"กางเขนแท้ที่พระเยซูถูกตรึงนั้นถูกค้นพบโดยจักรพรรดินีเฮเลนา
พระบรมราชชนนีของจักรพรรดิคอนสแตนติน ซึ่งเมื่อทำการพิสูจน์หากางเขนแท้จริงได้แล้ว
พระนางก็ทรงทำการแบ่งไม้กางเขนบางส่วนไว้ยังกรุงเยรูซาเล็ม
และบางส่วนก็ทรงนำกลับไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิลพร้อมด้วยตะปูตรึงพระเยซูเจ้าทั้งสี่อัน...."
หลังจากที่จักรพรรดินีเฮเลนาค้นพบไม้กางเขนของพระเยซูจริงๆแล้ว
แม้จะมีนักบุญบางองค์ดูจะไม่ค่อยเชื่อนักเช่นนักบุญแอมโบสแห่งมิลานหรืออย่างนักบุญจอห์น
คริสซอสตอม
แต่ท้ายที่สุดกางเขนก็ได้ถูกพิสูจน์ด้วยเรื่องเล่าที่เป็นตำนานและต่อมาวัดแห่งพระคูหาศักดิ์สิทธิ์(Church of the Holy Sepulchre)ก็ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน
นักบุญบางองค์อย่างนักบุญไซริลแห่งเยรูซาเล็ม(คนละองค์กับไซริลแห่งอเล็กซานเรีย)ก็ได้ยืนยันเรื่องนี้บ้างในบางส่วนโดยท่านเคยเขียนจดหมายว่า
"พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อบาปของเราอย่างแท้จริง
เพราะถ้าท่านปฏิเสธความจริงของเรื่องนี้ สถานที่แห่งนั้นจะให้ข้อพิสูจน์ที่หักล้างความคิดของท่านอย่างชัดเจน
ที่กอลโกธา สถานที่อันเปี่ยมด้วยพระพร ที่ซึ่งเรามาชุมนุมกันเพื่อเห็นแก่พระองค์ผู้ทรงถูกตรึงกางเขน
และโลกทั้งโลกก็เต็มไปด้วยชิ้นส่วนของไม้กางเขนตั้งแต่นั้นมา"
จากนั้นไม้กางเขนก็ถูกแบ่งออกไปบางส่วนยังคงอยู่ที่เยรูซาเล็ม
บางส่วนไปที่คอนสแตนติโนเปิลและโรม
ในปีค.ศ.614
ช่วงนั้นจักรวรรดิไบแซนไทน์กำลังทำสงครามกับจักรวรรดิซาสซานิดแห่งเปอร์เซีย
ช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิเฮราคลิอุส(Heraclius)แห่งไบแซนไทน์กับพระเจ้าชาห์ คอสโรว์ที่ 2(Khosrow II หรือ Chosroes II ) แห่งจักรวรรดิซาสซานิด
สงครามครั้งนั้นเป็นอะไรที่ยุ่งเหยิงพอสมควร เพราะแบ่งเป็นหลายฝ่าย
มีการก่อกบฏและการศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ในปีนั้นเองจักรวรรดิซาสซานิดได้เข้าบุกยึดกรุงเยรูซาเล็มได้สำเร็จ
กล่าวกันว่าชาวยิวในขณะนั้นเป็นฝ่ายสนับสนุนช่วยจักรวรรดิซาสซานิดในการโจมตี
โดยหลังจากจักรวรรดิซาสซานิดเข้าครองเยรูซาเล็มนั้น วัดและโบสถ์หลายแห่งถูกเผา
ทรัพย์สินจำนวนมากถูกนำไปยังเปอร์เซียโดยหนึ่งในสมบัติอันล้ำค่าที่สุดก็คือ "ไม้กางเขนแท้ของพระเยซู"นั่นเอง
สิ่งนี้ก็ถูกนำไปเปอร์เซียพร้อมสมบัติและเชลยอีกมากมาย
หนึ่งในเชลยที่ถูกจับไปนั้นคือ พระอัยกาแซคชาริอัสแห่งเยรูซาเล็ม(Zacharias, Patriarch of Jerusalem)
จัดได้ว่าเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับคริสตชนในยุคนั้นเลยทีเดียว
จนกระทั่งค.ศ.628
หลังจากติดพันกับสงครามในแนวรบอื่นมานาน
ในที่สุดจักรพรรดิเฮราคลิอุสได้ทำการโจมตีเปอร์เซียและชิงกางเขนแท้นี้กลับมาได้และนำไปไว้ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล
ก่อนจะนำกลับไปกรุงเยรูซาเล็มอย่างเดิม ซึ่งรวมไปถึงเชลยที่ถูกจับตัวไปอย่างพระอัยกาแซคชาริอัส
ก็ได้กลับมาสู่กรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน
วันฉลองเทิดทูนไม้กางเขนจะมีขึ้นในวันที่
14 กันยายน ของทุกปี
เป็นการฉลองรำลึกหลายเหตุการณ์ทั้งจักรพรรดินีเฮเลนาค้นพบไม้กางเขน
จักรพรรดิคอนสแตนตินสร้างวัดแห่งพระคูหาศักดิ์สิทธิ์บนเนินเขาคัลวารีหรือกอลโกธา
ที่ๆพระเยซูถูกตรึงกางเขน วัดนั้นถูกอุทิศถวายในวันที่ 13 และ 14
กันยายนและหลังจากนั้นไม่นานวันฉลองเทิดทูนไม้กางเขนก็ได้เริ่มขึ้น
การฉลองเริ่มแพร่จากกรุงเยรูซาเล็มไปที่อื่นๆอย่างช้าๆจนต่อมาการฉลองนี้ก็ฉลองกันเป็นสากล
ในพิธีกรรมของชาวกอลลิกของศตวรรษที่
8 มีวันฉลองเทิดทูนไม้กางเขนอีกวันหนึ่ง คือวันที่ 3 พฤษภาคม
ซึ่งเป็นวันที่จักรพรรดิเฮราคลิอุสนำกางเขนแท้กลับมาจากเปอร์เซียได้
วันฉลองอีกวันหนึ่งนี้ได้ถูกนำเข้ามาไปในปฏิทินพิธีกรรมของโรมันคาทอลิก แต่ในปี
ค.ศ.1960 วันฉลองเทิดทูนไม้กางเขนในวันที่ 3 พฤษภาคม
ถูกนำออกจากปฏิทินโรมันคาทอลิกโดยพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 และจะฉลองวันที่ 14
กันยายน
มีการฉลองเทิดทูนไม้กางเขนในศาสนจักรคาทอลิก
อีสเทิร์นและออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์หลายศาสนจักร
รวมไปถึงโปรเตสแตนต์บางนิกายก็เช่นกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น