วันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ชายที่ได้พบกับคุณพ่อปีโอหลังจากท่านเสียชีวิตแล้ว


 
จงจำไว้เสมอว่า อัศจรรย์ทุกอย่างเป็นพระพรจากพระเป็นเจ้า”

แอนโทนี ฟูนาแห่งลองก์ไอส์แลนด์เชื่อว่าอัศจรรย์ที่เกิดกับเขามาจากความช่วยเหลือของคุณพ่อปีโอ เขาหายจากโรคมะเร็งในปี 1997

ตั้งแต่บัดนั้นเขาก็พยายามนำผู้อื่นมาหาพระคริสต์ด้วย เขาปฏิบัติสิ่งนี้จนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาโดยอาศัยคุณพ่อปีโอช่วยเหลือ

เมื่อตรวจพบเนื้องอกในลำไส้ของแอนโทนี ก็มีการผ่าตัดเอาลำไส้ออกไปครึ่งหนึ่ง และยังต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อ  เขากระวนกระวายใจมากในเวลาที่รอคอยผลการตรวจในวันต่อมา

มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ไม่ใช่หมอ  แต่เป็นตัวแทนให้เช่าอาคารที่แอนโทนีว่าจ้างไว้  ตัวแทนนั้นขอให้แอนโทนีนำกุญแจบ้านไปให้เขาเพื่อที่เขาจะเปิดบ้านให้ผู้สนใจที่จะเช่าเข้าไปดูได้  แอนโทนีตอบรับว่าจะนำไปให้  เขาหวังว่าจะไม่พลาดสายเรียกของหมอที่จะโทรมา  แอนโทนีเล่าให้ฟังว่า -

วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนัก  ขณะที่ผมขับรถถึงสี่แยกไฟจราจร  ผมเห็นชายคนหนึ่งกำลังโบกมือจากระยะไกล  ชายคนนั้นเข้ามาใกล้รถของเขาและพูดขอร้องเขาว่า “ได้โปรดเถิด ช่วยไปส่งผมที่ถนนเยรูซาเล็มและถนนฮิกส์วิลส์ด้วยเถอะครับ” ชายคนนั้นบอกว่า เขายืนโบกรถตั้งแต่เช้าเพื่อขอให้มีสักคนช่วยเขา  แต่ไม่มีใครยอมช่วยเลย  มิหนำซ้ำบางคนยังตะโกนด่าเขาด้วย  ชายคนนี้ไว้หนวดเครา สวมชุดสีขาวเครื่องแบบของคนทำขนมปัง ผมให้เขาเข้ามาในรถ  ผมรู้สึกติดตรึงใจชายที่ผมไม่รู้จักนี้ในทันใด

ในรถของผม ชายคนนั้นบอกผมว่าผมเป็นคนดีมากที่ยอมเสียเวลาไม่ไปตามนัดหมายของผม และยอมให้เขาขึ้นรถมาด้วย เขาบอกว่าเขารู้สึกได้ว่าผมกำลังกังวลใจในความเจ็บป่วยที่ผมเป็นอยู่  ผมจึงรู้สึกประหลาดใจมาก ผมบอกเขาว่าผมเพิ่งทำการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกบางส่วน  และกำลังกังวลใจเกี่ยวกับผลการตรวจชิ้นเนื้อ ผมมีความรู้สึกสงบและอบอุ่นใจเมื่ออยู่กับชายคนนี้  เขาบอกผมว่าจะขอวางมือของเขาบนแผลที่ทำการผ่าตัดของผมได้ไหมและเขาจะสวดภาวนาให้ผม แล้วเขาก็เริ่มสวดภาวนาในภาษาอื่น  มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายที่เหลือเชื่อมากและมันเป็นอัศจรรย์  ผมรู้สึกขนลุกซู่ และร้องออกมาว่า “พระเจ้า ไม่น่าเชื่อเลย ผมรอบอกภรรยาให้รู้เรื่องนี้ไม่ไหวจริงๆ” มีกระแสไฟฟ้าวิ่งจากมือของชายผู้นี้เข้าสู่ร่างกายของผม แล้วเขาบอกผมว่า “คุณได้รับการรักษาให้หายแล้ว คุณได้รับการรักษาโดยพระจิตเจ้าที่เข้าไปในตัวของคุณ”  ผมรู้สึกงงไปหมด ผมพูดว่า “คุณเป็นใคร?”  และเขาบอกผมว่า เขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า  ผมนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกจนมาถึงจุดหมายปลายทาง  เขาบอกผมอีกครั้งว่า ผมได้รับการรักษาให้หายแล้ว  และผมควรไปร่วมพิธีมิสซาเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อสามารถทำได้ และผมควรสวดภาวนาเพื่อคนอื่นๆซึ่งต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน  เมื่อเขาออกจากรถของผม ผมกล่าวขอบคุณเขาที่ได้สวดภาวนาให้ผมและให้เขาระวังเวลาข้ามถนน เขาเดินข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วโบกมืออำลาผม ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมหันไปมองเขาอีกครั้งหนึ่ง  แต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว  ผมเลี้ยวรถไปทางขวาและพยายามมองหาชายผู้นี้จากกระจกรถ  แต่เขาไม่อยู่แล้ว  ชายผู้นี้หายไปไหนนะ?

ผมขับรถกลับบ้านพร้อมด้วยความรู้สึกสบายตัวและสบายใจที่ยังคงอยู่กับผมตลอดทั้งวัน  ผมอยากจะบอกเรื่องนี้แก่ภรรยาผม บาบาร่า และบอกกับทุกคนในครอบครัวของผม

            รายงานผลการตรวจชิ้นเนื้อมาถึง และดร.เฟอร์ราร่า บอกผมด้วยความดีใจว่า เนื้องอกเริ่มมีผลเป็นลบ(negative) อย่างไรก็ตาม หมอยังต้องผ่าตัดเนื้องอกส่วนที่เหลือออกไปให้หมด  ผมดีใจเป็นอย่างยิ่ง....ทุกคนในครอบครัวของผมก็ดีใจมากพวกเขาแทบไม่เชื่อเมื่อได้ยินเรื่องที่ผมได้พบกับชายชราที่มีหนวดเครา  ในตอนเย็นวันนั้น ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่ามีบางอย่างกระตุกบริเวณแผลที่ผ่าตัด  ภรรยาของผมถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น  ผมบอกเธอว่า...รู้สึกเหมือนมีใครมาดึงเอาเนื้องอกส่วนที่เหลือออกไป

ในระหว่างการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ออก  หมอก็พบว่า...ไม่มีอะไรที่ต้องผ่าออกอีก  หมอตกตะลึงอึ้งไป  แต่แอนโทนีรู้ว่าเขาได้รับการักษาให้หายโดยผ่านการช่วยเหลือของคุณพ่อปีโอ

เขาไปตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ  ในปี 2000 พบว่ามะเร็งได้กลับมาอีก และอยู่ในระยะที่สี่  ผมสวดภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อขอพละกำลังความเข้มแข็ง  เพื่อเห็นแก่ลูกสาวของผมที่กำลังจะแต่งงานในอีกสัปดาห์ต่อมา  และอีกครั้งหนึ่งครอบครัวของผมได้รับความช่วยเหลือให้พ้นจากความวิตกกังวล ซึ่งครั้งนี้หนักหนาสาหัสและมีความเสี่ยงกว่ามาก

สเตซี่ ลูกสาวของผมมาที่บ้านของผมและส่งการ์ดที่มีรูปของชายผู้หนึ่ง  ผมถือรูปไว้  แล้วมองดู...ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มผ่านเข้ามาในร่างกายของผม ผมถามลูกสาวผม “ลูกไปนำรูปนี้มาจากที่ไหน? บอกพ่อมาสิ  นี่เป็นเขาเอง ชายที่พ่อรับขึ้นรถและได้สวดภาวนาให้พ่อ และบอกพ่อว่าพ่อได้รับการรักษาให้หายแล้วเมื่อสามปีก่อน”  ลูกสาวผมตอบว่า “พ่อคะ ชายผู้นี้เสียชีวิตแล้ว” ผมบอกว่าเป็นไปไม่ได้  ผมยืนยัน “นี่เป็นชายที่นั่งอยู่กับพ่อในรถของพ่อ” ลูกสาวของผมได้ไปที่โบสถ์และสวดภาวนาให้ผม  และเธอพบกับเพื่อนของเรา ปาลาสโซ่ เขาได้ให้การ์ดรูปคุณพ่อปีโอแก่ลูกสาวของผม  คนในครอบครัวบอกผมว่าผมควรเก็บการ์ดนี้ไว้กับตัวเสมอ  เราทั้งสองร้องไห้ ลูกสาวบอกผมว่าเธอจะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณพ่อปีโอ  ผมได้พบกับเพื่อนของผมแล้ว  คนที่ผมรับขึ้นรถเมื่อสามปีที่แล้ว  ใช่แล้ว เขาคือคุณพ่อปีโอ  ท่านอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยผม และท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยเพื่อช่วยผม ท่านมาอยู่รอบๆพวกเรา

ทุกคนเริ่มสวดภาวนาเพื่อผม จากเพื่อน พระสงฆ์และซิสเตอร์ อัศวินแห่งโคลัมบัส  อำนาจแห่งการสวดภาวนาทำให้ผมมีความกลัวน้อยลง ผมเริ่มรับการทำเคมีบำบัดและการฉายรังสี  ลูกสาวของผมเล่าเรื่องให้ปาลาสโซ่ฟังถึงความประหลาดใจของผมเมื่อเธอมอบการ์ดรูปคุณพ่อปีโอให้ผม และครอบครัวปาลาสโซ่ได้เชิญผมไปที่บ้านของพวกเขาเพื่อรับการอวยพรจากไม้กางเขนและเหรียญรูปคุณพ่อปีโอ  ผมรู้สึกถึงพลังที่ผ่านเข้ามาในร่างกายอีก  ความหนาวแล่นไปตามสันหลัง คุณพ่อปีโอมาอยู่ในความคิดของเรา ในคำภาวนาของเราและมาอยู่ข้างๆผมในเวลาแห่งความยากลำบากของชีวิตอของผม  ผมสวดภาวนาถึงคุณพ่อปีโอ ให้ช่วยทำลายเซลส์มะเร็งร้ายในร่างกายของผม  ผมรับการบำบัดทางการแพทย์และได้เห็นเซลส์มะเร็งเริ่มหายไป

ผมรู้สึกว่านี่เป็นวิธีการของคุณพ่อปีโอเพื่อทำให้ผมมั่นใจว่าทุกสิ่งกำลังไปด้วยดี  ผมได้รับการตรวจภายในด้วยการส่องกล้อง  ผมเห็นภรรยาผมร้องไห้  ผมคิดในใจว่า พระเจ้าข้าขออย่าให้เป็นข่าวร้ายเลย  หมอมีอาการงงด้วยความประหลาดใจและมีสีหน้ายินดี แล้วหมอก็บอกข่าวดีให้ทราบ “มันหายไปแล้ว มะเร็งของคุณไม่อยู่แล้ว” ผมยังมึนงงอยู่จึงยังไม่เข้าใจ หมอพูดว่า “คุณเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่สุด” ภรรยาและผมเริ่มร้องไห้ หยาดน้ำตาแห่งความสุขหลั่งออกมา

ผมรู้ว่าใครที่รักษาผม ใครที่ช่วยผมในความเจ็บป่วยครั้งนี้  ท่านไม่ได้ละทิ้งผมไปไหนเลย ท่านอยู่ที่นั่นเพื่อผมและอยู่กับผม  ผู้รักษาผมคือ “คุณพ่อปีโอ” ท่านทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปตลอดกาล  คุณพ่อปีโอ เป็นนักบุญที่สมควรได้รับชื่อว่านักบุญที่แท้จริงจากผมและครอบครัวของผม  ขอขอบพระคุณ คุณพ่อปีโอ โปรดดูแลครอบครัวของผมและผมตลอดไป ผมจะมองไปที่คุณพ่อเสมอ

แอนโทนีและภรรยาได้ไปร่วมในพิธีสถาปนาคุณพ่อปีโอเป็นนักบุญในปี 2001  ทุกวันนี้ครอบครัวของแอนโทนีจะเล่าเรื่องราวประสบการณ์ของเขาให้คนอื่นๆฟัง  เกี่ยวกับความรักของพระเจ้าและพลังอำนาจความช่วยเหลือของคุณพ่อปีโอ  พวกเขาจะวางกระดาษที่ใส่ชื่อของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือไว้ที่รูปปั้นของคุณพ่อปีโอ  มีหลายคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น พ่อแม่ของเด็กที่เป็นลูเคเมีย คนเจ็บป่วยที่เป็นผู้สูงวัย ครอบครัวที่แตกแยก คนติดยาเสพติด คนที่เป็นมะเร็ง เป็นต้น พวกเขาจัดตั้งมูลนิธีเพื่อช่วยเหลือเด็กที่เป็นมะเร็ง ชื่อว่า “มูลนิธีอัศจรรย์ของคุณพ่อปีโอ” พวกเขาจัดตั้งกลุ่มสวดภาวนาประจำเดือนที่โบสถ์ และแอนโทนีจะไปบรรยายทุกที่ที่มีผู้เชิญเขาไป

 “นี่คือสิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายของพวกเราที่นี่  นั่นคือการเป็นศิษย์ของพระคริสต์  พวกเราต้องบอกทุกคนเกี่ยวกับพระองค์  ให้เราจดจำอัศจรรย์ทุกประการที่เราได้รับจากพระเจ้าไว้เสมอ”

(For more details, see https://www.messengerofpadrepio.com/.)
--------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น