สัญญาณของกาลเวลา
พระเยซูเจ้าตรัสแก่ฝูงชนว่า
“เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก
ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก – และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน – และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยดินฟ้าอากาศ
แล้วทำไมไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า?” (ลูกา 12 54-56)
ในหนังสือไดอารี่ของ
น.โฟสตินาบันทึกพระวาจาของพระเยซูเจ้าไว้ว่า “ก่อนถึงวันแห่งพระยุติธรรม เรากำลังประทานวันแห่งพระเมตตา” (ไดอารี่
1588)
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในพระศาสนจักรว่า
ระยะเวลานี้เรากำลังมีชีวิตอยู่ใน “วันแห่งพระเมตตา” หลายคนสรุปว่า
ระยะเวลาแห่งพระเมตตานั้นเริ่มต้นจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2
และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้
แต่ยังไม่รู้ว่าสิ้นสุดเมื่อไร
พระสันตปาปาฟรังซิสตรัสเมื่อ
มีนาคม 2014 ว่า พระองค์ทรงเชื่อว่าพวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ใน “ช่วงเวลาแห่งพระเมตตา”
ตามที่ น.โฟสตีนา ได้บอกไว้
พระสันตปาปายังทรงบอกว่าระยะเวลาแห่งพระเมตตานี้เริ่มต้นตั้งแต่เวลาที่พระสันตปาปายอห์นปอลที่
2 ทำพิธีถวายโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ในปี 1984
“ข้าพเจ้าแน่ใจเช่นนี้ ไม่ใช่เฉพาะช่วงเวลามหาพรตนี้เท่านั้น
พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาแห่งพระเมตตามาตั้งแต่สามสิบปีที่ผ่านมาจนมาถึงทุกวันนี้”
พระดำรัสของพระสันตปาปาฟรังซิสแก่พระสงฆ์ในกรุงโรมวันที่ 6 มีนาคม 2014
ในปี 1984
พระสันตปาปายอห์นปอลที่2 ทรงทำพีธีถวายโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์
พร้อมกับพระสังฆราชทั่วโลก
และผลพวงของการประกอบพิธีนี้นำไปสู่การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตในปี
1991 ทำให้เกิดระยะเวลาแห่งสันติภาพขึ้นบนโลก
สิ้นสุด “ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตา”
วันที่ 20
พฤศจิกายน 2016
ที่ผ่านมานี้เป็นวันสิ้นสุดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตาซึ่งพระสันตปาปาฟรังซิสทรงประกาศให้เริ่มต้นในวันที่
8 ธันวาคม 2015
และเป็นไปได้ไหมว่าเรากำลังเข้าสู่ “ปีแห่งพระยุติธรรม?”
บางทีอาจมีบางคนสังเกตุด้วยความประหลาดใจที่มีบางอย่างที่ไม่ค่อยปกติเกิดขึ้นในหลายประเทศ อาทิเช่น
การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาที่นายโดนัล ทรัมป์
ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอย่างคาดไม่ถึง
สงครามในซีเรียและอิรักที่มีการโจมตีเมืองสำคัญอย่างเมืองอเลปโปของซีเรียและเมืองโมซุลของอิรัก
มีแผ่นดินไหวในอิตาลี นิวซีแลนด์
และญี่ปุ่น
จีนเพิ่มกำลังทหารในทะเลจีนใต้ ฯลฯ
เป็นต้น
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ของโลกมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นจิตใจของมนุษย์ เพราะความทุกข์ยากลำบากและหายนะภัยที่เกิดขึ้นมักจะนำมนุษย์กลับไปหาพระเป็นเจ้า ดังที่เราจะพบในประวัติศาสตร์ของชาติอิสราแอล ตามบันทึกในพระคัมภีร์พระธรรมเก่าว่า พระเป็นเจ้าทรงส่ง (หรืออนุญาตให้เกิด) หายนะภัยลงมาสู่ชาวอิสราแอลซึ่งเป็นประชากรที่เลือกสรรของพระองค์ เพื่อทำให้พวกเขาหันกลับมาหาพระองค์หลังจากที่พวกเขาได้หันเหออกไปทางอื่น
และส่วนใหญ่แล้วพระเป็นเจ้าจะทรงส่งประกาศกมาเตือนพวกเขาก่อนและเรียกพวกเขาให้กลับมา ในประวัติศาสตร์ ชาวอิสราแอลมักจะไม่ฟังคำเตือนของประกาศกเท่าไรนัก ระยะเวลานั้นเป็น “เวลาแห่งพระเมตตา”ของชาวอิสราแอล
และเมื่อสิ้นสุดเวลานั้นก็จะเป็น “เวลาแห่งพระยุติธรรม”
พระเป็นเจ้าทรงมีแผนการ
และสิ่งที่เกิดขึ้นมีเพื่อความดีและความรอดของพวกเรา
ถึงแม้พระเป็นเจ้าจะทรงอนุญาตให้มนุษย์ได้รับความทุกข์ร้อนจากหายนะภัยบ้างในบางเวลา
แต่สิ่งนี้ก็เป็นไปเพื่อความดีและความรอดของมนุษย์เสมอ ดังนั้นไม่ว่าเราจะต้องประสพกับอะไรก็ตาม เราต้องไม่สูญเสียความหวัง
เพราะแม้แต่ในพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าก็ยังคงมีความเมตตาและความรักของพระองค์
เพราะพระเป็นเจ้าทรงเป็นความรักและความเมตตานั่นเอง
มีคำพูดประโยคหนึ่งซึ่งกล่าวว่า“...เวลาจะมาถึงเมื่อพระเมตตาของพระเป็นเจ้าจะสิ้นสุดลง และแล้วพระยุติธรรมของพระองค์ก็จะได้รับชัยชนะ” ความเป็นจริงก็คือ
พระเมตตาของพระเป็นเจ้านั้นไม่เคยสิ้นสุดเลย
เพราะพระองค์ทรงเป็นความเมตตาด้วยพระองค์เอง แต่พระองค์ก็ทรงยุติธรรมด้วย และพระองค์ทรงรักบรรดาลูกๆของพระองค์ด้วยความรักอันไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นเมื่อเราหลงทางและละทิ้งพระเป็นเจ้าไป ด้วยการไปเคารพบูชารูปเคารพ ด้วยการทำบาปมากมาย
จนมาถึงจุดที่เราปล่อยมือของเราออกจากพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าซึ่งคอยปกป้องเรา กลับไปหลงใหลในความบาปต่างๆนาๆ
ในเวลานั้นแหละที่พระเป็นเจ้าทรงร้องเรียกและเตือนเราให้กลับมาหาพระองค์ ตามที่
นักบุญโฟสตินาได้บันทึกพระวาจาของพระเยซูเจ้าไว้ในสมุดไดอารี่ของเธอ พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกเราว่า “ผู้ที่ปฏิเสธที่จะผ่านเข้าสู่ประตูแห่งพระเมตตาของเรา เขาจะต้องผ่านเข้าสู่ประตูแห่งพระยุติธรรมของเราแทน”(Diary1146)
ปีค.ศ. 2017 เป็นวาระครบรอบ 100
ปีของการประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา
และครบรอบ 500 ปีของการก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์
เราเตรียมพร้อมที่จะได้รับการชำระล้างครั้งใหญ่ที่อาจเกิดจากหายนภัยทั่วโลกหรือยัง? มีแต่เพียงพระเป็นเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปีค.ศ. 2017 เป็นปีที่มีความสำคัญสองเรื่องในประวัติศาสตร์ของคริสตชน นั่นคือ
เป็นวาระครบรอบ 100 ปีของการประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา และครบรอบ 500 ปีของการก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์ “ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตา”ซึ่งพระสันตปาปาฟรังซิสทรงประกาศไว้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อจากนี้อีกไม่นานเราก็จะรู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเพื่อพวกเราบ้าง ในระหว่างนี้สิ่งที่เราทำได้ก็มีแต่เพียงเฝ้าคอยและสวดภาวนา
“ถึงแม้ประตูศักดิ์สิทธิ์จะปิดแล้ว แต่ประตูที่แท้จริงแห่งพระเมตตา ซึ่งก็คือดวงหทัยของพระคริสตเจ้ายังคงเปิดสำหรับเราอยู่เสมอ”
พระสันตปาปาฟรังซิสตรัสในมิสซาวันอาทิตย์ของการปิดปีศักดิ์สิทธิ์ – ปีแห่งพระเมตตา
– อย่างเป็นทางการ “พระเป็นเจ้าไม่ประสงค์จะจดจำบาปของพวกเรา พระองค์ทรงจดจำแต่พวกเราเท่านั้น เราแต่ละคน
เราซึ่งเป็นบรรดาบุตรสุดที่รักของพระองค์”
---------------------------------------------------------
“วันนี้เรากำลังส่งเธอ
(น. โฟสตินา)ไปยังประชาชนทั่วโลกพร้อมด้วยพระเมตตาของเรา เราไม่ต้องการลงโทษมนุษยชาติที่กำลังป่วย แต่เราปรารถนาที่จะเยียวยารักษาพวกเขา จงเข้ามาหาดวงพระทัยเปี่ยมด้วยความเมตตาของเราเถิด
เราจะใช้การลงโทษก็ต่อเมื่อพวกเขาบังคับให้เราต้องทำเท่านั้น
เรายับยั้งมือของเราที่กำลังถือดาบแห่งพระยุติธรรม ก่อนวันแห่งพระยุติธรรม เรากำลังส่งวันแห่งพระเมตตามาให้”
"เราได้ยืดระยะเวลาแห่งพระเมตตาของเราออกไปเพื่อเห็นแก่คนบาป แต่วิบัติแก่พวกเขาถ้าพวกเขายังไม่ตระหนักถึงวันเวลาแห่งการมาเยี่ยมเยือนของเรา”
(ไดอารี่ หน้า 1555 และ 1160)
------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น