วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560

พระสังฆราชขอให้ทุกคนคุกเข่าและรับศีลด้วยปาก



13 ก.ค. 2017 (LifeSiteNews) - พระสังฆราชโรเบริต มอร์ลิโน Bishop Robert Morlino แห่งสังฆมณฑลเมดิสัน ในรัฐวิสคอนซินเรียกร้องให้โบสถ์ทุกแห่งในสังฆมณฑลของท่านเริ่มต้นใช้วิธีการรับศีลมหาสนิทด้วยการคุกเข่าและรับศีลด้วยปากเพื่อเป็นการแสดง”ความเคารพสูงสุด"ต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท

“ผมขอให้พวกเราทุกคนทำพร้อมๆกันในการแสดงความเคารพสูงสุดต่อพระเยซูเจ้าขณะที่รับศีลมหาสนิท  และขอให้สาธุชนคุกเข่าขณะที่รับศีลด้วยปาก”

“ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าการรับศีลด้วยปากเป็นการแสดงความเคารพมากกว่ารับศีลด้วยมือ  เราจะเริ่มต้นด้วยการให้นักเรียนของเรารับศีลด้วยปากเป็นอันดับแรก” พระสังฆราชกล่าว

การรับศีลด้วยมือนั้นเกิดขึ้นจากการไม่เชื่อฟังโดยมีจุดเริ่มต้นที่ฮอลแลนด์ตั้งแต่ปี 1960  และเพราะการรับศีลด้วยมือนี้มีการแพร่หลายไปมาก  พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 จึงทรงออกสมณสาส์นอนุญาติให้กระทำได้หลังจากการประชุมเกี่ยวกับพิธีกรรมการนมัสการศักดิ์สิทธิ์ในปี 1969

เบรนท์คิง ผู้อำนวยการสื่อของสังฆมณฑลเมดิสันได้บอกกับ LifeSiteNews ว่า การคุกเข่ารับศีลด้วยปากเป็น “ท่าทางภายนอก” ร่างกายย่อต่ำลงบ่งบอกถึง “ความเป็นไปภายใน” ของความถ่อมตนต่อหน้าพระเจ้า.

ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฟิลิปปี ท่านเขียนว่า “ในพระนามของพระเยซุเจ้า ขอให้ทุกคนคุกเข่าลง”

คิงกล่าวต่อไปว่า “เมื่อเราคุกเข่า เราแสดงความเคารพต่อสิ่งที่เราเชื่อ นั่นคือพระกาย พระโลหิตและพระเทวภาพของพระคริสต์สถิตย์อยู่ในแผ่นศีล”

เขายังบอกอีกว่าถ้าผู้ใดต้องการรับศีลด้วยมือก็ยังสามารถกระทำได้

ในจดหมายของพระสังฆราชโรเบริต มอร์ลิโนวันที่ 31 มี.ค. 2017 ท่านได้อ้างถึงคำพูดของพระคาร์ดินัลโรเบริต ซาราห์ที่กล่าวถึง “วิกฤตการณ์ความเชื่อ”ที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักรอันเนื่องมาจากพิธีกรรมที่เสื่อมโทรม

พระคาร์ดินัลซาราห์บอกว่าวิกฤตการณ์ซึ่ง “ไม่เกิดขึ้นกับความเชื่อของสัตบุรุษเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นเป็นพิเศษในบรรดาพระสงฆ์และพระสังฆราชด้วย  ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจในพิธีกรรมว่าศีลมหาสนิทมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำเพื่อทุกคน และศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นเดียวกับยัญบูชาบนกางเขนที่ไม่หลั่งเลือด ความไม่เข้าใจนี้กระจายไปทั่วพระศาสนจักรในทุกหนแห่ง ในประชาชนและนานาชาติ”

“บ่อยครั้งที่มีแนวโน้มที่จะลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีมิสซาให้กลายเป็นเพียงการเลี้ยงที่สนุกสนาน หรือเป็นการฉลองที่หมิ่นเหม่ หรือแย่ไปกว่านั้นอาจทำให้บางคนแยกห่างจากพระเจ้าเพราะกลัวและไม่ต้องการพบพระเจ้า

แต่พิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่การแบ่งแยก พิธีมิสซาเป็นยัญบูชาของพระคริสต์ผู้สิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อทำให้เราเป็นอิสระจากบาปและความตาย และมีจุดประสงค์ที่จะเปิดเผยความรักและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าพระบิดา”

พระสังฆราชมอร์ลิโนกล่าวว่า พระศาสนจักรคาทอลิกเชี่ยวชาญด้านสังคมในทุกระดับ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความเชื่อให้แก่มนุษย์ในรุ่นต่อๆมา ท่านบอกว่าสิ่งนี้เห็นได้จากผลสำรวจชี้ว่ามีคาทอลิกเพียง 25% ที่เข้าร่วมในพิธีมิสซา

พระสังฆราชกล่าวว่ามีความสำคัญมากที่ทุกคนต้องร่วมในพิธีมิสซาด้วยจิตใจที่เพ่งพินิจในพิธีกรรมต่างๆในมิสซา พูดอีกอย่างก็คือ พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์ในระหว่างพิธีมิสซา ในพระกาย พระโลหิตและพระเทวภาพ สิ่งนี้ต้องดำรงอยู่ในจิตใจของทุกคน  แต่บ่อยครั้งที่สาธุชนวุ่นวายใจในสิ่งอื่นๆนอกเหนือพิธีกรรม

พระสังฆราชมอร์ลิโนได้ปกครองสังฆมณฑลเมดิสันในปี 2003 สภาพการณ์ในเวลานั้นทางสังฆมณฑลเป็นเหมือนป้อมปราการของเสรีนิยมทั้งทางด้านการเมืองและด้านจิตใจ  มีสามเณรเพียง 6 คนที่ศึกษาอยู่เพื่อเป็นพระสงฆ์ เมื่อพระสังฆราชมอร์ลิโนเข้ามาปกครองจำนวนสามเณรก็เพิ่มขึ้นหกเท่าในปี 2015
----------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น