วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

นักบุญผู้ต่อสู้กับปีศาจ


 
พระคัมภีร์และคำสอนของพระศาสนจักร รวมทั้งข้อเขียนของบรรดาปิตาจารย์และนักปราชญ์ได้ยืนยันว่า ซาตานและปีศาจมีอยู่จริง  ดร.ปอล ทิกเพน Dr. Paul Thigpen ได้เขียนหนังสือ Saints Who Battled Satan เล่าเรื่องของนักบุญชายและหญิง 17 องค์ที่ต่อสู้กับปีศาจ เพื่อเป็นการให้ความรู้และให้กำลังใจแก่คริสตชนในปัจจุบันนี้

เว็ปไซต์ Aleteiaได้สัมภาษณ์ ดร. ปอลเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้

*****

Zoe Romanowsky: คุณใช้วิธีใดในการเลือกนักบุญเพื่อเล่าเรื่องการต่อสู้กับปีศาจของท่านเหล่านั้น?

ปอล – ไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณา  ประการแรก ผมต้องการให้มีนักบุญที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรม นักบุญที่ผมเลือกมาจากเอเชีย อัฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้  พวกท่านเป็นตัวแทนของช่วงเวลาต่างๆ ยกเว้นในศตวรรษนี้คือศตวรรษที่ 21

ประการที่สอง ผมต้องการให้ผู้อ่านรู้จักกับมนุษย์ชายหญิงที่แท้จริงที่มีประสบการณ์ทั้งที่ธรรมดาและที่พิเศษกับผีปีศาจ เพื่อที่จะได้รู้อย่างชัดเจนถึงการล่อลวงของปีศาจ ผมยังต้องการให้ผู้อ่านได้รู้ถึงวิธีที่นักบุญใช้อาวุธฝ่ายจิตจัดการกับการล่อลวงอย่างไร เช่นการสวดภาวนา พระคัมภีร์ ศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นักบุญได้ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นดังเกราะป้องกันและพวกท่านไว้วางใจในความช่วยเหลือของพระเยซูเจ้าในการต่อสู้กับการล่อลวงนั้นๆ และยังมีแม่พระ  บรรดาเทวดาในสวรรค์  บรรดานักบุญที่อยู่ในสวรรค์ที่คอยช่วยเหลือคริสตชนที่ยังอยู่ในโลกนี้อีกด้วย

ประการสุดท้ายก็คือ ชีวประวัติที่สามารถค้นหาได้ของนักบุญที่เผยให้เห็นถึงการต่อสู้ฝ่ายจิต  สำหรับนักบุญแต่ละองค์ ผมต้องค้นหาข้อมูลให้มากที่สุด

Zoe Romanowsky: ซาตานล่อลวงมนุษย์เราด้วยวิธีใด?

ปอล – การล่อลวงมาจากภายนอกตัวเรา มันมาสู่เราด้วยประสาทสัมผัสต่างๆ จากการมองเห็น  การอ่าน หรือการฟัง  แต่ปีศาจไม่มีร่างกาย  ดังนั้นมันจึงสื่อสารกับจิตใจของเราโดยตรงโดยอาศัยประสาทสัมผัส  นี่เป็นยุทธวิธีจู่โจม  เพราะถ้าเราไม่รู้ตัว เราก็อาจคิดว่าสิ่งที่มาอยู่ในความคิดของเรานั้นเป็นความคิดของเราเอง  และเราก็เข้าใจว่าเราเป็นเจ้าของความคิดนั้นเอง

ซาตานพยายามมีอิทธิพลเหนือเราโดยผ่านทางการหลอกลวง  การตำหนิกล่าวหา จากความสงสัย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงสัยในพระเจ้าและความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา)  จากความยั่วยวน (หยิ่งจองหอง ความโกรธ ความลุ่มหลง ความผิดหวัง และอื่นๆ) และจากราคะต่างๆ (ความปรารถนาในสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ต้องห้าม  หรือแม้แต่ปรารถนาในสิ่งที่ดีแต่ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง)

Zoe Romanowsky: มีนักบุญองค์ใดที่ใช้วิธีที่แปลกๆในการต่อสู้กับซาตานหรือไม่?

ปอล – มีวันหนึ่ง ปีศาจพยายามล่อลวง น.เบเนดิกต์ให้เกิดความลุ่มหลง  มันทำให้ท่านคิดถึงสตรีผู้หนึ่งที่ท่านรู้จักซึ่งสวยงาม ความทรงจำเริ่มเกาะกุมหัวใจของท่าน  น.เบเนดิกต์เกือบจะพ่ายแพ้ต่อการล่อลวงนั้น แต่บังเอิญท่านเหลือบไปเห็นพุ่มไม้ที่มีหนามแหลมคมที่อยู่ใกล้ๆ  ท่านจึงทุ่มตัวเองลงไปเกลือกกลิ้งในพุ่มไม้นั้นทำให้ท่านเจ็บปวดมากและการประจญล่อลวงนั้นก็หายไป

Zoe Romanowsky: มีนักบุญองค์ไหนบ้างที่เราสามารถวอนขอความช่วยเหลือจากท่านได้เพื่อให้รอดพ้นจากการประจญล่อลวงของปีศาจ?

ปอล – ธรรมเนียมนิยมของคาทอลิกจะวอนขอความช่วยเหลือจากนักบุญผู้ที่ต่อสู้กับการประจญแบบเดียวกับของเรา  ในกรณีของการล่อลวงให้ลุ่มหลง ผมเลือกนักบุญเบเนดิกต์  สำหรับความโกรธ ผมเลือกนักบุญเจโรม  สำหรับความรักในศักดิ์ศรีที่ไร้สาระ – นักบุญอิกนาตุส โลยาลา  สำหรับการหมดกำลังใจ – น. เทเรซาแห่งอาวิลลา  สำหรับความสิ้นหวัง – น. ปีโอ และอื่นๆ

Zoe Romanowsky: คุณธรรมที่สำคัญที่สุดในการทำให้ปีศาจหนีไปคืออะไร?และจะใช้มันอย่างไรเพื่อปกป้องตัวเราเอง?

ปอล – มีผู้ให้คำแนะนำฝ่ายจิตแก่คริสตชนซึ่งกล่าวว่า ความถ่อมตนเป็นพื้นฐานของคุณธรรมทั้งปวง และเป็นพื้นดินที่ทำให้คุณธรรมอื่นเจริญงอกงามได้  ดังนั้นผมคิดว่าคุณธรรมความถ่อมตนเป็นคุณธรรมที่สำคัญที่สุด

มีตัวอย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่าความถ่อมตนช่วยปกป้องเราจากการล่อลวงของปีศาจ  มีนักพรตท่านหนึ่งในทะเลทรายผู้เป็นปิตาจารย์ของพระศาสนจักรในสมัยก่อน  ท่านเป็นนักพรตที่ถ่อมตนมาก  ขณะที่ท่านกำลังอาศัยอยูในห้องเล็กๆเพื่อสวดภาวนา ปีศาจก็ปรากฏแก่ท่านในลักษณะของเทวดาแห่งแสงสว่างเพื่อล่อลวงให้ท่านเกิดความหยิ่งจองหอง  มันประกาศว่า “เราคืออัครเทวดากาเบรียล และเราถูกส่งมาหาท่าน”  แต่นักพรตผู้ถ่อมตนผู้นั้นไม่ยอมให้ถูกหลอกได้  ท่านตอบมันอย่างเรียบง่ายว่า “ตรวจสอบให้แน่นอนเสียก่อนเถิด ท่านถูกส่งให้ไปหาคนอื่นต่างหาก ข้าพเจ้าไม่มีค่าอันใดที่เทวดาจะถูกส่งให้มาหาหรอก” เจ้าปีศาจจึงหายตัวไป  มันพ่ายแพ้ต่อความถ่อมตนของนักพรตท่านนั้น

Zoe Romanowsky: ทำไมซาตานจึงล่อลวงบางคนมากกว่าคนอื่น?

ปอล – เจ้าปีศาจกลัวว่าบางคนอาจทำความเสียหายแก่อาณาจักรของมันมากกว่าคนอื่น  มันจึงไปหาคนๆนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว  เมื่อนักบุญแอนโทนี่ประสงค์จะไปอยู่ในทะเลทรายในฐานะฤาษี เมื่อนักบุญแคทเธอรีนถวายตนเองแด่พระกุมารเยซู และเมื่อคุณพ่อปีโอเริ่มเข้าสู่คณะกาปูชิน นั่นเป็นเวลาที่ศัตรูของวิญญาณพยายามทุกวิถีทางที่จะหยุดยั้งนักบุญเหล่านั้น  มันรู้ว่าถ้ามันสามารถหยุดยั้งบุคคลเหล่านั้นได้  มันจะสามารถทำลายแผนการณ์อันยิ่งใหญ่ที่พระเป็นเจ้าทรงมอบหมายให้บุคคลนั้นกระทำได้

แต่ขอให้สบายใจเถอะ ผมคิดว่าถ้าปีศาจพยายามต่อต้านเราเต็มที่  บางทีนั่นอาจแสดงว่าพระเป็นเจ้าทรงมีแผนการณ์ยิ่งใหญ่ที่จะใช้เราก็ได้ เราต้องจำคำพูดของน. ยอห์น เวียนเนย์ที่ว่า “ความเลวร้ายที่ใหญ่ที่สุดของการถูกประจญล่อลวงก็คือปีศาจมองเราเหมือนเป็นทรัพย์สินของมัน” 

Zoe Romanowsky: เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งใดมาจากปีศาจและสิ่งใดไม่ใช่? เราจะปกป้องตัวเราเองจากความวิตกกังวลว่าจะถูกล่อลวงได้อย่างไร?

ปอล – พระคัมภีร์บอกเราให้ทำสงครามต่อสู้กับโลก  เนื้อหนัง และปีศาจ (ยก. 4:1-7) เป็นความจริงที่ว่าการต่อสู้กับเนื้อหนังและโลกอาจมาจากการล่อลวงของปีศาจโดยตรงหรือไม่ใช่ก็ได้  แต่ปีศาจพยายามที่จะใช้ความได้เปรียบจากความพยายามในการต่อสู้ของเรานั้น  ดังนั้นเราจึงต้องระวังตัวตระหนักรู้ถึงความเคลื่อนไหวของมัน

เราต้องรู้ถึงที่มาความเคลื่อนไหวของความคิดของเราและรู้วิธีที่จะสู้รบเพื่อเอาชนะมัน  ความมีวินัยฝ่ายจิตซึ่งพระศาสนจักรสั่งสอนนั้นช่วยเราได้มาก นั่นก็คือ  การสวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอ  การร่วมพิธีมิสซา รับศีลมหาสนิท และการรับศีลอภัยบาป  การศึกษาพระคัมภีร์และขอคำแนะนำจากผู้รู้ที่ไว้ใจได้

ผมยังสังเกตเห็นแบบแผนชีวิตของบรรดานักบุญอย่างหนึ่ง  นั่นคือพวกท่านไม่วิตกกังวลเกี่ยวกับศัตรู  พวกท่านรักษาความมั่นคงและความกล้าในจิตใจ ดังที่ น. ยอห์นบอกกับเราว่า พระเจ้าผู้ทรงอยู่ในตัวเรายิ่งใหญ่กว่าปีศาจซึ่งอยู่ในโลก (1 ยน. 4:4) นักบุญระวังตัวจากการล่อลวงของปีศาจ แต่ท่านก็ไม่วิตกกังวลมากจนเกินไป  พวกท่านรู้ว่าปีศาจจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

            ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้นักบุญจะต่อสู้กับปีศาจอย่างดุเดือด  นักบุญบางท่านก็ยังตั้งชื่อเล่นให้กับจิตที่ชั่วร้ายเหล่านั้นด้วยเพื่อเป็นการทรมานและเยาะเย้ยมัน  น.คัทรีนตั้งชื่อให้ปีศาจว่า “นักล้วงกระเป๋า” (เพราะมันาพยายามขโมยวิญญาณ)  น.ปีโอ เรียกปีศาจว่า “ogre” (อสูรกายตัวตลก)  น.เกมม่า เรียกมันว่า grappin” (นักงัดข้อ)

Zoe Romanowsky: คุณคิดว่ามีวิธีใดที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าซาตานมีอยู่จริงและมันกำลังทำงานของมันในโลกนี้?

ปอล – เมื่อพูดกับปุถุชนคนธรรมดา  ผมจะรวบรวมหลักฐานต่างๆในประวัติศาสตร์ที่จะยืนยันความจริงในเรื่องนี้  คนในโลกที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมากมายต่างก็ยืนยันว่ามีจิตที่ชั่วร้ายอยู่จริง  ถึงแม้บางทีพวกเขาอาจไม่เชื่อในจิตที่ชั่วร้ายบางอย่าง  คนจำนวนมากในยุคสมัยนี้เป็นคนที่ยึดถือเหตุผลและมีความฉลาด  และในจิตใจของพวกเขาก็รู้สึกรับรู้ว่ามีพลังอำนาจของปีศาจอยู่ในโลก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความเจ็บป่วยทางจิตและทางร่างกายบางอย่างมีความเกี่ยวข้องกับผีปีศาจ  ในปัจจุบันนี้ก็เหมือนกับในอดีต  ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการทำไสยศาสตร์และเวทมนตร์มีอยู่ดาษดื่นในโลก  ปีศาจนั้นมีอยู่จริงถึงแม้จะมองไม่เห็นมันโดยตรง  แต่นั่นไม่ได้แสดงว่าปีศาจไม่มีอยู่

คนที่เชื่อยากอาจต้องการ “หลักฐานทางวิทยาศาสตร์”  แต่นักวิทยาศาสตร์จะใช้มาตรวัดอะไรเพื่อตรวจวัดปีศาจได้ล่ะ?  วิทยาศาสตร์ธรรมชาติสามารถวัดเวลา วัตถุ พลังงาน และการเคลื่อนไหวได้  วิทยาศาสตร์สังคมสามารถวิเคราะห์พฤตกรรมของมนุษย์ได้ แต่ปีศาจไม่มีร่างทางกายภาพ เราไม่สามารถจับมันเข้าไปในหลอดทดลองหรือวัตถุใดเพื่อวิเคราะห์มันได้  นักวิทยาศาสตร์ทำได้แต่เพียงสังเกตผลกระทบจากการกระทำของปีศาจที่มีต่อโลกทางกายภาพหรือที่มีต่อพฤตกรรมของมนุษย์เท่านั้น  นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำอธิบายในเรื่องของปีศาจแต่ก็ยังมีคำอธิบายที่ไม่เพียงพอที่จะมาถกเถียงกับทางคาทอลิก  ในพระคัมภีร์มีคำพูดมากมายซึ่งยืนยันถึงการมีอยู่ของปีศาจและอาณาจักรของมัน  ในพระวรสารก็กล่าวถึงการที่พระคริสต์เองทรงเผชิญหน้ากับซาตานและทรงพูดกับมันด้วย  การที่พระเยซูเจ้าตรัสกับซาตานในที่เปลี่ยวนั้นไม่ใช่เป็นการพูดกับพระองค์เองภายในจิตใจ

พระคริสต์ทรงพูดถึงปีศาจในหลายโอกาส และยังขับไล่มันออกจากคนที่มันสิงด้วย  บางคนบอกว่าการที่พระคริสต์ทรงขับไล่ปีศาจนั้น  พระองค์เพียงแต่รักษาความเจ็บป่วยทางร่างกายและทางจิตของบุคคลผู้นั้นซึ่งทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะถูกปีศาจเข้าสิง  แต่ผมขอแก้ความคิดนี้ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระเยซูทรงขับไล่ปีศาจออกจากคนที่มันสิงและให้มันไปสิ่งอยู่ในสัตว์แทน  คุณไม่สามารถขับไล่ความเจ็บป่วยให้ไปอยู่ในหมูแทนได้หรอก  ความมีอยู่ของพลังอำนาจของปีศาจเป็นคำสอนที่มีอยู่ในพระศาสนจักรคาทอลิกมาตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งสืบทอดจากพระคริสต์มายังอัครสาวกและผู้สืบทอดต่อๆมา  พวกท่านได้พูดและเขียนเกี่ยวกับซาตานไว้  หลายศตวรรษที่ผ่านมาบรรดาปีตาจารย์  พระสันตะปาปา และการประชุมสังคายนา ก็ได้ยืนยันว่าซาตานและปีศาจมีอยู่จริง
 
------------------------------
Zoe Romanowsky is lifestyle editor and video content producer at Aleteia

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น