มีรยานาเล่าไว้ในหนังสือว่า ในการประจักษ์เดือนธันวาคม 1982 อันเป็นวันที่เธอได้รับความลับข้อที่ 10
ซึ่งเป็นข้อสุดท้าย เธอได้รับวัตถุลึกลับชิ้นหนึ่งจากแม่พระ
มีรยานาได้ยืนยันเกี่ยวกับวัตถุลึกลับนี้และให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วย
เธอเล่าว่า
หลังจากที่แม่พระทรงตรัสกับเธอเกี่ยวกับความลับทั้งหมด (เมื่อมีรยานาได้รับความลับครบสิบข้อแล้ว แม่พระจะไม่ประจักษ์แก่เธอทุกวัน แต่จะประจักษ์แก่เธอเดือนละครั้งในวันที่ 2
ของทุกเดือน) สาระในความลับนั้นเป็นการเตือนโลก จะมีเครื่องหมายอันยิ่งใหญ่
และจบลงด้วยการลงทัณฑ์โดยรวมซึ่งจะมีผลต่อโลกทั้งหมด
(ซึ่งจะทำให้โลกดีขึ้นและจะเป็นชัยชนะของแม่พระ)
เธอเล่าต่อไปเกี่ยวกับวัตถุลึกลับ
“แล้วแม่พระทรงถือม้วนหนังสือ
ทรงอธิบายว่าความลับทั้งสิบข้อถูกเขียนไว้ในม้วนหนังสือนี้
และฉันจะต้องนำม้วนหนังสือไปแสดงให้แก่พระสงฆ์ที่ฉันจะเลือกเมื่อเวลาที่ต้องเปิดเผยมาถึง”
“ฉันรับม้วนหนังสือมาจากมือของแม่พระโดยไม่ได้มองดูมันเลย” แม่พระตรัสต่อว่า
“บัดนี้ลูกจะต้องหันกลับมาหาพระเป็นเจ้าในความเชื่อเช่นเดียวกับคนอื่นๆ มีรยานา, แม่ได้เลือกลูก แม่ได้เปิดเผยทุกสิ่งที่จำเป็นแก่ลูกแล้ว
แม่ยังได้แสดงให้ลูกรู้ถึงหลายสิ่งที่น่าหวาดหวั่นด้วย
ลูกต้องทนรับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดด้วยความกล้าหาญ
จงคิดถึงแม่และคิดถึงน้ำตาของแม่ที่ต้องหลั่งออกมาเพราะสิ่งเหล่านั้น ลูกต้องกล้าหาญเสมอ ลูกได้เห็นสาส์นเหล่านั้นชั่วขณะแล้ว
เดี๋ยวนี้ลูกต้องเข้าใจว่าแม่จะต้องจากลูกไปแล้ว จงกล้าหาญ”
“ฉันครุ่นคิดสงสัยว่า
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
มีรยานาเขียน
“ฉันได้รับวัตถุนี้จากสวรรค์ได้อย่างไร?
ก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในช่วงเวลาสิบแปดเดือนที่ผ่านมานี้ ฉันบอกได้แต่เพียงว่า
นี่เป็นธรรมล้ำลึกของพระเป็นเจ้า
ม้วนหนังสือมีสีเหมือนผ้าขนสัตว์
ทำด้วยวัตถุคล้ายกับหนังสัตว์
ไม่เหมือนกระดาษและไม่เหมือนกับผ้า
แต่อาจจะเป็นระหว่างสองอย่างนั้น
ฉันเปิดม้วนหนังสือออกอย่างระมัดระวัง
และได้พบความลับทั้งสิบข้อเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือที่โค้งมนสวยงาม ไม่มีการตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ ความลับแต่ละข้อได้อธิบายด้วยคำที่ง่ายๆชัดเจน
เหมือนกับคำพูดของแม่พระที่ตรัสอธิบายแก่ฉันในตอนเริ่มแรก ความลับไม่ได้แบ่งเป็นข้อ แต่เรียงกันไปตามลำดับ จากความลับข้อแรกที่อยู่ตอนบน
และความลับข้อที่สิบอยู่ด้านล่าง และมีวันที่ของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตระบุอยู่ด้วย”
ในเวลาต่อมา
มีรยานาได้แสดง “ม้วนหนังสือ”
ซึ่งเธอเก็บไว้อย่างดีให้แก่ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเธอดู และเพื่อนคนหนึ่งของเธอด้วย มีรยานาเล่าว่า ลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่ได้เห็นเป็นข้อความของความลับทั้งสิบ แต่กลับเห็นเป็นบทภาวนาหรือบทกลอน
ขณะที่เพื่อนของเธอก็เห็นเป็นอย่างอื่นที่แตกต่างออกไป เขาเห็นเป็นจดหมายขอความช่วยเหลือจากใครบางคน
มีแต่เพียงมีรยานาเท่านั้นที่สามารถเห็นข้อความที่เป็นความลับบนหนังสัตว์นี้ได้ และเมื่อใกล้เวลาที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น
เธอจะนำไปแสดงให้พระสงฆ์ที่เธอจะเลือกและท่านก็จะสามารถเห็นข้อความเช่นเดียวกับเธอ
มีรยานาไม่แน่ใจว่า
เธอจะมีชีวิตอยู่จนถึงเวลาที่จะแสดงม้วนหนังสือต่อพระสงฆ์ที่เธอจะเลือกไว้หรือไม่? เพราะคนเราอาจเสียชีวิตเมื่อไรก็ได้ แต่เมื่อเรามีแม่พระอยู่กับเราแล้ว เราจะต้องกลัวอะไรเล่า
แม่พระได้บอกให้มีรยานาเลือกพระสงฆ์องค์หนึ่งซึ่งเธอจะแจ้งความลับแก่ท่านล่วงหน้า
10 วัน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ในความลับ
ท่านจะสวดภาวนาและอดอาหารเป็นเวลา 7 วันพร้อมกับมีรยานา และอีก 3
วันที่เหลือท่านจะแจ้งให้โลกทราบล่วงหน้า เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจะเป็นการพิสูจน์ความแท้จริงของการประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์ได้เป็นอย่างดี แต่ก็จะมีบางคนที่ยังคงไม่เชื่อ
ความลับ2ข้อแรกจะเกิดขึ้นที่เมดจูกอเรจ์และจะเป็นการยืนยันความจริงของการประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์ และจะเป็นการเตือนโลกให้กลับใจ เหตุการณ์จะเกิดขึ้นก่อนที่เครื่องหมายที่สามารถมองเห็นได้จะถูกประทานมาแก่มนุษยชาติ
แม่พระทรงประทานความลับให้แก่ผู้เห็นแม่พระทั้ง 6
คน คนละสิบข้อ สาระในความลับนั้นบางส่วนเกี่ยวข้องกับโลก บางส่วนเกี่ยวข้องกับพระศาสนจักร และบางส่วนเกี่ยวกับโบสถ์ที่เมดจูกอเรจ์ ผู้เห็นแม่พระ 3 คนได้รับความลับครบ 10 ข้อแล้วและเขาไม่ได้เห็นแม่พระประจักษ์ทุกวันอีก ส่วนอีกสามคนได้รับความลับ 9 ข้อและยังคงเห็นแม่พระประจักษ์ทุกวัน แม่พระทรงสัญญาว่าจะประทานเครื่องหมายที่มองเห็นได้ไว้ที่ยอดเขาแห่งการประจักษ์
(Podbrdo) เครื่องหมายนี้เป็นอัศจรรย์ถาวรและมองเห็นได้ (ไม่สามารถทำลายได้)
มันจะเป็นหลักฐานยืนยันและทำให้คนไม่เชื่อกลับใจจำนวนมาก และมันอยู่ในความลับข้อที่
3 อย่างไรก็ดี
แม่พระทรงเตือนว่าเราไม่ควรรอให้เครื่องหมายปรากฏมาก่อนแล้วค่อยกลับใจ เพราะเวลาอาจมีไม่พอที่จะกลับใจ
-----------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น