ผมกำลังพูดถึงซิสเตอร์ลูเซีย
หนึ่งในผู้ที่เห็นแม่พระแห่งฟาติมา เออร์มา
ดอเรส “Irma Dores.” เป็นชื่อซึ่งรู้จักกันในหมู่คณะของเธอ
Irmã เป็นภาษาโปรตุเกส
แปลว่า “ซิสเตอร์” ส่วน Dores ได้มาจากนามสกุลเดิมของเธอคือ Maria das
Dores ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Dolores
มีความหมายว่า “ความเศร้า” “sorrows” พระสังฆราชเป็นผู้ตั้งชื่อให้แก่เธอในตอนที่เข้าเรียนในโรงเรียนของเด็กกำพร้าเมื่อยังเป็นเด็กเล็ก แต่ชื่อนี้ไม่ได้บ่งบอกว่าเธอเป็นคนเศร้า
เพราะมันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
Irmã
Dores โดยปกติเธอจะเซ็นชื่อว่า “Irmã Maria Lucia de Jesus” แต่ถ้าเป็นชื่อเต็มจะเขียนว่า “Irmã Maria Lucia de Jesus Rosa
Santos.” ภายใน Colégio
do Sardão อันเป็นอารามที่เธออยู่คนที่นั่นมักจะเรียกเธอว่า Irmã
Dores
ก่อนที่ผมจะไปที่
Sardão ผมคิดถึงเธอในชื่อ ลูเซีย
เด็กที่ได้เห็นแม่พระที่ฟาติมา
แต่เมื่อผมได้พบกับเธอและรู้จักเธอแล้ว
ผมจะนึกถึงเธอในชื่อ Irmã Dores
ผมพูดกับเธอโดยเริ่มต้นว่า
วันพรุ่งนี้จะเป็นวันครบร้อยปีของการถวายประเทศสหรัฐอเมริกาแด่พระแม่มารีย์ปฏิสนธินิรมล
ผมขอให้เธอช่วยสวดภาวนาเพื่อสหรัฐอเมริกาด้วย
เธอพยักหน้าด้วยความสุภาพและตอบด้วยเสียงเบาๆว่า “ได้ค่ะ” ลักษณะของเธอนั้นอธิบายได้ไม่ง่ายนัก สายตาของเธอจะจับจ้องอยู่กับบุคคลที่เธอพูดด้วย
เธอมีความสุภาพและอดทนในการฟังคำถามของคนอื่นเพื่อจะเข้าใจในคำถามของผู้ถามอย่างถูกต้อง จิตใจที่เข้มแข็งสะท้อนออกมาจากตัวของเธอ
เธอจะนั่งอย่างผ่อนคลายแต่จะโน้มมาข้างหน้าเล็กน้อย มือวางประสานอยู่ที่หน้าตัก และบางทีก็จะแผ่มือมาวางที่เข่าเพื่อผ่อนคลายท่าทางบ้าง เธอมีเสียงสูงแหลม
ลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผมสังเกตุเห็นในชาวโปรตุเกสซึ่งแตกต่างจากชาวลาติน บางครั้งเธอก็จะหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ แสดงว่าเธอมีอารมณ์ขัน
ผมอธิบายถึงการมาเยี่ยมเธอในครั้งนี้ว่า ผมเป็นปฏิมากร
และผมมีภารกิจที่จะต้องสร้างพระรูปแม่พระแห่งฟาติมา ผมต้องการสร้างพระรูปที่มีความถูกต้อง จึงอยากให้เธอช่วยผมโดยอธิบายภาพของแม่พระที่เธอเห็น และเพื่อทำให้เธออธิบายได้ง่ายขึ้นผมได้นำแบบตัวอย่างพระรูปเล็กๆมาด้วยเพื่อให้เธอวิจารณ์ผลงานที่ผมได้สร้างขึ้นมานี้
Irmã
Dores ได้เห็นพระรูปซึ่งตั้งอยู่ในห้องแล้ว และไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ
ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะความใส่ใจอย่างรอบคอบต่อผู้ที่เธอพูดด้วย และเธอไม่ต้องการแสดงถึงความไม่เห็นด้วยออกมา
มีแสงส่องเข้ามาในห้องไม่มากนัก เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องการตรวจดูพระรูป
เราจึงเคลื่อนย้ายพระรูปมาที่หน้าต่าง ผมมีความหวังว่าผลงานของผมจะเป็นที่ยอมรับ
เมื่อคิดว่าเพื่อนและหลายคนในครอบครัวของผมได้เห็นพระรูปนี้และแสดงความคิดเห็นไปในทางที่ดี นอกจากนี้อาจารย์ของผม Mr. Carl Milles ยังกล่าวชมว่า
“นี่เป็นพระรูปที่ดีที่สุดที่คุณได้ทำมาเลย”
ผมจึงหวังว่าจะได้ความคิดเห็นจากผู้ที่เห็นแม่พระในทางที่เห็นด้วย และบัดนี้ผมกำลังได้รับทราบความคิดเห็นที่สำคัญที่สุด
แล้ว “ถ้าเธอรับรองละก็....” ผมคิด และผมจะรู้ในไม่ช้านี้แหละ
ผมถือพระรูปให้อยู่สูงในระดับสายตาของเธอ เพื่อที่เธอจะได้พินิจพิจารณา หลายนาทีต่อมา
ปฏิกิริยาที่เรารอคอยก็เริ่มให้เห็น
คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย (และในจิตใจของผมด้วย)
“Não dá
posicão,” เธอพูดเป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า “มันยังไม่อยู่ในท่าที่ถูกต้อง”
“มือขวาควรยกขึ้นและมือซ้ายควรอยู่ต่ำลงมา”
เธอพูดต่อ ผมรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงการประจักษ์ในเดือนมิถุนายน ผมจึงรีบอธิบายเกี่ยวกับมือของพระรูปว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้มีท่าทางตรงตามการอธิบายทั่วไปแต่เป็นสัญญลักษณ์เท่านั้น ผมใช้ท่าทางของมือเพื่อแสดงถึงสาส์นแห่งฟาติมา นั่นคือ ดวงหทัยนิรมลของแม่พระและสายประคำ
เธอยิ้มเล็กน้อยเมื่อผมขอโทษ
และเพราะเธอไม่รู้เรื่องสัญลักษณ์นี้
เธอจึงเพียงแต่ตอบผมด้วยคำพูดแรกของเธอ Não dá posicão.” “มันยังไม่อยู่ในท่าที่ถูกต้อง”
ในระหว่างที่เราสนทนากัน Irmã
Dores สังเกตเห็นสายรัดรอบๆกล่องที่วางอยู่บนพื้น เพราะผมเร่งรีบและเผลอไปจึงทิ้งมันลงที่พื้น
เธอเก็บมันขึ้นมาและพับมันอย่างเรียบร้อยและวางไว้บนกล่อง
“เสื้อผ้าของพระรูปนี้เรียบเกินไป”
เธอพูดหลังจากที่เรานั่งลง และพระรูปวางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวเล็กๆ จากการสนทนากับผู้ที่ได้เห็นและได้พูดกับแม่พระนี้
ผมสังเกตเห็นถึงความผิดหวังของเธอต่อพระรูปที่ผมสร้างขึ้น เธอยังไม่ยอมรับในผลงานของผม ทำให้ผมสนใจที่จะฟังคำวิจารณ์ของเธอต่อไป
ผมอธิบายด้วยความเคารพต่อเธอว่า
“ผมได้รู้มาจากหนังสือที่อธิบายว่าภาพการประจักษ์ของแม่พระนั้นมีแสงเจิดจรัส
แต่เป็นไปไม่ได้ที่ให้มีแสงเกิดขึ้นในประติมากรรมนอกจากจะใช้แสงส่องไปที่พื้นผิว ด้วยเหตุนี้ผมจึงสร้างให้อาภรณ์ของพระรูปราบเรียบมากเช่นนั้น”
“แต่แสงสว่างนั้นเป็นระลอกคลื่นและทำให้อาภรณ์ดูเหมือนมีรอยกระเพื่อม”
(หมายถึงแสงสว่างในการประจักษ์) เธอพูด
“พระนางทรงถูกล้อมรอบด้วยแสงสว่างและพระนางทรงอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง” เธอยืนยันว่าสิ่งที่ผมสังเกตเกี่ยวกับแสงเจิดจ้านั้นถูกต้องแล้ว และเธอพูดเพิ่มเติมว่า
“เท้าของพระนางอยู่บนพุ่มไม้
azinheira”
นี่เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับผม ไม่มีหมอกเมฆหรอกหรือ? ในรูปต่างๆของแม่พระที่ทรงประจักษ์จะมีสิ่งนี้ ตอนที่สร้างพระรูปตัวอย่างนี้ผมก็พบปัญหาในการออกแบบก้อนเมฆด้วย จะทำอย่างไรให้ดูคล้ายกับว่ามีก้อนเมฆในวัสดุที่เป็นของแข็งเช่นนี้ได้ และผมก็แก้ปัญหาโดยทำให้ก้อนเมฆมีลักษณะคล้ายกับพรมอยู่ที่บริเวณใต้เท้าของพระรูป และเวลานี้ Irmã Dores บอกว่าไม่มีก้อนเมฆกระนั้นหรือ?
ผมถามเธอ
“มีคนพูดถึงเกี่ยวกับก้อนเมฆ แต่ผมเองไม่ได้เห็น เท้าของแม่พระทรงสัมผัสอย่างเบาๆอยู่บนยอดของใบไม้”
ผมบอกเธอว่า ผมรู้สึกผิดหวังเพราะผมคิดว่าก้อนเมฆน่าจะเป็นรูปแบบที่สวยงามมาก
ต่อมา ยังมีสิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง
“พระนางทรงมีดวงดาวอยู่บนเสื้อทูนิคเสมอ”
นี่เป็นข้อผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งที่พบในรูปภาพทั่วไป เอาละ นี่เป็นสิ่งที่แก้ไขได้ไม่ยาก
แต่เธอยังเพิ่มเติมรายละเอียดอีกอย่างหนึ่งที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน
“พระนางทรงสวมสายสร้อยพร้อมด้วยลูกบอลเล็กๆแห่งแสงอยู่เสมอ” เธอพูด
เป็นการอธิบายถึงสิ่งที่คล้องอยู่รอบๆคอและห้อยลงมาถึงบริเวณเอว นี่เป็นรายละเอียดที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสร้อยและพู่ที่มีการสอบสวนครั้งแรกในปี
1917
Irmã Dores ไม่ได้เรียกแม่พระในชื่อ nossa Senhora, หรือ
“our Lady,” แต่จะใช้คำทั่วไปด้วยการใช้สรรพนามว่า ela, หรือ “she.” คุณพ่อการ์ดินเนอร์
ได้อธิบายในเวลาต่อมาว่า เธอใช้คำว่า ela เพื่อแสดงถึงความเคารพต่อแม่พระ และเป็นแม่พระไม่ใช่ใครอื่น
จุดต่อมาของข้อมูลเกี่ยวกับอาภรณ์ของแม่พระแห่งฟาติมาที่ได้จากการตอบคำถามของ Irmã
Dores –
มีอาภรณ์เพียงสองอย่างที่มองเห็นได้
คือเสื้อทูนิค(เสื้อที่คลุมทั้งตัว) และผ้าคลุมศีรษะยาวหรือ mantle เสื้อทูนิคนั้นไม่มีปกคอและปกข้อมือ ไม่มีสายรัดรอบเอว
ถึงแม้ว่าเสื้อทูนิคจะยาวเลยเอวลงไป
เมื่อผมถาม Irmã Dores
เกี่ยวกับความกว้างของแขนของเสื้อทูนิค
เธอกระตุกเบาๆที่แขนเสื้อโค้ทของผมและพูดว่าดูเหมือนจะกว้างพอๆกัน
บทความนำมาจากหนังสือ
“Vision of
Fatima.”
ผมได้เพิ่มเติมเส้นผมของแม่พระที่บริเวณคอที่อยู่ภายในผ้าคลุมศีรษะ
โดยที่ผมไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องจากคำอธิบายใดๆ และผมไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ที่ทำเช่นนี้มีจุดประสงค์สองอย่างคือ
ทำให้ใบหน้าของแม่พระเด่นชัดและดูเยาว์วัยมากขึ้น
และมันช่วยกำจัดเงาที่เกิดจากผ้าคลุมศีรษะด้วย ผมสอบถาม Irmã
Dores เกี่ยวกับความคิดของผมในเรื่องนี้
“ดิฉันไม่เห็นเส้นผมเลยค่ะ”
นั่นคือคำตอบ
พระรูปตัวอย่างของผมทำให้เธอระลึกถึงการประจักษ์ในเดือนมิถุนายน
“พระนางทรงประจักษ์มาในลักษณะของดวงหทัยนิรมลในเดือนมิถุนายนเท่านั้น” เธอพูด
แล้วเธอก็ดึงสายประคำของเธอออกมาจากกระเป๋าของเครื่องแบบของเธอ เธอจับสายประคำด้วยมือขวาและประสานมือทั้งสองข้างในท่าการสวดภาวนา และพูดต่อว่า “ในเดือนมิถุนายน
พระนางประจักษ์มาตอนแรกเหมือนกับที่ทรงประจักษ์ในครั้งก่อนๆ แล้วพระนางทรงผายมือของพระนาง” Irmã
Dores ทำท่าทางให้ดู
แขนขวาของพระนางยื่นออกมา
ปลายแขนยื่นไปข้างหน้าที่ระดับเอวของพระนางและยกขึ้นเล็กน้อยในแนวราบ แขนงอเล็กน้อย
ฝ่ามือเผยลง
มือซ้ายของพระนางยกขึ้นใกล้ศูนย์กลางลำตัวและชิดกับลำตัว โดยที่นิ้วอยู่ต่ำกว่าเอวเล็กน้อย หลังจากที่เธอทำท่าทางสาธิตให้ดู
(ผมขอให้เธออยู่นิ่งๆสักพักหนึ่งเพื่อที่ผมจะได้ตรวจสอบ) Irmã Dores
ได้วางมือขวาแผ่บนบริเวณทรวงอกด้านซ้ายห่างทรวงอกประมาณสองนิ้ว
เพื่อแสดงท่าของการประจักษ์ของดวงหทัยนิรมลของแม่พระ ซึ่งมีหนามแหลมล้อมรอบ ผมรู้สึกประหลาดใจที่รู้ว่าดวงหทัยได้ปรากฏออกมานอกพระกาย แต่เธอยืนยันกับผมว่ามันเป็นเช่นนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับปฏิมากร ผมคิด
แต่ความคิดนี้ก็ไม่รบกวนผมมากนัก
ผมสนใจเป็นอย่างมากในการฟังเธออธิบายอย่างละเอียด
“ในการประจักษ์ครั้งแรกและครั้งที่สาม พระนางทรงเผยพระหัตถ์ของพระนางอย่างนี้” Irmã Dores
พูดและทำท่าทางคล้ายกับตอนที่พระสงฆ์ในพิธีมิสซาขณะที่กล่าวว่า “Dominus
vobiscum,” แต่มือของเธอจะต่ำลงมาเล็กน้อย
ต่อไป
ผมถามเธอเกี่ยวกับพุ่มไม้ azinheira หรือต้น holm oak ซึ่งแม่พระทรงประจักษ์มา
ผมนำกิ่งไม้ที่ผมเก็บมาจากต้นไม้ที่ Chão de Maçãs เพื่อให้เธอยืนยันชนิดของต้นไม้และถามเธอว่า
นี่ใช่ต้นไม้ลักษณะเดียวกันกับที่แม่พระทรงประทับยืน
“ใบไม้มีขนาดเล็กเท่านี้หรือไม่?”
(เป็นการดีที่จะออกแบบใบไม้ที่มีขนาดใหญ่
ผมถือวิสาสะในเรื่องนี้)
“ใช่แล้ว
เพราะต้นไม้ยังอ่อนอยู่และต้นเล็ก ต้นazinheiraที่อายุน้อยจะเรียกว่า carrasqueira มันสูงแค่หนึ่งเมตรประมาณเท่าความสูงของดิฉัน”
ย้อนกลับมาในเรื่องที่สำคัญ
ผมถามเธอว่ามีความแตกต่างอะไรไหมระหว่างผ้าคลุมศีรษะกับเสื้อทูนิค “ผ้าคลุมศีรษะเป็นระรอกคลื่นของแสง”
“เสื้อทูนิคไม่เป็นหรือ?”
“ค่ะ”
“แล้วอะไรที่แตกต่างกัน?”
“มีระรอกคลื่นของแสงอยู่สองระรอก
อันหนึ่งอยู่บนอีกอันหนึ่ง” ผมคิดว่าการทำให้แสงสว่างของการประจักษ์ดูคล้ายกับที่แสงทำให้เกิดรอยพับในผ้าม่านน่าจะดีกว่า
ผมค่อนข้างจะยืนกรานที่จำเป็นต้องคงลักษณะรอยพับแบบผ้าม่านเอาไว้
ผมอธิบายให้เธอฟังว่ารอยพับแต่ละรอยจะสร้างเงาขึ้นและนั่นจะทำให้เกิดลักษณะโดยรวมของเงาหลายเงา ซึ่งจะทำให้รูปมีความมืด และเธอตอบว่า “ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร คุณไม่สามารถแสดงลักษณะที่แท้จริงได้ค่ะ”
แม่พระทรงสวมรองเท้าหรือไม่?” ผมถาม
“ดิฉันจำไม่ได้
เพราะคิดว่าดิฉันไม่เคยมองดูที่เท้าของพระนางเลย”
นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
เพราะเธอเพิ่งบอกว่าเท้าของแม่พระทรงอยู่บนยอดของใบไม้ แต่คนเราก็อาจจะสังเกตตำแหน่งและท่าทางของพระรูปโดยไม่สังเกตุรายละเอียดอื่นๆทั้งหมดได้
ใบไม้ของต้น azinheira โน้มลงบ้างไหม?”
(ผู้ที่อยู่และเห็นเด็กทั้งสามอยู่ในภวังค์ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้)
“ใบไม้ไม่ได้โน้มลงค่ะ”
“มีเส้นดิ้นสีทองอยู่บนผ้าคลุมศีรษะหรือไม่?”
“มีเส้นสีทองสามเส้นอยู่บนผ้าคลุมศีรษะค่ะ”
“มันเหมือนกับมีรังสีแสงสว่างอยู่รอบๆผ้าคลุมศีรษะค่ะ” ในเวลาต่อมา เมื่อผมทำงานที่พระรูป
เธอพูดว่ารังสีเหล่านี้อยู่รอบๆผ้าคลุมศีรษะเหมือนกับเส้นด้ายบางๆ
“ใบหน้าและมือและเท้าของแม่พระเป็นสีของแสงสว่างหรือเป็นสีของเนื้อหนัง?”
(เป็นคำถามที่ตอบยากแน่ๆ ผมคิด แต่คำตอบในทันทีทันใดก็ให้ความกระจ่าง)
“เป็นเนื้อหนังและสีแห่งแสงสว่าง”
เธอตอบ “เป็นแสงสว่างที่อยู่บนสีของเนื้อหนัง”
ผมกลับมาถามเกี่ยวกับปัญหาว่าจะแสดงหรือไม่แสดงเส้นผม Irmã Dores
ยืนยันอีกครั้งว่าไม่เห็นผมของแม่พระ
“แต่” ผมแย้ง
“ถ้าผ้าคลุมศีรษะปกคลุมลงมาจนถึงผม
มันก็จะปิดบังไม่เฉพาะแต่ผมแต่จะปิดบังใบหน้าบางส่วนด้วยเช่นกัน”
“อาจจะยากลำบากในการอธิบายลักษณะของแม่พระ
“Irmã Dores ตอบ “แต่ดิฉันไม่เห็นผมของแม่พระเลยค่ะ”
ต่อมาที่โรงแรมที่เราพักอาศํย คุณพ่อการ์ดินเนอร์
ให้ความเห็นในคำตอบนี้และในเรื่องที่ผมยืนกราน
ท่านบอกว่า Irmã Dores พูดเหมือนจะบอกว่า
“ดิฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงภาพนิมิตเพียงเพื่อให้ปฏิมากรพอใจหรอก”
ในความเป็นจริง
ปัญหาเรื่องใบหน้าเป็นเรื่องที่แก้ได้ไม่ยากนักเมื่อผมเริ่มสร้างพระรูปใหม่
เพราะเหตุที่การประจักษ์เป็นอาภรณ์แห่งแสงสว่างมากกว่าเป็นผ้า
จึงไม่มีความจำเป็นที่ผ้าคลุมศีรษะจะมีลักษณะที่ยาวลงมาตามแรงโน้มถ่วง
ผมเพียงแต่ทำให้ผ้าม้วนไปด้านหลังเล็กน้อยในบริเวณที่ต้องการแสดงใบหน้า
“แม่พระทรงมีสีพระพักตร์อย่างไร?”
“ทรงงดงามแต่เศร้าค่ะ ทรงอ่อนโยนแต่เศร้า” (Agradável mas triste; doce mas triste. - ภาษาโปรตุเกส)
ผมชี้ไปที่พระรูปและถามว่าผ้าคลุมศีรษะที่ยาวลงมานั้น เส้นสายตามความยาวของผ้าดูเหมาะสมหรือไม่ ในพระรูปตัวอย่างนี้ผมสร้างให้ผ้าคลุมศีรษะมีปลายผ้าเว้าเป็นรูปไข่
Irmã Dores ทำให้ผมผิดหวังอีกครั้ง
“มันดูคล้ายจะแข็งทื่อเกินไป” เธอพูด
“ผ้าคลุมศีรษะดูเหมือนกับสิ่งที่ทำด้วยวัสดุที่เบา เบามากๆ” – นั่นเป็นเรื่องของน้ำหนัก คุณพ่อการ์ดินเนอร์บอกว่า เธออาจจะใช้คำว่า ethereal (เบาเหมือนอากาศ) --- “แต่มันดูแข็งทื่อ”
แล้วเธอก็ชี้ไปที่ส่วนล่างสุดของผ้าคลุมศีรษะที่พระรูปตัวอย่างและบอกว่ามันควรจะสั้นอีก
“เสื้อผ้าเป็นสีขาวทั้งหมดใช่ไหม?”
“เป็นสีขาวทั้งหมดค่ะ”
“ยกเว้นสายสร้อยและดวงดาวหรือ?”
“ค่ะ
สายสร้ายมีสีเข้มกว่าและเป็นแสงสีเหลือง”
ผมย้ำคำพูดของเธอเกี่ยวกับเรื่องดวงดาว
“แสงสว่างจากแม่พระเป็นสีขาว
และดวงดาวเป็นสีเหลือง”
ผมถามคุณพ่อการ์ดินเนอร์เกี่ยวกับ “สีเหลือง” Irmã Dores
หมายความว่ามันมีสีเดียวกับทองคำใช่ไหม?
คุณพ่อการ์ดินเนอร์แน่ใจว่าเธอหมายความเช่นนั้น แต่ผมขอให้คุณพ่อการ์ดินเนอร์สอบถามอีกครั้ง เพราะคำถามจะนำมาซึ่งคำอธิบาย
ซึ่งจะเป็นเรื่องดีมากถ้าจะเขียนรายละเอียดที่แน่ชัดดีกว่าจะเพียงแต่ฟังอย่างเดียว ผมตรวจสมุดบันทึกของผมกับของคุณพ่อการ์ดินเนอร์ที่เป็นภาษาโปรตุเกส เพื่อให้รู้คำพูดที่แท้จริงของเธอ
“ไม่ค่ะ
เป็นสีเหลือง”
แม่พระทรงเป็นแสงสว่างทั้งองค์ แสงสว่างมีหลายเฉดสี สีเหลือง และสีขาวและสีอื่นๆ มีเรื่องของความเข้มมากและเข้มน้อย
โดยอาศัยความแตกต่างของเฉดสีและความแตกต่างของความเข้ม
ทำให้คนเราเห็นว่าอะไรเป็นมือ
อะไรเป็นผ้าคลุมศีรษะ และอะไรเป็นใบหน้า หรืออะไรเป็นเสื้อทูนิค
รูปภาพบางรูปของแม่พระแห่งฟาติมาแสดงรูปของแม่พระใหญ่กว่าเด็กๆมากเกินไป เมื่อผมถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ Irmã
Dores ยืนยันว่าอัตราส่วนความสูงเป็นไปตามธรรมชาติ
ผมจำได้ว่าเธอบอกว่าการประจักษ์ของแม่พระนั้น พระนางดูสูงกว่าความสูงเฉลี่ยแต่ผมไม่อาจยืนยันได้ อย่างไรก็ตาม, ในเวลาต่อมา เธอได้รับรองพระรูปใหม่ที่ผมสร้างขึ้น
แน่นอนว่า
ยังมีหลายอย่างที่ผมไม่ได้บันทึกไว้ในการสัมภาษณ์เธอ Irmã Dores
มักจะพูดอย่างรวดเร็ว
และในบางครั้งการสนทนาเป็นเวลานานนี้ก็ผ่านไปโดยไม่มีการแปล
ผมขัดจังหวะการสนทนาบ่อยๆเพื่อขอให้หยุดและแปลคำพูดให้ฟัง ด้วยความกลัวว่าจะสูญเสียรายละเอียดเล็กๆน้อยจากการพูดของเธอ แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม
ผมตำหนิผู้พูดภาษาโปรตุเกสทั้งสามท่านที่ลืมผมไป Irmã Dores
จะยิ้มและหยุดพูด
และผมก็มีโอกาสจดบันทึกในสมุดของผม
บางทีผมอาจจะใส่ใจมากเกินไปว่าจะมีความผิดพลาดในการสร้างพระรูปถ้าไม่บันทึกความคิดเห็นของ
Irmã Doresให้ครบถ้วน ผมเคยถามเธอว่าพระรูปใหม่นี้ดูเหมือนมีแสงและไร้น้ำหนักไหม
(ผมสร้างพระรูปโดยเน้นที่จุดนี้) เธอตอบว่า “ใช่ค่ะ
มันทำให้รู้สึกถึงแสงสว่างมากกว่าอย่างอื่น” ขอร้องละ
ผมต้องขอให้แสดงการรับรองมากกว่านี้อีก
ผมถือพระรูปให้อยู่ในมุมที่แตกต่างออกไปเพื่อให้เธอตรวจดูใหม่อีกรอบ เธอบอกว่าใบหน้าของพระรูปนี้ดูจะแก่เกินไป
“มองทางด้านข้างจะดูดีกว่า” เธอพูด
เป็นคำวิจารณ์ที่ให้กำลังใจบ้าง
แต่ก็ยังหนักอยู่
พระรูปตัวอย่างนี้แม่พระจะโน้มตัวเล็กน้อย ผมถาม Irmã
Dores ว่าแม่พระทรงโน้มตัวไปข้างหน้าใช่ไหม เธอตอบว่า “ใช่ค่ะ เพราะพวกเรายังเป็นเด็กตัวเล็กและอยู่ใต้พระบาทของพระนาง” เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ท่าทีในการต้อนรับของคุณแม่อธิการและ Irmã
Dores ทำให้ผมกล้าที่จะถามว่าผมจะกลับมาอีกครั้งเพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของสาส์นแห่งฟาติมาได้หรือไม่? คุณแม่อธิการตอบไม่ขัดข้อง พวกเราจึงลาจากไป
ผมทิ้งพระรูปตัวอย่างเล็กๆนั้นไว้ที่ห้องรับรองพร้อมด้วยความหวังเล็กๆว่า
Irmã Doresอาจจะกลับมาดูอีกสักครั้ง
และมองเห็นความสวยงามในพระรูปที่ผมได้พยายามสร้างขึ้น ผมคิดเช่นนี้จึงได้วางพระรูปไว้ที่นั่น
---------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น