วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ประเทศเวเนซูเอลารอดพ้นจากวิกฤตการณ์เพราะพระสันตปาปาฟรังซิส

by Sandro Magister
พระสันตปาปาฟรังซิสทรงช่วยให้ประเทศเวเนซูเอล่ารอดพ้นจากหายนะได้อย่างไร?


โดยการทำตามคำแนะนำของพระสันตปาปาฟรังซิส  ทีละขั้นทีละตอน  ก็ทำให้เวเนซูเอล่ารอดพ้นจากวิกฤตการณ์ไปได้  โดยมีอดีตประธานาธิบดีของสเปน นาย Zapatero เป็นคนกลาง

พระอัครสังฆราช Claudio Maria Celli และนายมาดูโร  

ROME, November 7, 2016 – จากรายงานของหนังสือพิมพ์ “L'Osservatore Romano”  ซึ่งรายงานเหตุการณ์ทั่วโลกทุกวันของวาติกัน  พระสันตปาปาฟรังซิสทรงพบกับนาย Nicolás Maduro Moros ประธานาธิบดีของเวเนซูเอล่า ที่ห้องโถงซานตามาร์ทาเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2016  แต่ผู้อ่านต้องรอถึงวันที่ 3 พ.ย. จึงได้รับรู้จากวาจาของพระสันตะปาปาเองซึ่งตรัสระหว่างบินกลับจากสวีเดนมายังโรม และข่าวได้ลงในหนังสือพิมพ์ L'Osservatore”

ในฐานะที่เป็นหนังสือพิมพ์อย่างเป็นทางการของสันตะสำนัก ยังคงเก็บเงียบในข่าวบทบาทของวาติกันในการนัดให้มีการเจรจาระหว่างนายมาดูโรกับฝ่ายตรงข้ามของเขา  และเมื่อนายมาดูโรได้พบกับพระสันตะปาปาแล้ว  ทางหนังสือพิมพ์จึงได้ลงเรื่องนี้

 ดังนั้นมาดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเริ่มต้นอย่างไร

ความพยายามครั้งแรกในการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้าม  โดยมี nuncio Aldo Giordano ผู้แทนของศาสนจักรในเวเนซูเอลา เริ่มในเดือนเมษายน 2014 และพระสันตะปาปาทรงสนับสนุนในเรื่องนี้โดยพระองค์ทรงมีจดหมายไปถึงประธานาธิบดีมาดูโร ถึงบรรดาสมาชิกรัฐบาล  ถึงตัวแทนฝ่ายตรงข้ามและสมาชิกของสหภาพประเทศในอเมริกาใต้ ก่อนที่จะเริ่มต้นเจรจากัน

การเจรจาครั้งแรกไม่ประสพผลสำเร็จ  ในเดือนกันยายน ปี 2014 พระสันตปาปาทรงส่งสาส์นขอร้องให้เปิดการเจรจาเป็นครั้งที่สอง  โดยผู้แทนสันตสำนัก nuncio Giordano เป็นผู้อ่านสาส์นระหว่างการประชุมสันติภาพที่จัดขึ้นที่กรุงคาราคัสโดยสภาแห่งฆราวาสของเวเนซูเอล่า

ต้องใช้เวลานานถึงสองปีจึงทำให้เสก็ดไฟปะทุขึ้นได้  ขณะที่เวเนซูเอล่ากำลังประสบภัยจากวิกฤตการณ์ความขาดแคลนสินค้าต่างๆ (ประเทศเวเนซูเอล่าพึ่งพารายได้จากแหล่งน้ำมันเป็นหลัก  และรัฐบาลใช้นโยบายประชานิยม แต่เมื่อน้ำมันราคาตกจึงทำให้รัฐบาลขาดรายได้ที่จะมาดูแลประชาชน รัฐบาลต้องตัดงบรายจ่ายหลายอย่าง ไม่มีเงินพอซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ   ทำให้เกิดการขาดแคลนสินค้าขึ้นภายในประเทศ  แม้แต่พระสังฆราชยังต้องขอความช่วยเหลือให้ส่งสิ่งของอุปโภคบริโภคจากนานาประเทศ)

วันที่ 25 ก.ค. 2016  เลขาธิการของ UNASUR อดีตประธานาธิบดีของโคลัมเบีย นาย Ernesto Samper Pizano ได้เขียนจดหมายถึงพระสันตะปาปาในนามของอดีตประธานาธิบดีสามคนคือ José Luis Rodríguez Zapatero แห่งสเปน , Martín Torrijos แห่งปานามา, และ Leonel Fernándezแห่งสาธารณรัฐโดมินิกัน.

ในจดหมาย  ทั้งสี่ท่านขอร้องให้พระสันตะปาปาเข้าร่วมในกลุ่ม “facilitadores” เพื่อจัดให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามในเวเนซูเอล่า

การตอบสนองต่อจดหมายมิได้มาจากพระสันตปาปาฟรังซิสเท่านั้น  แต่ยังมาจากเลขาธิการรัฐของพระสันตะปาปาด้วย เพราะท่านรู้จักประเทศเวเนซูเอล่าเป็นอย่างดี  ท่านเคยเป็นผู้แทนสันตสำนักอยู่ที่นั่นระหว่างปี 2009 -2013

วันที่ 12 ส.ค. พระคาร์ดินัลพาโรลิน Cardinal Pietro Parolin แจ้งว่าทางสันตสำนักยินดีที่จะเข้าร่วมในการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้าม

พระสังฆราชหลายองค์ในเวเนซูเอล่าไม่ค่อยเห็นด้วย  พระสังฆราช Cumaná archbishop Diego Padrón Sanchez ผู้เป็นประธานพระสังฆราชกล่าวว่า “รัฐบาลที่ไม่ดูแลจัดเตรียมอาหารและยาให้แก่ประชาชนและปฏิเสธไม่อนุญาตให้นักบวชและฝ่ายสังคมสงเคราะห์เข้ามาทำงานช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ประชาชน  ไม่มีสิทธิที่จะไปเจรจาและดำเนินงานด้านสันติภาพ”

สถานการณ์ยุ่งยากมากขึ้นสำหรับมาดูโร  เมื่อพระสังฆราช Baltazar Enrique Porras Cardozo  ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่จากพระสันตปาปาฟรังซิสในวันที่ 9 ต.ค.

เย็นวันที่ 24 ต.ค. นายมาดูโร แวะที่กรุงโรมในเที่ยวบินกลับจากตะวันออกกลางและได้พบกับพระสันตปาปาฟรังซิสที่ห้องโถงซานตามาร์ทา  เป็นการพบส่วนตัว ไม่มีการถ่ายรูปหรือออกแถลงการณ์  แต่ทางสำนักพิมพ์และแห่ง รวมทั้ง Vatican Radio และ the quasi-Vatican blog “Il Sismografo” ได้ลงข่าวพร้อมรูปภาพการเข้าพบของนายมาดูโรเมื่อปี 2013 แทน  เพราะรูปนี้เป็นเพียงรูปเดียวที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้เผยแพร่ได้

ในเวเนซูเอล่า  การตอบสนองครั้งแรกต่อการเจรจานั้นน่าผิดหวัง  และเมื่อผู้แทนของพระสันตะปาปา Emil Paul Tscherrig มาถึงกรุงคาราคัสในวันที่ 25 ต.ค. เพื่อเริ่มต้นการเจรจาระหว่างสองฝ่ายคือนายมาดูโรและฝ่ายตรงข้ามซึ่งเวลานั้นก็เป็นช่วงที่ถึงจุดวิกฤตของประเทศชาติแล้ว เกิดภาวะชะงักงันระหว่างนายมาดูโรกับฝ่ายตรงข้าม

พระคาร์ดินัลที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ Baltazar Porras กล่าวว่าท่านไม่ทราบว่าผู้แทนของพระสันตปาปาได้มาที่นั่นด้วย  ขณะที่ผู้แทนสันตสำนักประจำกรุงคาราคัส nuncio in Caracas, Giordano มีท่าทีเงียบสงบ และดูเหมือนจะประหลาดใจต่อท่าทีของพระสังฆราชองค์ใหม่นี้ต่อคำสั่งของพระสันตปาปา

ผู้แทนของพระสันตะปาปา Emil Paul Tscherrig ได้แยกเจรจากับตัวแทนของรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม และถึงแม้จะได้รับคำปฏิเสธจากตัวแทนของฝ่ายตรงข้าม  การเจรจายกแรกจะจัดให้มีขึ้นที่เกาะมาการิตา

ความตรึงเครียดถึงขีดสุดในวันศุกร์ 28 ต.ค. มีการประท้วงทั่วไปทำให้ประเทศเป็นอัมพาต สถานการณ์เลวร้ายดูเหมือนมาอยู่ที่ขอบเหวแล้ว

แต่แล้ว อย่างค่อยเป็นค่อยไป ความเห็นพ้องกันก็ค่อยปรากฏขึ้นมา  ผู้แทนพระสันตปาปาออกจากเวทีการประชุมและให้ทูตที่แท้จริงของพระสันตปาปาพระอัครสังฆราช Claudio Maria Celli มาดำเนินการแทน (ดูในรูป) ท่านเป็นอดีตประธานของการประชุมการ social communications และมีประสบการณ์เป็นเวลานานในกิจการระหว่างประเทศ  ตั้งแต่ประเทศจีนไปจนถึงอเมริกาใต้

ท่านอัครสังฆราช Celli มาถึงกรุงคาราคัสพร้อมด้วยจดหมายของพระสันตะปาปา “en nombre del Papa Francisco,” ถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ในจดหมาย ท่านอัครสังฆราช Celli ขอร้องว่าอย่าเรียกผู้ใดว่าเป็น “ศัตรูที่เที่ยงแท้ถาวร” เพราะ “แม้แต่ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในปัจจุบันนี้ก็สามารถกลับมาเป็นมิตรกันได้ในระหว่างการเดินทางสู่อนาคตด้วยกัน”

และ “ในนามของพระสันตปาปาฟรังซิส” ท่านขอร้องว่า “จงมีการประนีประนอมต่อกันและกัน” ในระยะเริ่มต้นของกระบวนการนี้ “จงลดท่าที่ที่แข็งกร้าวลงและแสดงให้เห็นน้ำใจที่ดีของทั้งสองฝ่าย”

ด้วยคำขอร้องนี้ทำให้ พรรค Mesa de la Unidad Democrática ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและมีที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา ได้ระงับแผนการถอดถอนนายมาดูโรจากตำแหน่งประธานธิบดีและยกเลิกการจัดชุมนุมประท้วงที่จะเดินไปยังบ้านพักของประธานาธิบดีที่กำหนดให้มีในวันที่ 3 พ.ย.  และนายมาดูโรได้ยอมปล่อยตัวนักโทษการเมืองฝ่ายตรงข้ามจำนวนหนึ่งร้อยคนออกจากคุก

ดังนั้นในวันอาทิตย์ 30 ต.ค. ทั้งสองฝ่ายก็มาพบกันเป็นครั้งแรก  ไม่ใช่ที่เกาะมาการิต้าซึ่งกำหนดไว้ครั้งแรกเพื่อความปลอดภัย  แต่เป็นที่กรุงคาราคัสที่พิพิธภัณฑ์ Alejandro Otero museum  มีตัวแทนห้าคนจากฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งนาย Jesus Torrealba ประธานพรรค Mesa de la Unidad Democrática  แต่ไม่ปรากฏตัวแทนของกลุ่ม Voluntad Popular ที่มีนาย Leopoldo López เป็นหัวหน้าและเขาเป็นนักโทษการเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุด

ทุกฝ่ายที่ประชุมตกลงให้มีการพบกันอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ย. เพื่อหารือใน 4 หัวข้อคือ การเคารพต่อกฎหมาย  การฟื้นฟูดูแลผู้ตกเป็นเหยื่อ  หมายกำหนดการเลือกตั้ง  และสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ

การพบปะครั้งแรกและครั้งต่อๆไปเกิดขึ้นได้ด้วยบทบาทของกลุ่ม “facilitadores,” อันประกอบด้วยอดีตประธานาธิบดีสี่คนคือ Samper, Zapatero, Torrijos, และ Fernández พร้อมด้วยผู้แทนของวาติกันพระอัครสังฆราช Celli และเหนือสิ่งใดคือการให้คำแนะนำของพระสันตปาปาฟรังซิส  ดังที่พระอัครสังฆราชได้ให้สัมภาษณ์กับทางวาติกันเรดิโอว่า

 “ความเข้าใจทั่วไปในเรื่องนี้ซึ่งย้ำเตือนกับผมหลายครั้งก็คือ เรามาอยู่ที่นี่ก็เพราะพวกคุณอยู่ที่นี่  หมายความว่า  บทบาทของพระสันตปาปาฟรังซิสที่ตรัสในจดหมายนั้นเป็นรากฐาน  อดีตประธานาธิบดีทั้งสี่ท่านได้ย้ำว่าถ้าหากทางสันตสำนักไม่ร่วมทำงานนี้  การประชุมเจรจาก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น ท่าน Zapatero อดีตนายกรัฐมนตรีของสเปนระบุไว้อย่างชัดเจนต่อสาธารณชนว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นดังที่เห็นนั้นสืบเนื่องมาจากการที่พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเข้ามาช่วยเหลือจึงทำให้การเจรจาประสบความสำเร็จ”

พระสันตปาปาฟรังซิสตรัสถึงเรื่องนี้ในวันที่ 1 พ.ย. ขณะที่เดินทางกลับจากสวีเดนไปยังกรุงโรม  ที่สวีเดนพระองค์เสด็จไปร่วมพิธีการฉลองครบรอบ 500 ปีของการก่อตั้งนิกายลูเทอร์

เมื่อนักข่าวสเปน Eva Fernández  ทูลถามเกี่ยวกับการสนทนากับนายมาดูโรและการเริ่มต้นของการเจรจาสองฝ่าย  พระสันตปาปาตอบว่า

“ประธานาธิบดีแห่งเวเนซูเอล่า ขอร้องให้มีการพบกันเพราะเขาเพิ่งมาจากกาตาร์ในตะวันออกกลางและแวะกรุงโรม  เขาเคยขอร้องให้มีการพบกันมาก่อนหน้านี้แล้วในปี 2013 แต่ครั้งนั้นเขาป่วยไม่สามารถมาได้  ข้าพเจ้าสนทนากับเขาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง  ข้าพเจ้าฟังเขา  ถามคำถามบางอย่าง  และฟังความคิดเห็นของเขา  เป็นการดีที่จะฟังทุกความเห็น

“เกี่ยวกับการเจรจาสองฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้งกันในทุกเรื่อง  แต่ละฝ่ายมักจะพูดหรือไม่ก็ร้องตะโกน  แต่ไม่ยอมฟังความเห็นของคนอื่น  ข้าพเจ้าพยายามให้ทุกฝ่ายเจรจากันด้วยดี  ข้าพเจ้าเชื่อว่านี่เป็นวิถีที่ต้องดำเนินไป ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร  เพราะมันซับซ้อนมาก  แต่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการเจรจาเป็นคนสำคัญในด้านการเมือง  ท่าน Zapatero เป็นประธานาธิบดีของสเปนสองครั้ง  และท่าน Restrepo ได้ขอให้ทางสันตสำนักเข้ามามีบทบาทในการเจรจาด้วย  ทางสันตสำนักได้ส่ง  nuncio in Argentina, Archbishop Tscherrig ไปที่โต๊ะเจรจาประนีประนอม  การเจรจาเพื่อให้เกิดการประนีประนอมนั้นเป็นวิถีทางเดียวที่ทำให้ออกจากความขัดแย้งกัน  ไม่มีทางอื่น  ถ้าประเทศทางตะวันออกกลางจะทำเช่นนี้  ประชาชนมากมายคงไม่ต้องเสียชีวิต”

ที่พระสันตะปาปาตรัสเช่นนั้น  พระองค์คงยังไม่รู้ว่า พระอัครสังฆราช Celli ได้เข้ามาแทนที่ พระอัครสังฆราช Tscherrig เรียบร้อยแล้ว  องค์หลังนี้เป็นเพื่อนของพระสันตะปาปา  เมื่อครั้งที่พระองค์ยังเป็น Jorge Mario Bergoglio และเป็นพระอัครสังฆราชแห่งบูเอโน ไอเส  ขณะที่เขาเป็น nuncio in Argentina

ความสำเร็จในการจัดให้มีการเจรจาเพื่อประนีประนอมกันนี้  เกิดขึ้นเพราะพระสันตปาปาฟรังซิสและทางสันตสำนักเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันในเวเนซูเอล่าประนีประนอมกัน  หลังจากที่เกิดภาวะชะงักงันเป็นเวลานาน
----------------------------------
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น