“จงจำไว้เสมอว่า
อัศจรรย์ทุกอย่างเป็นพระพรจากพระเป็นเจ้า”
แอนโทนี
ฟูนาแห่งลองก์ไอส์แลนด์เชื่อว่าอัศจรรย์ที่เกิดกับเขามาจากความช่วยเหลือของคุณพ่อปีโอ
เขาหายจากโรคมะเร็งในปี 1997
ตั้งแต่บัดนั้นเขาก็พยายามนำผู้อื่นมาหาพระคริสต์ด้วย
เขาปฏิบัติสิ่งนี้จนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาโดยอาศัยคุณพ่อปีโอช่วยเหลือ
เมื่อตรวจพบเนื้องอกในลำไส้ของแอนโทนี
ก็มีการผ่าตัดเอาลำไส้ออกไปครึ่งหนึ่ง และยังต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อ
เขากระวนกระวายใจมากในเวลาที่รอคอยผลการตรวจในวันต่อมา
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
แต่ไม่ใช่หมอ
แต่เป็นตัวแทนให้เช่าอาคารที่แอนโทนีว่าจ้างไว้
ตัวแทนนั้นขอให้แอนโทนีนำกุญแจบ้านไปให้เขาเพื่อที่เขาจะเปิดบ้านให้ผู้สนใจที่จะเช่าเข้าไปดูได้ แอนโทนีตอบรับว่าจะนำไปให้ เขาหวังว่าจะไม่พลาดสายเรียกของหมอที่จะโทรมา แอนโทนีเล่าให้ฟังว่า -
วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนัก ขณะที่ผมขับรถถึงสี่แยกไฟจราจร ผมเห็นชายคนหนึ่งกำลังโบกมือจากระยะไกล ชายคนนั้นเข้ามาใกล้รถของเขาและพูดขอร้องเขาว่า
“ได้โปรดเถิด ช่วยไปส่งผมที่ถนนเยรูซาเล็มและถนนฮิกส์วิลส์ด้วยเถอะครับ”
ชายคนนั้นบอกว่า เขายืนโบกรถตั้งแต่เช้าเพื่อขอให้มีสักคนช่วยเขา แต่ไม่มีใครยอมช่วยเลย มิหนำซ้ำบางคนยังตะโกนด่าเขาด้วย ชายคนนี้ไว้หนวดเครา สวมชุดสีขาวเครื่องแบบของคนทำขนมปัง
ผมให้เขาเข้ามาในรถ ผมรู้สึกติดตรึงใจชายที่ผมไม่รู้จักนี้ในทันใด
ในรถของผม
ชายคนนั้นบอกผมว่าผมเป็นคนดีมากที่ยอมเสียเวลาไม่ไปตามนัดหมายของผม และยอมให้เขาขึ้นรถมาด้วย
เขาบอกว่าเขารู้สึกได้ว่าผมกำลังกังวลใจในความเจ็บป่วยที่ผมเป็นอยู่ ผมจึงรู้สึกประหลาดใจมาก
ผมบอกเขาว่าผมเพิ่งทำการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกบางส่วน และกำลังกังวลใจเกี่ยวกับผลการตรวจชิ้นเนื้อ
ผมมีความรู้สึกสงบและอบอุ่นใจเมื่ออยู่กับชายคนนี้ เขาบอกผมว่าจะขอวางมือของเขาบนแผลที่ทำการผ่าตัดของผมได้ไหมและเขาจะสวดภาวนาให้ผม
แล้วเขาก็เริ่มสวดภาวนาในภาษาอื่น มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายที่เหลือเชื่อมากและมันเป็นอัศจรรย์ ผมรู้สึกขนลุกซู่ และร้องออกมาว่า “พระเจ้า
ไม่น่าเชื่อเลย ผมรอบอกภรรยาให้รู้เรื่องนี้ไม่ไหวจริงๆ”
มีกระแสไฟฟ้าวิ่งจากมือของชายผู้นี้เข้าสู่ร่างกายของผม แล้วเขาบอกผมว่า “คุณได้รับการรักษาให้หายแล้ว
คุณได้รับการรักษาโดยพระจิตเจ้าที่เข้าไปในตัวของคุณ” ผมรู้สึกงงไปหมด ผมพูดว่า “คุณเป็นใคร?” และเขาบอกผมว่า
เขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ผมนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกจนมาถึงจุดหมายปลายทาง เขาบอกผมอีกครั้งว่า
ผมได้รับการรักษาให้หายแล้ว
และผมควรไปร่วมพิธีมิสซาเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อสามารถทำได้ และผมควรสวดภาวนาเพื่อคนอื่นๆซึ่งต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน เมื่อเขาออกจากรถของผม
ผมกล่าวขอบคุณเขาที่ได้สวดภาวนาให้ผมและให้เขาระวังเวลาข้ามถนน
เขาเดินข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วโบกมืออำลาผม ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ผมหันไปมองเขาอีกครั้งหนึ่ง
แต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว ผมเลี้ยวรถไปทางขวาและพยายามมองหาชายผู้นี้จากกระจกรถ แต่เขาไม่อยู่แล้ว ชายผู้นี้หายไปไหนนะ?
ผมขับรถกลับบ้านพร้อมด้วยความรู้สึกสบายตัวและสบายใจที่ยังคงอยู่กับผมตลอดทั้งวัน ผมอยากจะบอกเรื่องนี้แก่ภรรยาผม บาบาร่า
และบอกกับทุกคนในครอบครัวของผม
รายงานผลการตรวจชิ้นเนื้อมาถึง
และดร.เฟอร์ราร่า บอกผมด้วยความดีใจว่า เนื้องอกเริ่มมีผลเป็นลบ(negative) อย่างไรก็ตาม
หมอยังต้องผ่าตัดเนื้องอกส่วนที่เหลือออกไปให้หมด
ผมดีใจเป็นอย่างยิ่ง....ทุกคนในครอบครัวของผมก็ดีใจมากพวกเขาแทบไม่เชื่อเมื่อได้ยินเรื่องที่ผมได้พบกับชายชราที่มีหนวดเครา ในตอนเย็นวันนั้น
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่ามีบางอย่างกระตุกบริเวณแผลที่ผ่าตัด ภรรยาของผมถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ผมบอกเธอว่า...รู้สึกเหมือนมีใครมาดึงเอาเนื้องอกส่วนที่เหลือออกไป
ในระหว่างการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ออก
หมอก็พบว่า...ไม่มีอะไรที่ต้องผ่าออกอีก หมอตกตะลึงอึ้งไป
แต่แอนโทนีรู้ว่าเขาได้รับการักษาให้หายโดยผ่านการช่วยเหลือของคุณพ่อปีโอ
เขาไปตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ในปี 2000 พบว่ามะเร็งได้กลับมาอีก
และอยู่ในระยะที่สี่
ผมสวดภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อขอพละกำลังความเข้มแข็ง เพื่อเห็นแก่ลูกสาวของผมที่กำลังจะแต่งงานในอีกสัปดาห์ต่อมา และอีกครั้งหนึ่งครอบครัวของผมได้รับความช่วยเหลือให้พ้นจากความวิตกกังวล
ซึ่งครั้งนี้หนักหนาสาหัสและมีความเสี่ยงกว่ามาก
สเตซี่
ลูกสาวของผมมาที่บ้านของผมและส่งการ์ดที่มีรูปของชายผู้หนึ่ง ผมถือรูปไว้ แล้วมองดู...ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มผ่านเข้ามาในร่างกายของผม
ผมถามลูกสาวผม “ลูกไปนำรูปนี้มาจากที่ไหน? บอกพ่อมาสิ นี่เป็นเขาเอง ชายที่พ่อรับขึ้นรถและได้สวดภาวนาให้พ่อ
และบอกพ่อว่าพ่อได้รับการรักษาให้หายแล้วเมื่อสามปีก่อน” ลูกสาวผมตอบว่า “พ่อคะ ชายผู้นี้เสียชีวิตแล้ว”
ผมบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ผมยืนยัน “นี่เป็นชายที่นั่งอยู่กับพ่อในรถของพ่อ”
ลูกสาวของผมได้ไปที่โบสถ์และสวดภาวนาให้ผม
และเธอพบกับเพื่อนของเรา ปาลาสโซ่
เขาได้ให้การ์ดรูปคุณพ่อปีโอแก่ลูกสาวของผม
คนในครอบครัวบอกผมว่าผมควรเก็บการ์ดนี้ไว้กับตัวเสมอ เราทั้งสองร้องไห้
ลูกสาวบอกผมว่าเธอจะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณพ่อปีโอ ผมได้พบกับเพื่อนของผมแล้ว คนที่ผมรับขึ้นรถเมื่อสามปีที่แล้ว ใช่แล้ว เขาคือคุณพ่อปีโอ ท่านอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยผม
และท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยเพื่อช่วยผม ท่านมาอยู่รอบๆพวกเรา
ทุกคนเริ่มสวดภาวนาเพื่อผม
จากเพื่อน พระสงฆ์และซิสเตอร์ อัศวินแห่งโคลัมบัส
อำนาจแห่งการสวดภาวนาทำให้ผมมีความกลัวน้อยลง ผมเริ่มรับการทำเคมีบำบัดและการฉายรังสี
ลูกสาวของผมเล่าเรื่องให้ปาลาสโซ่ฟังถึงความประหลาดใจของผมเมื่อเธอมอบการ์ดรูปคุณพ่อปีโอให้ผม
และครอบครัวปาลาสโซ่ได้เชิญผมไปที่บ้านของพวกเขาเพื่อรับการอวยพรจากไม้กางเขนและเหรียญรูปคุณพ่อปีโอ ผมรู้สึกถึงพลังที่ผ่านเข้ามาในร่างกายอีก ความหนาวแล่นไปตามสันหลัง
คุณพ่อปีโอมาอยู่ในความคิดของเรา ในคำภาวนาของเราและมาอยู่ข้างๆผมในเวลาแห่งความยากลำบากของชีวิตอของผม ผมสวดภาวนาถึงคุณพ่อปีโอ ให้ช่วยทำลายเซลส์มะเร็งร้ายในร่างกายของผม
ผมรับการบำบัดทางการแพทย์และได้เห็นเซลส์มะเร็งเริ่มหายไป
ผมรู้สึกว่านี่เป็นวิธีการของคุณพ่อปีโอเพื่อทำให้ผมมั่นใจว่าทุกสิ่งกำลังไปด้วยดี ผมได้รับการตรวจภายในด้วยการส่องกล้อง ผมเห็นภรรยาผมร้องไห้ ผมคิดในใจว่า
พระเจ้าข้าขออย่าให้เป็นข่าวร้ายเลย
หมอมีอาการงงด้วยความประหลาดใจและมีสีหน้ายินดี แล้วหมอก็บอกข่าวดีให้ทราบ “มันหายไปแล้ว
มะเร็งของคุณไม่อยู่แล้ว” ผมยังมึนงงอยู่จึงยังไม่เข้าใจ หมอพูดว่า “คุณเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่สุด”
ภรรยาและผมเริ่มร้องไห้ หยาดน้ำตาแห่งความสุขหลั่งออกมา
ผมรู้ว่าใครที่รักษาผม
ใครที่ช่วยผมในความเจ็บป่วยครั้งนี้
ท่านไม่ได้ละทิ้งผมไปไหนเลย ท่านอยู่ที่นั่นเพื่อผมและอยู่กับผม ผู้รักษาผมคือ “คุณพ่อปีโอ”
ท่านทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปตลอดกาล
คุณพ่อปีโอ เป็นนักบุญที่สมควรได้รับชื่อว่านักบุญที่แท้จริงจากผมและครอบครัวของผม ขอขอบพระคุณ คุณพ่อปีโอ โปรดดูแลครอบครัวของผมและผมตลอดไป
ผมจะมองไปที่คุณพ่อเสมอ
แอนโทนีและภรรยาได้ไปร่วมในพิธีสถาปนาคุณพ่อปีโอเป็นนักบุญในปี
2001
ทุกวันนี้ครอบครัวของแอนโทนีจะเล่าเรื่องราวประสบการณ์ของเขาให้คนอื่นๆฟัง เกี่ยวกับความรักของพระเจ้าและพลังอำนาจความช่วยเหลือของคุณพ่อปีโอ
พวกเขาจะวางกระดาษที่ใส่ชื่อของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือไว้ที่รูปปั้นของคุณพ่อปีโอ มีหลายคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น
พ่อแม่ของเด็กที่เป็นลูเคเมีย คนเจ็บป่วยที่เป็นผู้สูงวัย ครอบครัวที่แตกแยก
คนติดยาเสพติด คนที่เป็นมะเร็ง เป็นต้น พวกเขาจัดตั้งมูลนิธีเพื่อช่วยเหลือเด็กที่เป็นมะเร็ง
ชื่อว่า “มูลนิธีอัศจรรย์ของคุณพ่อปีโอ” พวกเขาจัดตั้งกลุ่มสวดภาวนาประจำเดือนที่โบสถ์
และแอนโทนีจะไปบรรยายทุกที่ที่มีผู้เชิญเขาไป
“นี่คือสิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายของพวกเราที่นี่ นั่นคือการเป็นศิษย์ของพระคริสต์ พวกเราต้องบอกทุกคนเกี่ยวกับพระองค์ ให้เราจดจำอัศจรรย์ทุกประการที่เราได้รับจากพระเจ้าไว้เสมอ”
--------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น