13 ก.ค. 2017 (LifeSiteNews) - พระสังฆราชโรเบริต มอร์ลิโน Bishop Robert Morlino แห่งสังฆมณฑลเมดิสัน ในรัฐวิสคอนซินเรียกร้องให้โบสถ์ทุกแห่งในสังฆมณฑลของท่านเริ่มต้นใช้วิธีการรับศีลมหาสนิทด้วยการคุกเข่าและรับศีลด้วยปากเพื่อเป็นการแสดง”ความเคารพสูงสุด"ต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
“ผมขอให้พวกเราทุกคนทำพร้อมๆกันในการแสดงความเคารพสูงสุดต่อพระเยซูเจ้าขณะที่รับศีลมหาสนิท และขอให้สาธุชนคุกเข่าขณะที่รับศีลด้วยปาก”
“ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าการรับศีลด้วยปากเป็นการแสดงความเคารพมากกว่ารับศีลด้วยมือ เราจะเริ่มต้นด้วยการให้นักเรียนของเรารับศีลด้วยปากเป็นอันดับแรก”
พระสังฆราชกล่าว
การรับศีลด้วยมือนั้นเกิดขึ้นจากการไม่เชื่อฟังโดยมีจุดเริ่มต้นที่ฮอลแลนด์ตั้งแต่ปี
1960
และเพราะการรับศีลด้วยมือนี้มีการแพร่หลายไปมาก พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 จึงทรงออกสมณสาส์นอนุญาติให้กระทำได้หลังจากการประชุมเกี่ยวกับพิธีกรรมการนมัสการศักดิ์สิทธิ์ในปี
1969
เบรนท์คิง
ผู้อำนวยการสื่อของสังฆมณฑลเมดิสันได้บอกกับ LifeSiteNews ว่า
การคุกเข่ารับศีลด้วยปากเป็น “ท่าทางภายนอก” ร่างกายย่อต่ำลงบ่งบอกถึง
“ความเป็นไปภายใน” ของความถ่อมตนต่อหน้าพระเจ้า.
ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฟิลิปปี
ท่านเขียนว่า “ในพระนามของพระเยซุเจ้า ขอให้ทุกคนคุกเข่าลง”
คิงกล่าวต่อไปว่า
“เมื่อเราคุกเข่า เราแสดงความเคารพต่อสิ่งที่เราเชื่อ นั่นคือพระกาย
พระโลหิตและพระเทวภาพของพระคริสต์สถิตย์อยู่ในแผ่นศีล”
เขายังบอกอีกว่าถ้าผู้ใดต้องการรับศีลด้วยมือก็ยังสามารถกระทำได้
ในจดหมายของพระสังฆราชโรเบริต
มอร์ลิโนวันที่ 31 มี.ค. 2017 ท่านได้อ้างถึงคำพูดของพระคาร์ดินัลโรเบริต
ซาราห์ที่กล่าวถึง “วิกฤตการณ์ความเชื่อ”ที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักรอันเนื่องมาจากพิธีกรรมที่เสื่อมโทรม
พระคาร์ดินัลซาราห์บอกว่าวิกฤตการณ์ซึ่ง
“ไม่เกิดขึ้นกับความเชื่อของสัตบุรุษเท่านั้น
แต่ยังเกิดขึ้นเป็นพิเศษในบรรดาพระสงฆ์และพระสังฆราชด้วย ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจในพิธีกรรมว่าศีลมหาสนิทมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำเพื่อทุกคน
และศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นเดียวกับยัญบูชาบนกางเขนที่ไม่หลั่งเลือด
ความไม่เข้าใจนี้กระจายไปทั่วพระศาสนจักรในทุกหนแห่ง ในประชาชนและนานาชาติ”
“บ่อยครั้งที่มีแนวโน้มที่จะลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีมิสซาให้กลายเป็นเพียงการเลี้ยงที่สนุกสนาน
หรือเป็นการฉลองที่หมิ่นเหม่ หรือแย่ไปกว่านั้นอาจทำให้บางคนแยกห่างจากพระเจ้าเพราะกลัวและไม่ต้องการพบพระเจ้า
แต่พิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่การแบ่งแยก
พิธีมิสซาเป็นยัญบูชาของพระคริสต์ผู้สิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อทำให้เราเป็นอิสระจากบาปและความตาย
และมีจุดประสงค์ที่จะเปิดเผยความรักและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าพระบิดา”
พระสังฆราชมอร์ลิโนกล่าวว่า
พระศาสนจักรคาทอลิกเชี่ยวชาญด้านสังคมในทุกระดับ
แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความเชื่อให้แก่มนุษย์ในรุ่นต่อๆมา ท่านบอกว่าสิ่งนี้เห็นได้จากผลสำรวจชี้ว่ามีคาทอลิกเพียง 25% ที่เข้าร่วมในพิธีมิสซา
พระสังฆราชกล่าวว่ามีความสำคัญมากที่ทุกคนต้องร่วมในพิธีมิสซาด้วยจิตใจที่เพ่งพินิจในพิธีกรรมต่างๆในมิสซา
พูดอีกอย่างก็คือ พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์ในระหว่างพิธีมิสซา ในพระกาย พระโลหิตและพระเทวภาพ
สิ่งนี้ต้องดำรงอยู่ในจิตใจของทุกคน
แต่บ่อยครั้งที่สาธุชนวุ่นวายใจในสิ่งอื่นๆนอกเหนือพิธีกรรม
พระสังฆราชมอร์ลิโนได้ปกครองสังฆมณฑลเมดิสันในปี
2003 สภาพการณ์ในเวลานั้นทางสังฆมณฑลเป็นเหมือนป้อมปราการของเสรีนิยมทั้งทางด้านการเมืองและด้านจิตใจ มีสามเณรเพียง 6
คนที่ศึกษาอยู่เพื่อเป็นพระสงฆ์
เมื่อพระสังฆราชมอร์ลิโนเข้ามาปกครองจำนวนสามเณรก็เพิ่มขึ้นหกเท่าในปี 2015
----------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น