วาเลนา ฮรินโดวา มีประสบการณ์ใกล้ตาย NDE ( Near death experience)
เธอได้ยินเสียงที่พูดกับเธอว่า “เธอยังไม่ได้ปฏิบัติภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จสมบูรณ์ในชีวิตนี้ของเธอ เธอต้องกลับไป”
*****************
27 ก.ค. 2014 Valeria Hrindova มาจาก
Trmava เมื่อสองปีก่อนหัวใจของเธอล้มเหลว
หัวใจของเธอไม่เต้นเป็นเวลาหลายนาที หมอได้พยายามช่วยเธออย่างเต็มที่
แต่เธอก็เสียชีวิตไป แล้วเธอก็กลับฟื้นมามีชีวิตอีก
เวลานี้เธอยังมีชีวิตอยู่และชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ประสบการณ์ของเธอจะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดไป
ขอเชิญติดตาม.....
เหตุการณ์เริ่มต้นในวันปกติธรรมดาทั่วไป
เมื่อพวกเขาเดินทางกลับบ้านหลังจากวันหยุดพักผ่อน
“มันเกิดขึ้นในตอนกลางคืนของวันที่12-13 กันยายน และดิฉันแน่ใจว่าเป็นเพราะความช่วยเหลือจากแม่พระแน่นอน
ทุกคนก็รู้ รถยนต์ของเราเสียการควบคุมและสามีของดิฉันขับรถชนต้นไม้
รถเข้าไปติดอยู่ในต้นไม้
ดิฉันกระเด็นออกจากรถทางหน้าต่างด้านหน้า ฉันกระเด็นไปไกลประมาณ 80
เมตรห่างจากตัวรถตามที่ตำรวจรายงาน
ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสกระดูกหน้าอกและซี่โครงแตก กระดูกขากรรไกรหัก
ศีรษะกระแทกกับพื้นและมีรอยแผลเต็มไปหมด”
“อาการบาดเจ็บของฉันและสามีร้ายแรงมาก
อาจเสียชีวิตได้ทุกวินาที
เมื่ออยู่ในรถฉุกเฉินฉันก็อยู่ในอาการโคม่าแล้ว ในทางการแพทย์นั่นเป็นช่วงแรกที่ฉันเข้าสู่ระยะของความตายแล้ว เมื่อฉันไปถึงโรงพยาบาลที่กรุงเวียนนา
ฉันได้รับการผ่าตัด...เป็นเวลานานเท่าไรที่ฉันอยู่ในความตายในทางการแพทย์ ฉันไม่ทราบ
หลังจากการผ่าตัดสามครั้งฉันก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
สิ่งที่ฉันรู้สึกก็คือตัวฉันออกจากร่างกายของฉัน
ฉันเห็นร่างกายของฉันนอนอยู่และตัวของฉันลอยขึ้นไปที่เพดานห้อง ไม่มีหมอหรือพยาบาลอยู่ที่นั่นเลยเพราะมันเป็นเวลากลางคืนมากแล้ว ฉันรู้สึกว่ามีคนพูดกับฉันอยู่แต่ฉันไม่เห็นใครเลย เสียงนั้นบอกฉันว่า “เธอสามารถมองดูตัวเองได้” หลายสิ่งหลายอย่างผ่านจิตใจของฉัน
แต่ฉันไม่กลัว ไม่มีความกลัวเลย ทันใดนั้นฉันก็พบตัวเองอยู่ในถ้ำที่ใหญ่โตมาก
มันใหญ่โตมหึมา หรืออาจเป็นเพราะฉันตัวเล็กลง มันเป็นสถานที่ใหญ่โตมากทีเดียว และมีระเบียงที่มีที่นั่งอยู่ตัวหนึ่ง
มันเหมือนกับบัลลังก์ของกษัตริย์ที่ทำด้วยทองคำและมีอัญมณีประดับมากมาย
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นและสียงนั้นบอกว่า ดิฉันต้องก้มตัวลงคำนับ
ฉันมีความรู้สึกรุนแรงว่าจำเป็นต้องก้มตัวลงคำนับ ฉันจึงก้มตัวลง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีร่างกายก็ตาม แต่ฉันก็รู้สึกว่ากำลังก้มตัวลงกับพื้น และนี่คือสิ่งที่ฉันได้ยิน –
“เธอยังไม่ได้ปฏิบัติภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จสมบูรณ์ในชีวิตนี้ของเธอ เธอต้องกลับไป”
ฉันพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ฉันยังปฏิบัติไม่เสร็จสมบูรณ์หรือ?”
“เธอยังไม่ได้ทำให้สมบูรณ์ครบถ้วนตามจุดมุ่งหมายของสิ่งที่เธอได้รับในการส่งเธอไปยังโลก”
ฉันคิดถึงสิ่งที่กำลังเกิดกับฉัน
ฉันอยู่ที่ไหน? ทั้งหมดนี่หมายถึงอะไร?
แล้วทันใดนั้นฉันก็เห็นภาพทั้งหมดนี้
ราวกับว่าฉันอยู่ในโรงภาพยนตร์และมีฉากใหญ่มากอยู่เบื้องหน้าฉัน
ฉันเห็นเรื่องราวในชีวิตของฉัน
มันผ่านไปเร็วมากแต่มันจะช้าลงในระหว่างบางตอน เพื่อแสดงว่าฉันยังไม่ได้ทำสิ่งนั้นให้สำเร็จสมบูรณ์ ในเรื่องนี้..เรื่องนี้...และเรื่องนี้
แล้วทุกอย่างก็จบลง
ฉันพบตัวเองมาอยู่ในร่างกายของฉันและฉันคิดกับตัวเองว่า
“สิ่งต่างๆเหล่านั้นหมายถึงอะไร?
ฉันกลับมาอยู่ในร่างกายของตัวเองอีกครั้งได้อย่างไร?”
หลังจากประสบการณ์เหล่านี้ ฉันก็เริ่มประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมด ฉันคิดกับตัวเองว่า
ถ้าฉันต้องทำอะไรบางอย่างในชีวิต พระเจ้า! ฉันจะนั่งอยู่ในเก้าอี้วีลแชร์ตลอดเวลาได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ แล้วฉันก็เพ่งมองไปที่กางเขนที่อยู่ข้างบนประตูห้องที่ฉันเข้ามา ฉันคิดว่าฉันได้ร้องขอความช่วยเหลือ
ฉันหวังว่าพระนางมารีย์จะทรงช่วยฉัน
ในเวลานั้นเอง
แสงสว่างสีขาวเจิดจ้าก็ส่องออกมาจากตรงกลางของกางเขน มีลำแสงรังสีใหญ่สี่ลำและมีรูปร่างหนึ่งออกมาจากลำแสงนั่น รูปร่างของพระนางมารีย์ก็ปรากฏขึ้น
พระนางดูเยาว์วัยมาก
ดูเหมือนอยู่ในวัยแรกรุ่นทีเดียว
พระนางมีผ้าคลุมผมอยู่บนศีรษะเหมือนภาพที่วาด ฉันเห็นพระนางทรงอยู่ที่ด้านข้างบริเวณปลายเตียงของฉัน ฉันพูดกับพระนางว่า
“พระแม่มารีย์
ลูกขอวิงวอนต่อพระแม่ ลูกได้รับการเปิดเผยให้รู้ว่าจุดมุ่งหมายของลูกบนโลกนี้ยังไม่สำเร็จสมบูรณ์”
“ถ้าลูกต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์
ลูกไม่สามารถเป็นคนพิการและต้องนั่งอยู่ในรถวีลแชร์ตลอดเวลาได้”
“โปรดช่วยลูกด้วย
ถ้าสิ่งนี้เป็นไปได้”
แม่พระตรัสตอบว่า “ได้สิ มันเป็นไปได้”
แล้วแม่พระก็หายไป แสงสว่างนั้นก็หวนกลับคืนเข้าไปในกางเขน
หลังจากประสบการณ์เหล่านี้ที่เกิดกับฉัน....ฉันมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของแม่พระ เพื่อที่จะทำบางอย่างให้สำเร็จ
สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ
ฉันไม่ได้เห็นภาพอื่นๆของชีวิตฉันเลย ในตอนที่ฉันเป็นเด็ก ฉันถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมากเกินไป จนทำให้ฉันมีความประพฤติที่ไม่ดี
ฉันควรถูกตำหนิที่ได้ละเมิดบทบัญญัติของพระเป็นเจ้า ฉันพยายามแก้ไขความผิดเหล่านั้น และฉันพยายามดำเนินชีวิตในความเชื่อมากขึ้นในเวลานี้ ฉันพยายามปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา
ตอนนี้ฉันดำเนินชีวิตในฐานะคาทอลิกที่ขยันขันแข็ง
----------------------------
พระเป็นเจ้าทรงมีจุดประสงค์สำหรับเราแต่ละคน
ในพระวรสารมัทธิว
4:12-23
พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกรุ่นแรกคือ เปโตร แอนดรู ยากอบ และยอห์น
การเรียกของพระเยซูเจ้านี้ทำให้ชีวิตทั้งหมดของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป และจุดมุ่งหมายในชีวิตของพวกเขาก็ชัดเจนขึ้น
ทุกชีวิตบนโลกนี้เกิดมาโดยมีจุดมุ่งหมาย ทุกคนได้รับการเรียกในชีวิตของเรา พระเจ้าทรงเรียกคุณทุกคน
เช่นเดียวกับที่ทรงเรียก เปโตร แอนดรู ยากอบและยอห์น แต่ละคนจึงต้องพยายามค้นให้พบถึงจุดมุ่งหมายในชีวิตหรือเราต้องพยายามฟังเสียงเรียกของพระเจ้า
ระยะเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตจะเป็นการชี้ถึงจุดมุ่งหมายในชีวิต เราต้องอยู่ในที่ที่เราควรอยู่และเราจะทำให้จุดมุ่งหมายของชีวิตในการเกิดมานั้นสมบูรณ์ครบถ้วน
ซึ่งทำให้เราแน่ใจว่าเราได้อยู่ในที่ที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราอยู่
และเราได้ทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทำ
แต่บางคนอาจรู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นมีความยากลำบาก เหมือนแสวงหาสิ่งของในความมืด เขาไม่สบายใจกับสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ต่างๆ นั่นเป็นระยะเวลาที่ต้องฟังเสียงเล็กๆ เหตุใดเขาจึงรู้สึกไม่สบายใจล่ะ?
เขารู้สึกขัดแย้งในจิตใจในตัวเอง กับอุปนิสัยของตน กับการกระทำของตน หรือไม่?
เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้น
เราจำเป็นต้องฟังความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเอง
เพราะวิธีนี้จะสามารถช่วยเหลือให้พ้นจากความรวนเรไม่มั่นใจตัวเอง
และช่วยนำทางเราให้ทำตามจุดมุ่งหมายที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้สำหรับชีวิตบนโลกนี้ของเราอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
พระเจ้าทรงเรียกทุกคนและทรงมีจุดมุ่งหมายสำหรับเราแต่ละคน และพระองค์ทรงแจ้งให้เราทราบโดยผ่านทางพระคัมภีร์
จากการเทศน์ในพิธีมิสซาของพระสงฆ์ และจากแบบอย่างที่ดีของผู้อื่นที่อยู่รอบข้างเรา ถ้าหากเรารู้จักพิจารณาไตร่ตรองชีวิตด้วยสิ่งต่างๆดังกล่าวนี้ เราก็จะดำเนินชีวิตสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่พระเจ้าทรงสร้างเรามาให้เราอยู่ในโลก
และให้เราได้พบกับพระองค์ในวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อถึงเวลานั้นพระองค์จะตรัสกับเราว่า “เชิญมาเถิด
ผู้ได้รับพระพร เชิญมารับอาณาจักรสวรรค์ที่ได้เตรียมไว้ให้ท่านแล้ว ตั้งแต่เริ่มแรก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น