์พระผู้ทรงเป็นแหล่งของความรักศักดิ์สิทธิ์จากดวงพระทัยของพระองค์  ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “ดิฉันไม่อาจอธิบายให้เข้าใจเป็นคำพูดได้  ดิฉันตกอยู่ในภวังค์ของบางอย่างที่ทำให้ตัวชา ดิฉันไม่สามารถอธิบายนิมิตที่เห็นได้  ดิฉันเห็นนิมิตในระหว่างที่มึนงง  ดูเหมือนว่า พระเยซูเจ้าเสด็จมาหาดิฉัน  ทรงประคับประคองดูแลดิฉันและทรงประทานความอ่อนหวานอันน่าหลงไหลทั้งหมดของพระองค์ซึ่งอยู่ในดวงพระทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แก่ดิฉัน  ทั้งห้องเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า  ดิฉันไม่อาจรับรู้รายละเอียดได้ทั้งหมด  ความสุขในชั่วเวลานั้นมากมายไม่มีที่สิ้นสุด” 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น