วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

นักบุญองค์น้อยผู้ทนทุกข์เพื่อคนบาป


เมื่อมีการพิมพ์หนังสือบันทึกความทรงจำของซิสเตอร์ ลูซีอาในปี 1975  ทำให้ผู้คนได้ทราบถึงวีรกรรมที่ซ่อนเร้นของเด็กน้อยสองคนคือ ฟรังซิสโก และ ยาชินทา

เด็กสามคนผู้เห็นแม่พระที่ฟาติมาคือ ลูซีอา  ดอสซานตอส,  ฟรังซิสโก และยาชินทา มาร์โต  ฟรังซิสโก และยาชินทา เสียชีวิตไปก่อน คงเหลือแต่ ลูซีอาที่อยู่เพียงลำพัง และเธอได้บวชเป็นซิสเตอร์ในคณะคาร์เมลไลท์ ที่ โคอิมบรา ในโปรตุเกส เธอเสียชีวิตเมื่อ 13 ก.พ. 2005 ในอายุ 97 ปี

ฟรังซิสโกเสียชีวิตเป็นคนแรก เขาเสียชีวิตด้วยโรค”ไข้หวัดสเปน” "Spanish flu" เป็นเชื้อหวัดสายพันธุ์ใหม่ในสมัยนั้นและยังไม่มีวัคซีนรักษา (เชื้อโรคถูกนำเข้าไปยังยุโรปจากสหรัฐอเมริกาในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1) เชื้อโรคนี้ได้ฆ่าประชาชนทั่วโลกไปประมาณ 50 ล้านคน

จำนวนผู้เสียชีวิตด้วยไข้หวัดสเปนคิดเป็นสองเท่าของคนที่เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เชื้อโรคนี้ปรากฏขึ้นในปีต่อมาหลังจากปีที่มีการประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา

แม่พระทรงประจักษ์ที่ฟาติมาตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 1917 ถึง 13 ตุลาคม 1917  และผู้คนต่างคิดว่าการประจักษ์คงสิ้นสุดลงแล้ว  แต่มีน้อยคนที่จะรู้ว่าแม่พระยังทรงประจักษ์แก่เด็กเป็นการส่วนตัวอีกหลายครั้ง

ในกรณีของยาชินทา เด็กที่อายุน้อยที่สุดในสามคน เธอมีอายุ 9 ขวบในเวลาที่เสียชีวิต  เธอเสียชีวิตหลังจากพี่ชายคือฟรังซิสโกซึ่งมีอายุ 10 ขวบ  แม่พระทรงประจักษ์แก่ยาชินทาเป็นการส่วนตัว และทรงบอกให้ยาชินทารู้ถึงสิ่งร้ายแรงที่เกิดขึ้นในอนาคต  ยาชินทาเรียกอนาคตว่าเป็น Roaring Twenties “ศตวรรษที่ 20 ซึ่งร้องคำราม” เธอได้เล่าถึงพระดำรัสของแม่
พระไว้ดังนี้

“บาปของโลกนั้นหนักหนาสาหัสยิ่งนัก”

“ถ้ามนุษย์รู้ว่านิรันดรเป็นเช่นไรแล้ว พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา”

“มนุษย์ต้องสูญเสียไปเพราะพวกเขาไม่คิดถึงความตายของพระเยซูคริสต์และพวกเขาไม่ทำการชดเชยใช้โทษบาป”

“การแต่งงานของหลายคู่นั้นไม่ถูกต้อง  มันไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า และไม่ใช่สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงประสงค์ให้เป็น”

“บาปที่ทำให้มนุษย์ไปสู่นรกมากที่สุดคือบาปของเนื้อหนัง”

“จะมีแฟชั่นที่ไม่เป็นที่สบพระทัยของพระเจ้าเกิดขึ้น  ประชาชนผู้ซึ่งรับใช้พระเจ้าจะต้องไม่นิยมชมชอบและปฏิบัติตามแฟชั่นนั้น  พระศาสนจักรไม่มีแฟชั่น  พระเป็นเจ้าทรงเป็นเหมือนเดิมเสมอ”

ยาชินทาป่วยเป็นไข้หวัดสเปนเช่นเดียวกับฟรังซิสโก  เธอต้องเข้าโรงพยาบาล  ในเวลานั้นชีวิตฝ่ายจิตของเธอเข้มข้นและลึกซึ้งในการยอมรับทนทุกข์เพื่อให้คนบาปกลับใจ  ลูซีอาได้เขียนบรรยายไว้ในหนังสือที่ชื่อ Fatima in Lucia's Own Words ว่า

            “ยาชินทาได้ทำพลีกรรมเป็นอันมากเพื่อให้คนบาปกลับใจ  เธอไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อการนี้ ตัวอย่างเช่น “เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน  เธอและพี่ชายนำอาหารของตนเองให้แก่แกะ  เมื่อไรก็ตามที่พวกเขาพบเด็กๆที่ยากจนกว่าพวกเขา  พวกเขาจะให้อาหารทั้งหมดแก่เด็กเหล่านั้น  เมื่อมีขนมขบเคี้ยว  พวกเขาจะเลือกกินอันที่ขม  วันหนึ่งที่มีอากาศร้อนมากและพวกเขารู้สึกกระหายน้ำ พระอาทิตย์สาดแสงแรงกล้าบนเนินเขา  ยาชินทาเลือกที่จะไม่ดื่มน้ำทั้งๆที่สามารถมีน้ำดื่มได้  แต่เธอต้องการทำพลีกรรมเพื่อให้คนบาปกลับใจ”

            “ความกระหายของยาชินทาที่จะทำพลีกรรมเพื่อให้คนบาปกลับใจนั้น ดูเหมือนจะไม่รู้จักพอ” ลูซีอากล่าว

ความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ของยาชินทาอีกอย่างหนึ่งก็คือ  หลังจากที่ฟรังซิสโกเสียชีวิตไปแล้ว แม่พระทรงบอกแก่เธอว่า เธอจะต้องตายเพียงลำพัง ไม่มีพ่อแม่หรือลูซีอาอยู่ด้วยเพื่อคอยปลอบประโลมใจ  ความทุกข์นี้มีขึ้นเพื่อเป็นการช่วยคนบาปให้กลับใจและยาชินทาก็ยอมรับอย่างสุภาพ

แม้แต่ในเวลาที่ยาชินทาอยู่ในโรงพยาบาล  ไข้หวัดที่ยาชินทาได้รับ  ทำให้เธอรู้สึกกระหายน้ำและปวดศีรษะเป็นอย่างมาด  ทั้งที่เป็นเช่นนี้เธอก็ยังปฏิเสธน้ำดื่มที่มีผู้นำมาให้

ยาชินทาบอกกับลูซีอาว่า “แม่พระทรงมาหาเรา  พระนางตรัสกับเราว่า พระนางจะมานำฟรังซิสโกไปสวรรค์ในไม่ช้า  และพระนางยังทรงถามหนูว่า  หนูต้องการทำให้คนบาปกลับใจหรือไม่  หนูตอบว่า ต้องการ  พระนางทรงบอกหนูว่า หนูจะต้องเข้าโรงพยาบาลและที่นั่นหนูจะได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก  หนูจะได้รับความทุกข์เพื่อช่วยคนบาปให้กลับใจ  เพื่อชดเชยใช้โทษแทนบาปที่กระทำผิดต่อดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ และเพื่อชดเชยต่อความรักของพระเยซูเจ้า”

ยาชินทาเรียกศีลมหาสนิทว่าเป็น “พระเยซูเจ้าที่ซ่อนเร้น”  เธอจะร้องไห้เมื่อมีผู้บรรยายเกี่ยวกับการที่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน  เธอจะจูบไม้กางเขนเสมอ

เมื่อฟรังซิสโกใกล้เสียชีวิต  ยาชินทาสั่งเสียกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายว่า “พี่ช่วยมอบความรักทั้งหมดของหนูให้กับพระเยซูเจ้าและแม่พระด้วย  และช่วยบอกพวกท่านว่า  หนูจะทนทุกข์ทรมานให้มากที่สุดเท่าที่พวกท่านประสงค์ให้หนูทำเพื่อการกลับใจของคนบาปและเพื่อปลอบประโลมดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์”

ความทุกข์ครั้งสุดท้ายของยาชินทาเกิดขึ้นตามที่แม่พระทรงแจ้งไว้ล่วงหน้า  ยาชินทาถูกส่งต่อไปที่โรงพยาบาลอื่นซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลิสบอนไปเก้าสิบไมล์

ระหว่างที่ล่ำลากัน  ลูซีอาบอกยาชินทาให้เลิกคิดถึงการที่ต้องเสียชีวิตเพียงลำพัง  ยาชินทาตอบว่า “ให้หนูคิดถึงมันเถอะ  เพราะเมื่อหนูคิดถึงมันมากเท่าไร หนูก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นเท่านั้น  และหนูต้องการรับความทุกข์เพื่อความรักของพระเยซูเจ้าและเพื่อคนบาป”

“หนูไม่คำนึงหรอกว่า  พระแม่จะทรงมาหาหนูที่นั่นเพื่อนำหนูไปสวรรค์หรือไม่”

นี่คือคำพูดของนักบุญองค์น้อย  และเธอเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับเกียรติให้เป็นทั้งนักบุญและมรณสักขีเพื่อการกลับใจของคนบาป

----------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น