วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การกลับใจของแพทย์ผู้ทำแท้ง


 
แพทย์ผู้ทำแท้งลาออกจากงานหลังจาก นักบุญโทมัส อไควนัสเข้าฝัน

“เด็กเหล่านี้คือผู้ที่เจ้าได้ฆ่าพวกเขาด้วยการทำแท้งอย่างไรเล่า” นักบุญโทมัสพูด  แล้ว สโตจัน ก็ตื่นขึ้นด้วยความตกใจและสั่นกลัว เขาตัดสินใจทันทีว่าจะปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการทำแท้งอีก

------------------------------------------

สโตจัน อดาเซวิค เป็นแพทย์ผู้ทำแท้งชาวเซอร์เบียในเวลาที่ประเทศเซอร์เบียยังอยู่ในการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ และมีการฆ่าทารกไปแล้ว 48,000 คนในระยะเวลา 26 ปีที่เขาทำงานเป็นผู้ทำแท้งของทางการ

บางวันมีการทำแท้งถึง 35 ราย

แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว  เพราะเวลานี้สโตจันกลายเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้ง

            เขาได้ให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์รายวันของสเปน La Razon

หนังสือตำราทางการแพทย์ของการศึกษาในระบอบคอมมิวนิสต์กล่าวว่า การทำแท้งคือการกำจัดเนื้อเยื่อที่เป็นแผลออก  ในสมัยนั้นยังไม่มีการทำอุลตร้าซาวด์จนกระทั่งถึงปี 1980  แต่พวกเขาก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด  ด้วยความเชื่อเช่นนี้ (หรือคิดว่าเขาเชื่อ) ทำให้สโตจันเริ่มฝันร้าย

สโตจันอธิบายในการให้สัมภาษณ์ว่า “ผมฝันว่าผมอยู่ในทุ่งหญ้าอันสวยงามที่เต็มไปด้วยเด็กๆและวัยรุ่นมากมายกำลังเล่นและหัวเราะ  เด็กเหล่านั้นมีอายุตั้งแต่ 4 ขวบไปจนถึง 24 ปี  แล้วเด็กพวกนั้นก็วิ่งหนีไปจากผมทันทีด้วยความกลัว  มีชายคนหนี่งสวมเครื่องแบบนักบวชสีดำและขาวมองมาที่เขาอย่างเงียบๆ  เขาฝันเรื่องนี้ซ้ำๆอยู่ทุกคืนและเขาจะตื่นขึ้นมามีเหงื่อเต็มตัว

ในฝันของคืนหนึ่ง สโตจันถามชายที่สวมเครื่องแบบนักบวชสีดำขาวว่าเขาคือใคร  “ชื่อของเราคือโทมัส อไควนัส” ชายคนนั้นตอบ  สโตจันศึกษาในโรงเรียนคอมมิวนิสต์ซึ่งไม่เชื่อในพระเจ้า  เขาจึงไม่รู้จักนักบุญในคณะนักบวชโดมินิกันที่ชื่อ โทมัส อไควนัส

สโตจันถามท่านนักบุญต่อไป “เด็กๆเหล่านี้คือใครครับ?”

“พวกเขาคือเด็กที่เจ้าได้ฆ่าด้วยการทำแท้งอย่างไรเล่า” นักบุญโทมัสบอกเขาตรงๆโดยไม่อ้อมค้อม”

สโตจันตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจและสั่นกลัว เขาตัดสินใจที่จะปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการทำแท้งใดๆอีกต่อไป

แต่โชคร้าย  ในวันที่เขาตัดสินใจนั้นเอง  ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาได้มาที่โรงพยาบาลพร้อมกับแฟนสาวที่กำลังท้อง 4 เดือน พวกเขาต้องการทำแท้ง

สโตจันลังเลใจที่จะทำ  แต่เขาคิดที่จะใช้วิธีการนำทารกออกมาทั้งร่าง  แทนวิธีการ Dilation and Curettage (D&C) ที่จะหั่นร่างของทารกเป็นชิ้นๆด้วยการใช้มีดลักษณะคล้ายตะขอที่เรียกว่า curette

อย่างน่าสยดสยองและค่อยๆทำ  เขาได้นำร่างทารกออกมาในขณะที่หัวใจยังคงเต้นอยู่

เมื่อเห็นร่างของทารกในลักษณะเช่นนี้นายแพทย์สโตจันจึงตระหนักว่าเขาได้ฆ่ามนุษย์แล้วจริงๆ

สโตจันแจ้งกับโรงพยาบาลทันทีว่าเขาจะไม่ทำแท้งอีกต่อไป

ยังไม่เคยมีนายแพทย์คนใดในยูโกสลาเวียที่ปฏิเสธการทำแท้งมาก่อน  ปฏิกิริยาของโรงพยาบาลและรัฐบาลเป็นไปอย่างโหดร้ายและรวดเร็ว

เขาถูกตัดเงินเดือนครึ่งหนึ่งและลูกสาวของเขาถูกไล่ออกจากงาน  ส่วนลูกชายของสโตจันก็ไม่ได้รับอนุญาติให้ศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ

หลายปีที่เขาต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากการรบกวนของรัฐบาลที่ไม่เชื่อในพระเจ้า  สโตจัน ต้องรัดเข็มขัดในการใช้จ่าย

โชคดียังมีอยู่  สโตจันฝันเกี่ยวกับนักบุญโทมัสอีก

นักบุญโทมัสบอกว่าท่านจะเป็นเพื่อนของเขาและสโตจันก็ได้รับแรงบันดาลใจ

สโตจันเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการทำแท้งในยูโกสลาเวีย  เขาออกทีวีของรัฐบาลยูโกสลาเวียและวิทยุกระจายเสียง Bernard Nathanson's anti-abortion ที่ผลิตภาพยนตร์ชื่อ The Silent Scream (เสียงกรีดร้องในความเงียบ)

ตั้งแต่บัดนั้น สโตจันได้กลับคืนมาสู่ความเชื่อในวัยเด็กของเขา ความเชื่อออร์โธดอกซ์และเขาประกาศเรื่องนี้ให้สาธารณชนรู้ในหนังสือพิมพ์และทีวีทั่วยุโรปตะวันออก  เขามีความศรัทธาต่อนักบุญโทมัส อไควนัสมากด้วย  เขาอ่านหนังสือของท่านนักบุญอย่างสม่ำเสมอ

สโตจันมักจะอ้างคำพูดของนักบุญโทมัสในหนังสือ Summa Theologiæ ที่ท่านเขียน  ท่านนักบุญเขียนไว้ว่า ชีวิตเริ่มต้นเป็นระยะเวลา 40 วันหลังจากปฏิสนธิ  สโตจันคิดว่า “ท่านนักบุญคงต้องการแก้ไขความผิดพลาดในเรื่องการทำแท้ง”

ทุกวันนี้สโตจันยังคงต่อสู้เพื่อชีวิตและสิทธิของเด็กทารกที่ยังไม่เกิด

-----------------------
Rely on EWTN’s National Catholic Register in 2017          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น