วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

อนาคตของยุโรปตะวันออก


การฟื้นตัวของวิถีชีวิตคริสตชนในยุโรปตะวันออก

By Stephen Turley

เราได้เห็นตัวอย่างของการฟื้นตัวของการดำเนินชีวิตแบบคริสตชนที่น่าประทับใจในประเทศทางยุโรปตะวันออก เป็นการบ่งบอกถึงการกลับคืนมาของธรรมเนียมนิยมที่เคยเสื่อมถอยในทั่วโลกอันเป็นผลมาจากการต่อต้านวัฒนธรรมดั้งเดิม ต่อต้านขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากโลกาภิวัฒน์ทางด้าน โลกิยะนิยม
Statue of Jesus in Swiebodzin, Poland
โปแลนด์

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2016 ที่อาสนวิหารพระเมตตาของพระเป็นเจ้าในกรุงคราคอฟ  พระสังฆราชแห่งโปแลนด์ พร้อมด้วยประธานาธิบดี แอนเดรซ ดูดาและผู้แสวงบุญคาทอลิกจำนวนมาก ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้พระเยซูคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งโปแลนด์และได้วอนขอให้พระองค์ทรงปกครองประเทศโปแลนด์  ปกครองประชาชนและผู้นำทางการเมืองของประเทศด้วย
ในพิธีมิสซา ประชาชนสวดภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้า พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นนิรันดรในทุกยุคทุกสมัย พระเป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของชาวเรา  พวกเรากราบนมัสการเบื้องพระพักตร์พระองค์ผู้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล โปรดทรงปกครองประเทศโปแลนด์และผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้และทั่วโลก  พวกเรานมัสการพระองค์ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ด้วยความเชื่อและความรักเหลือล้น  พวกเราขอวิงวอนพระองค์ โปรดทรงปกครองด้วยเทอญ ข้าแต่พระคริสตเจ้า”
มีการประกอบพิธีกรรมนี้ในอาสนวิหารและโบสถ์หลายแห่งในโปแลนด์ในวันอาทิตย์ต่อมา  ซึ่งเป็นวันฉลองพระคริสตกษัตริย์ตามปฏิทินคาทอลิก  บทภาวนาในพิธีกรรมเป็นการถวายประเทศแด่พระเยซูคริสต์ พร้อมทั้งมีบทเร้าวิงวอนว่า “ด้วยสุดดวงใจของเรา พระคริสตเจ้า โปรดปกครองเทอญ  ในครอบครัวของเรา  พระคริสตเจ้า โปรดปกครองเทอญ.....ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย  พระคริสตเจ้า โปรดปกครองเทอญ” และประชาชนจะตอบว่า “พระคริสตเจ่า กษัตริย์ของเรา เราขอสัญญา” และสวดต่อไปว่า “เราขอปฏิญาณว่าจะทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ จะซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ข้าแต่พระคริสต์ กษัตริย์ของเรา เราขอสัญญา  เราจะเอาใจใส่ครอบครัวให้มีความศักดิ์สิทธิ์ เอาใจใส่ต่อการศึกษาแบบคริสตชนของลูกของเรา  เราขอสัญญาต่อพระองค์ ผู้เป็นกษัตริย์ของเรา”
การฟื้นตัวของวิถีชีวิตคริสตชนในโปแลนด์สัมฤทธิผลขึ้นได้อาจเป็นผลมาจากความพยายามของประชาชนทั่วประเทศในการต่อต้านการทำแท้ง
ประเทศฮังการีและโครเอเชีย
             ขบวนการเพื่อชีวิตและครอบครัว ต่อตานการทำแท้ง ได้เกิดขึ้นที่ฮังการีและโครเอเชียด้วยเช่นกัน นายกรัฐมนตรีของฮังการี วิกเตอร์ ออร์บัน Viktor Orbán เข้าดำรงตำแหน่งในปี 2010 ได้เปิดทางให้มีการนิยามการแต่งงานว่าเป็นการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของชายเพียงคนเดียวและหญิงคนเดียว เขายังเป็นผู้อยู่แนวหน้าในการเสนอกฎหมายต่อต้านการทำแท้ง  และเขายังได้นำการศึกษาศาสนากลับมาสู่โรงเรียนของรัฐอีกด้วย
             มีการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ชาวโครเอเชียที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 39 % ในปี 1989 เป็น 75% ในปี 1996 และเป็น 82 % ในปี 2004 นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าประชากรชาวโครเอเชียมีจำนวนลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมา แต่จำนวนสามเณรในสามเณราลัยยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เรายังได้เห็นว่าชาวโครแอตที่ให้การสนับสนุนต่อนิยามของการแต่งงานว่าเป็นการรวมกันของชายและหญิงเท่านั้นมีมากถึง 65% ของประชากรทั้งหมด  และพวกเขาได้โหวตให้การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและต้องหายไปจากโครเอเชียอย่างถาวรอีกด้วย
จอร์เจีย
ในจอร์เจีย มีการต่อต้านความคิดแบบตะวันตกหรือความคิดตามแบบรัฐบาลของกลุ่มสหภาพยุโรปที่แยกศาสนาออกจากการศึกษาในโรงเรียนรัฐ  มีการจัดตั้งกลุ่มสหภาพผู้ปกครองออร์โธดอกซ์ขึ้น เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในปี 2012 รัฐบาลอนุรักษ์นิยมได้รับการเลือกเข้ามาปกครองและรัฐบาลได้นำการศึกษาตามแบบออร์โธดอกซ์ตะวันออกกลับมาสู่โรงเรียนรัฐ  อนุญาตให้ตั้งรูปภาพไอคอนและกางเขนในอาคารโรงเรียน  สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการรณรงค์ของศาสนจักรออร์โธดอกซ์จอร์เจียเพื่อทำให้ครอบครัวมีความสุขนั้นบังเกิดผลสัมฤทธิ์ทำให้อัตราการเกิดบุตรของชาวจอร์เจียสูงขึ้นมากที่สุดในยุโรปตะวันออก
รัสเซีย
ในรัสเซีย โบสถ์ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นจำนวนถึง 15,000 แห่งตั้งแต่การสิ้นสุดการปกครองของคอมมิวนิสต์ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียได้เซ็นอนุมัติกฤษฏีกา 148 ฉบับในปี 2013 ลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนด้วยการ “ดูหมิ่นความรู้สึกของผู้มีความเชื่อในคริสต์ศาสนา” ให้ต้องถูกจำคุกเป็นเวลาสามปี และยังห้ามการ “โฆษณาชวนเชื่อในเรื่องโฮโมเซ็กชวล” ด้วย  มีผู้ที่ถูกลงโทษด้วยกฎหมายนี้เป็นตัวอย่าง คือ กลุ่มพังก์ร็อคที่เดินขบวนประท้วงหน้าโบสถ์สองแห่ง พวกนี้ถ่มน้ำลายและแสดงกิริยาไม่เหมาะสมที่ด้านหน้าโบสถ์  ปูตินยังห้ามการโฆษณาการทำแท้ง และเซ็นกฏหมายห้ามการทำแท้งหลังจากตั้งครรภ์12 สัปดาห์  ทางศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียเองเป็นผู้เรียกร้องให้ออกกฏหมายห้ามการทำแท้ง
เราได้เห็นตัวอย่างของการฟื้นตัวของการดำเนินชีวิตแบบคริสตชนที่น่าประทับใจในประเทศทางยุโรปตะวันออก เป็นการบ่งบอกถึงการกลับคืนมาของธรรมเนียมนิยมที่เคยเสื่อมถอยในทั่วโลกอันเป็นผลมาจากการต่อต้านวัฒนธรรมดั้งเดิม ต่อต้านขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากโลกาภิวัฒน์ทางด้านโลกิยะนิยม  และหวังว่าสักวันหนึ่งการฟื้นตัวของวิถีชีวิตคริสตชนนี้จะบังเกิดขึ้นในประเทศยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน

--------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น