วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560

คำทำนายจากนักบุญชาวโปแลนด์สามองค์



“เพื่อนรักทั้งหลาย ขออย่าให้ความชั่วร้ายใดๆมาทำร้ายท่านทั้งหลายได้เลย อย่ากลัวสิ่งใดไม่ว่าจะเป็นโลกหรืออนาคต  พระเจ้าทรงให้ท่านมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ของประวัติศาสตร์ ก็เพื่อที่โดยอาศัยความเชื่อของท่าน พระนามของพระองค์จะยังคงดังก้องไปทั่วโลกตลอดไป”

(พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16)

ต่อไปนี้เป็นคำทำนายที่สำคัญของนักบุญสามองค์ซึ่งเกิดที่โปแลนด์ คำทำนายแรกมาจากนักบุญพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ขณะที่พระองค์ยังคงเป็นพระคาร์ดินัลอยู่และได้ไปเยี่ยมสหรัฐอเมริกาในปี 1979  คำทำนายที่สองมาจากนักบุญแมกซิมิเลียน กอลเบ พระสงฆ์คณะฟรังซิสกันผู้เสียชีวิตในค่ายกักกันเอาชวิชระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านยอมรับความตายแทนชายผู้หนึ่งที่มีภรรยาและลูก  คำทำนายที่สามมาจากนักบุญโฟสตินา โคลวัสกา ผู้เขียนบันทึกพระเมตตาในจิตวิญญาณของดิฉัน

คำทำนายแรก

“เรากำลังยืนเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ ข้าพเจ้าไม่คิดว่าสังคมของชาวอเมริกันหรือชุมชนคริสตชนทั่วโลกจะตระหนักในเรื่องนี้มากนัก  เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ระหว่างพระศาสนจักรกับแอนตี้พระศาสนจักร  ระหว่างพระวรสารกับแอนตี้พระวรสาร”

 “เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ไม่ไกลนัก  การทดสอบที่เราต้องเตรียมพร้อมแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต และต้องยอมอุทิศตนเองทั้งครบแด่พระคริสต์และเพื่อพระคริสต์  โดยอาศัยการสวดภาวนาของพวกท่านและของข้าพเจ้า เป็นไปได้ที่จะทำให้ความทุกข์เวทนานั้นเบาลง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะยกเลิกมัน....หลายครั้งแล้วที่การฟื้นฟูพระศาสนจักรนำไปสู่การหลั่งเลือด มันก็จะไม่แตกต่างเช่นกันสำหรับยุคสมัยนี้”



คำทำนายที่สอง

“ยุคสมัยใหม่จะถูกซาตานควบคุมและจะถูกควบคุมมากยิ่งขึ้นในอนาคต  ความขัดแย้งกับนรกนี้ไม่สามารถจัดการได้ด้วยมนุษย์ถึงแม้จะเป็นบุคคลเฉลียวฉลาดเพียงใดก็ตาม  มีแต่ดวงหทัยนิรมลซึ่งมาจากพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถมีชัยชนะเหนือซาตานได้  อย่างไรก็ตาม พระมารดาของพระเจ้าผู้ทรงได้รับมอบหมายจากสวรรค์ทรงต้องการความร่วมมือจากพวกเรา  พระนางทรงแสวงหาวิญญาณที่จะอุทิศตนเองทั้งครบแด่พระนาง  พวกเขาจะกลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระนางเพื่อใช้ต่อสู้กับซาตานและขยายอาณาจักรของพระเจ้าบนโลก”



คำทำนายที่สาม

“พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรมาที่ดิฉันและตรัสว่า วิญญาณจำนวนมากพินาศไปทั้งๆที่เราได้รับความทรมานอย่างขมขื่น  เรากำลังมอบความหวังครั้งสุดท้ายสำหรับความรอดให้แก่พวกเขา  นั่นคือการฉลองพระเมตตาของเรา  ถ้าพวกเขาไม่เคารพเทิดทูนพระเมตตาของเรา  พวกเขาจะพินาศไปชั่วนิรันดร  ผู้จดบันทึกแห่งพระเมตตาของเรา จงบันทึกลงไป จงบอกวิญญาณทั้งหลายเกี่ยวกับพระเมตตาอันยิ่งใหญ่นี้ของเรา  เพราะวันเวลาที่น่ากลัว  วันเวลาแห่งพระยุติธรรมของเรา อยู่ใกล้แล้ว” (บันทึกหน้า 965)

หมายเหตุ – พวกเราควรตระหนักให้มากขึ้นว่าขณะนี้มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่งที่อยู่ในสังคมของเราที่ถูกควบคุมโดยปีศาจ สิ่งที่บ่งชึ้ในเรื่องนี้ก็คือความหลงผิดที่แผ่กระจายไปทั่วโลกซึ่งเรามองเห็นประจักษ์แก่ตา พระวรสารลูกาบทที่ 19 กล่าวว่า พระเยซูเจ้าทรงร่ำไห้ต่อกรุงเยรูซาเล็มและทรงทำนายว่ากรุงเยรูซาเล็มจะถูกทำลาย และคำทำนายนี้ได้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 70 เพราะชาวเยรูซาเล็มไม่ยอมรับข่าวดีของพระเจ้าในเวลาที่พระองค์เสด็จมาเยี่ยม สิ่งเลวร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยนี้ตกอยู่กับบรรดาเด็กและเยาวชนที่โตแล้วจำนวนมากมายมหาศาลทั่วโลก  พวกเขาสูญเสียความเชื่อไปหมดสิ้น และภัยพิบัติต่างๆ การลงทัณฑ์จากสวรรค์จะมาถึงอย่างรวดเร็วสืบเนื่องจากการสูญเสียความเชื่อนี้ และในทันทีทันใดเราก็จะพบว่ากำลังอาศัยอยู่ในสังคมที่จมปลักในโคลนตมของบาปและการประพฤติผิดศีลธรรม (นักบูญเปาโลได้พูดถึงเหตุการณ์นี้ในจดหมายถึงชาวโรม 1:24-32) นักบุญทั้งสามท่านได้กล่าวว่า การถวายตนแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางพรหมจารีย์มารีย์จะมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงที่ช่วยคงความเชื่อของเราต่อพระคริสตเจ้า การประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับยุคสมัยของเราและสำหรับพระศาสนจักรที่กำลังถูกทดสอบอย่างหนักในปัจจุบันนี้

********

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น