บทความนี้มาจากการสัมภาษณ์พระคาร์ดินัลเซน
ท่านเล่าถึงแม่พระและการประจักษ์ของพระนางในประเทศจีน
ในปี
1900 มีรายงานว่ามีการประจักษ์ของแม่พระ 3 ครั้ง
ครั้งแรกที่ปักกิ่ง
แม่พระเสด็จมาพร้อมด้วยนักบุญอัครเทวดามีคาแอลและบรรดานิกรเทวดามากมาย
ครั้งที่สอง ทรงประจักษ์ที่หมู่บ้านซานไถ่ (Santai) ในระหว่างที่เกิดสงครามกบฏบ๊อกเซอร์
(Boxer Rebellion) และพระรูปแม่พระทรงหลั่งน้ำตาด้วย
ครั้งที่สาม การประจักษ์เกิดขึ้นที่ ดองกลู (Donglu) ดองกลูอยู่ห่าง 40 กม.
จาก เบาดิงในจังหวัด หูเป่ย (Baoding in Hebei province) ที่นี่มีคริสตชนคาทอลิกจำนวนมากที่มีความศรัทธาและเป็นพระศาสนจักรที่ไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีน
ผู้ที่เป็นพยานรู้เห็นเล่าว่า สุภาพสตรีที่สวยงามเชื่อว่าเป็นพระนางมารีย์
ได้ปรากฏบนท้องฟ้า
และพวกเขาได้วิงวอนแม่พระให้ช่วยพวกเขาจากศัตรูและช่วยให้เมืองไม่ถูกทำลาย ชาวเมืองดองกลูได้ทำพิธีขอบคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระที่ช่วยปกป้องประชาชนและตัวเมืองในระหว่างสงครามกบฏบ๊อกเซอร์ ด้วยการสร้างโบสถ์ที่สวยงามถวายเกียรติแด่แม่พระ พระสงฆ์ในสมัยนั้นได้รักษาภาพวาดจักรพรรดินี (Dowager Empress Ci Xi) สวมอาภรณ์จักรพรรดิ
ท่านยังให้จิตรกรวาดภาพลักษณะเช่นเดียวกันนี้ในรูปของแม่พระกำลังอุ้มพระกุมาร และรูปภาพนี้แขวนอยู่ในโบสถ์ดองกลู โบสถ์นี้กลายเป็นที่แสวงบุญที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
อาสนวิหารที่ดองกลู
ประชาชนจำนวนนับหมื่นคนเริ่มเดินทางมาแสวงบุญที่ดองกลูตั้งแต่ปี
1924 พวกเขาเดินทางมายังเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของอาสนวิหารที่สร้างถวายแด่แม่พระ พระสันตะปาปาปีโอที่ 11
ทรงรับรองอาสนวิหารแห่งนี้อย่างเป็นทางการ
อัศจรรย์ดวงอาทิตย์วันที่
23 พ.ค. 1995
วันที่ 23 พ.ค. 1995
ผู้แสวงบุญได้เห็นปรากฏการณ์พิเศษ
มีคาทอลิกประมาณ 30,000
คนที่มาจากพระศาสนจักรใต้ดินมารวมกันที่อาสนวิหารดองกลู
วันนั้นเป็นวันก่อนวันฉลองแม่พระองค์อุปถัมภ์ของคริสตชน
ซึ่งคาทอลิกชาวจีนมีความศรัทธามาก พระสังฆราชสี่องค์จากพระศาสนจักรใต้ดินมาร่วมประกอบพิธีมิสซาพร้อมด้วยพระสงฆ์เกือบ
100 องค์ ทั้งหมดยืนอยู่บริเวณสถานที่โล่งแจ้งและมีความกระตือรือร้นที่จะฉลองวันสำคัญของแม่พระนี้
ในระหว่างการสวดภาวนาและในระหว่างการเสกศีลมหาสนิท ประชาชนสังเกตุว่าดวงอาทิตย์หมุนจากขวาไปซ้าย แสงรังสีหลายสีสาดส่องจากท้องฟ้า
ประชาชนสามารถมองดูดวงอาทิตย์โดยไม่กระพริบตา
ทันใดนั้นตรงใจกลางดวงอาทิตย์ประชาชนเห็นแม่พระทรงประจักษ์มา บางคนมองเห็นเป็นกางเขน บางคนเห็นเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ บางคนเห็นแม่พระทรงอุ้มพระกุมารเยซู และบางคนเห็นศีลมหาสนิท ประชาชนมีความรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาเป็นทุกข์ถึงบาปของตนและเริ่มร้องไห้ ประชาชนพากันร้องออกมาว่า
“พระมารดาศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
โปรดอภัยบาปของลูกด้วยเถิด”
“พระมารดาพรหมจารีย์
โปรดสงสารลูกด้วยเถิด” ขณะที่ดวงอาทิตย์เปลี่ยนสีสลับกันไปปรากฏการณ์นี้กินเวลาประมาณ20นาที
ท่าทีของรัฐบาล
รัฐบาลมีท่าทีที่แข็งกร้าวเมื่อมีประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระศาสนจักรคาทอลิกที่ไม่ได้รับการรับรองด้วยแล้ว
เพราะรัฐบาลคอยจับตาดูชุมนุมชนของพระศาสนจักรที่ไม่ได้รับการรับรองเหล่านี้อยู่และคอยกีดกันประชาชนไม่ให้ไปแสวงบุญที่ดองกลูในปี
1995 นั้น รัฐบาลส่งทหารไปคอยควบคุมและขวางกั้นไม่ให้ประชาชนที่เดินทางไปดองกลูผ่านทางเพื่อขึ้นไปยังเนินเขา ตำรวจบังคับให้ประชาชนกลับบ้านโดยทางรถบัสและรถไฟโดยไม่ให้คำอธิบายใดๆ
แต่ก็ยังคงมีประชาชนนับพันที่สามารถไปถึงสถานที่แสวงบุญได้สำเร็จโดยใช้ทางเลือกอื่นๆ ประชาชนประมาณ 100,000
คนที่ร่วมในพิธีฉลองครั้งนี้
ในปี 1996
รัฐบาลได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการห้ามไม่ให้ผู้ใดไปยังอาสนวิหารดองกลูเด็ดขาด ครั้งนี้รัฐบาลให้เหตุผลสองประการคือ การรวมตัวกันเป็นสิ่งผิดกฏหมายและเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อเสถียรภาพของสังคม
ทีมตำรวจปกป้องสาธารณภัยจำนวน 500
นายเฝ้าระวังหมู่บ้านทั้งหมดที่อยู่โดยรอบดองกลูและตามเมืองทั้งหมดในจังหวัดหูเป่ย
พวกเขาเดินทางไปรอบๆพยายามบังคับสมาชิกของชุมนุมชนที่รัฐบาลไม่รับรองเหล่านั้นให้เข้าร่วมกับสมาคมรักชาติจีนและกีดกันประชาชนเหล่านั้นไม่ให้เข้าร่วมกับพระศาสนจักรที่รัฐบาลไม่รับรอง พระสงฆ์ที่อยู่ในหมู่บ้านและในเมืองถูกสั่งไม่ให้ออกจากที่พักและห้ามสั่งสอนตั้งแต่วันที่
13 พ.ค. เป็นต้นไป
ส่วนประชาชนผู้มีความเชื่อก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกจากหมู่บ้านของพวกเขา
บรรดาพ่อแม่ถูกห้ามไม่ให้พาลูกไปที่โบสถ์หรือสวมใส่ศาสนภัณฑ์ต่างๆ
แต่ดูเหมือนคำสั่งห้ามเหล่านี้จะไม่มีผลต่อความเชื่อของประชาชนคาทอลิก
พวกเขาต้องการถวายเกียรติแด่แม่พระที่อาสนวิหารดองกลู ทุกเดือนพฤษภาคม ประชาชนนับหมื่นคนจะพากันไปแสวงบุญ ทั้งๆที่มีคำสั่งห้าม พวกเขาเดินไปยังเนินเขาอย่างเงียบๆ หรือสวดสายประคำหรือร้องเพลงไปด้วย
อาสนวิหารแห่งซีชาน The
shrine at Sheshan
มิถุนายน 1989 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2
ทรงสวดภาวนาแด่แม่พระแห่งซีชานองค์อุปถัมภ์ของคริสตชน
เพื่อขอให้แม่พระทรงเมตตาต่อคริสตชนชาวจีนอันเป็นที่รักยิ่ง นี่เป็นการย้ำถึงความสำคัญของอาสนวิหารแห่งนี้ในฐานะสัญญลักษณ์ของการฟื้นฟูคริสตศาสนาขึ้นใหม่ในประเทศจีน ซีชานมียอดเขา 9 ยอดที่สูงเหยียดเมฆ อยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ประมาณ 35 กม. และมีป่าไผ่อยู่ล้อมรอบ สายลมพัดผ่านไปตามต้นไผ่ ธรรมชาติอันงดงามนี้แหละที่เหมาะสมกับพระเป็นเจ้าและแม่พระ
ปี
1866 มีการสร้างโบสถ์ที่เซี่ยงไฮ้เป็นรูปหกเหลี่ยมภายในมีพระแท่นและพระรูปแม่พระประดิษฐานอยู่ ห้าปีต่อมา
คณะเยซูอิตได้สร้างโบสถ์อีกแห่งหนึ่งใกล้กับภูเขาและถวายแด่แม่พระองค์อุปถัมภ์ของคริสตชน ซึ่งได้รับการรับรองในปี 1873
ปี
1924 พระสังฆราชจีนได้ประกอบพิธีถวายประเทศจีนแด่แม่พระ
ทำให้สถานที่นี้กลายเป็นที่แสวงบุญ
ต่อมาในปี 1925 เริ่มปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโบสถ์ให้เป็นอาสนวิหาร ใช้เวลา 10
ปีจึงเสร็จสมบูรณ์
อาสนวิหารนี้กลายเป็นที่แสวงบุญที่มีชาวจีนนิยมมากันมาก
ระหว่างการปฏิวัติวัฒนธรรม
พระรูปแม่พระทำด้วยทองบรอนซ์ซึ่งตั้งอยู่หัวมุมของอาสนวิหารได้หายไป รูปปั้นอื่นๆ ,
พระแท่นและหน้าต่างกระจกสีได้ถูกทำลายพังเสียหาย
ทางโบสถ์จึงสร้างพระรูปแม่พระทรงอุ้มพระกุมารทำด้วยทองบรอนซ์ขึ้นมาใหม่และนำไปตั้งบนยอดพระวิหารในปี
2000 ประชาชนประมาณ 10,000 คนเป็นผู้บริจาคเงินในการสร้างครั้งนี้
การแสวงบุญเริ่มต้นในปี
1979 และตั้งแต่บัดนั้น ทุกปีจะมีผู้แสวงบุญนับพันมาที่ซีชาน ในปี 1900
การแสวงบุญครั้งแรกในรอบสิบปีมีประชาชน 30,000 คนมาร่วมฉลองแม่พระ คนที่อายุมากหน่อยและคนหนุ่มจะปีนเขาที่สูงชันขึ้นมา
นี่แสดงถึงความศรัทธาและความรักของพวกเขาต่อแม่พระ
มีผู้แสวงบุญกลุ่มใหญ่เป็นชาวประมงจากเมืองเจียงนาม ได้แล่นเรือมาตามแม่น้ำแยงซีและล่องมาในคลองที่อยู่รอบเชิงเขาแห่งนี้ และพักจอดเรือที่ซีชานอย่างน้อยสามวัน พวกเขามาสวดวิงวอนต่อแม่พระให้ช่วยเหลือพวกเขาในความจำเป็นต่างๆ นี่เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับชาวจีนจากทั่วประเทศที่มาแสวงบุญ ณ. ที่แห่งนี้
----------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น