วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

อาณาจักรของพระเจ้า


 
ในพระวรสารนักบุญมัทธิว (13:24-43) พระเยซูเจ้าทรงอธิบายถึงอาณาจักรสวรรค์ โดยทรงใช้คำอุปมาง่ายๆเพื่อที่ประชาชนธรรมดาสามัญจะสามารถเข้าใจได้  พระองค์ทรงใช้คำอุปมาสามครั้งสามแบบเพื่ออธิบายว่าอาณาจักรสวรรค์มีลักษณะเป็นเช่นไร  เราต้องตั้งใจฟังสิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสให้ดี  แต่ในเบื้องต้นเราต้องทำความเข้าใจเสียก่อนในคำว่า “อาณาจักรสวรรค์”

คำว่า “อาณาจักรสวรรค์” และ “อาณาจักรของพระเจ้า” ปรากฏอยู่หลายครั้งในพระคัมภีร์ และทั้งสองคำนี้มีความหมายอย่างเดียวกันและหมายถึงสิ่งเดียวกัน  นักบุญมัทธิวใช้คำว่า “อาณาจักรสวรรค์” ตลอดเวลาในหนังสือของท่าน ส่วนนักบุญมาร์โก และนักบุญลูกา ใช้คำว่า “อาณาจักรของพระเจ้า” แต่ทั้งสองคำก็หมายถึงสิ่งเดียวกัน

คำทั้งสองดังกล่าวนี้หมายถึงรางวัลนิรันดรที่รอคอยพวกเราแต่ละคนและรอคอยผู้ซื่อสัตย์ต่อความเชื่อทุกคนหลังจากเราได้จบชีวิตบนโลกนี้แล้ว  แต่คำว่า “อาณาจักรสวรรค์”มีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่า

“อาณาจักรสวรรค์” เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะเป็นจุดศูนย์กลางในพระวาจาสั่งสอนของพระคริสตเจ้า  คำนี้ปรากฏมากกว่า 100 ครั้งในพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ คำอธิบายก็คือ อาณาจักรสวรรค์เป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ภายในใจและอยู่ท่ามกลางประชากรของพระเจ้า  เราจะพบคำอธิบายของคำนี้ในพระคัมภีร์ดังนี้

-            อาณาจักรสวรรค์เป็นอาณาจักรที่สามารถเข้าถึงได้โดยอาศัยความเข้าใจเท่านั้น

-            เราจะสามารถเข้าใจได้ต่อเมื่อเรายอมรับพระวาจาของพระเยซูเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ

-            การเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์เป็นการเกิดใหม่ฝ่ายจิตวิญญาณ

-            ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรนี้ทางจิตวิญญาณคือผู้ที่อุทิศตนในการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

-            เพราะฉะนั้นอาณาจักรนี้ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ แต่หมายถึงพื้นที่การปกครองของพระเจ้าในจิตใจของมนุษย์ทั้งหลาย

ประชากรที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรสวรรค์จะดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงกำหนดไว้สำหรับสากลจักรวาล  พวกเขาถูกเรียกให้มาดำเนินชีวิตตามพระฉบับแบบของพระคริสต์และมีความคิดแบบเดียวกับพระคริสต์

นี่เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด  เพราะพระเยซูเจ้าตรัสหลายครั้งว่าสิ่งนี้เป็นพระประสงค์ของพระบิดาและของพระองค์ด้วยสำหรับโลก  นั่นคือให้มนุษย์ทั้งปวงดำรงชีวิตเป็นพี่น้องกัน ในฐานะเป็นบุตรชายและบุตรสาวของพระเจ้า  เพราะฉะนั้นการกระทำและความคิดของเราต้องสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า  โดยการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้านี้ จึงจะทำให้เราได้รับความสุขที่แท้จริงอย่างเต็มเปี่ยมในชีวิตบนโลกนี้ได้

            เมื่อมีความเข้าใจเรื่องอาณาจักรสวรรค์ตามที่กล่าวมาแล้ว ให้กลับไปดูคำอธิบายที่พระเยซูเจ้าทรงให้ไว้ในพระวรสาร คำอธิบายแรกกล่าวว่า อาณาจักรสวรรค์เป็นเหมือนชายผู้หนึ่งที่ออกไปหว่านข้าวสาลีในนา  แต่ศัตรูได้มาหว่านข้าวละมานทับลงไปในนา พระเยซูเจ้าทรงอธิบายว่าข้าวสาลีหมายถึงบรรดาบุตรทั้งหลายของพระเจ้า ส่วนข้าวละมานหมายถึงบรรดาบุตรแห่งความชั่วร้ายหรือลูกของมารปีศาจ

            ดังนั้นเราจะต้องทำอย่างไรในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้า? เราต้องแยกตัวออกมาจากผู้ที่ทำความชั่วหรือ? พระวรสารบอกว่าไม่ใช่เช่นนั้น นิทานเปรียบเทียบนี้บอกว่าเรายังคงต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางข้าวละมานและต้องบังเกิดผลดี  ผู้ที่จะพิพากษาครั้งสุดท้ายคือเจ้าของนาเท่านั้น ส่วนระยะเวลานี้ ข้าวสาลี หรือก็คือพวกเราซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้า ต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตร่วมกับข้าวละมานด้วยความอดทนและต้องบังเกิดผลโดยต้องไม่ไปตัดสินคนอื่นๆที่อยู่รอบข้างเราไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลีหรือข้าวละมานก็ตาม

            นิทานเปรียบเทียบเรื่องที่สอง เกี่ยวกับเมล็ดมัสตาดที่เป็นเพียงเมล็ดเล็กๆในบรรดาเมล็ดผักทั้งหลาย พวกเราซึ่งมีเพียงจำนวนเล็กน้อยในตอนเริ่มต้น จะขยายเติบโตมากขึ้นจนใหญ่กว่าผักอื่นๆ โปรดสังเกตว่าไม่มีคำอธิบายเหตุผลว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร การเจริญเติบโตใหญ่ขึ้นเป็นไปอย่างอัศจรรย์และลึกลับและรากของมันหยั่งลึกลงไปในแผ่นดินโลก อาณาจักรสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ในขณะที่เรายังคงยึดติดกับสิ่งของของโลกตามประสบการณ์ที่เรามี อัศจรรย์ของพระเจ้าอันลึกลับตามน้ำพระทัยของพระองค์จะทำให้เราบังเกิดผลโดยไม่ใช่มาจากความ สามารถของเราเอง สิ่งที่ท้าทายพวกเราก็คือให้มองดูสิ่งเหนือธรรมชาติในเหตุการณ์ปกติให้ออก เราอาจเป็นผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์ แต่พระเจ้าทรงทำให้มันเจริญเติบโต นั่นคือ ให้เราดำเนินชีวิตในสถานที่พระเจ้าทรงจัดวางไว้ให้ ให้เราทำดีที่สุดตามน้ำพระทัยของพระบิดาสวรรค์ของเรา  เชื่อและไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งที่เหลือเอง

            นิทานเปรียบเทียบเรื่องที่สามเกี่ยวกับเชื้อยีสต์ที่ทำให้ขนมปังฟูขึ้น เป็นสิ่งน่าประทับใจมากที่คุณสมบัติทางเคมีของเชื้อยีสต์มีพลังอำนาจมากเช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่อาจสามารถอธิบายขบวนการที่เกิดขึ้นได้ แต่พวกเขาไม่อาจหาคำตอบได้ว่าทำไมมันจึงทำงานในลักษณะแบบนี้ นักวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายกฎทางฟิสิกส์ได้  แต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นผู้กำหนดกฏเหล่านั้นขึ้นมา

            เมื่อเชื้อยีสต์ถูกผสมลงในแป้ง แป้งทั้งหมดก็ได้รับผลจากการกระทำของยีสต์ ในอาณาจักรสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน พระจิตของพระเจ้าทรงสถิตย์อยู่ในบรรดาบุตรทั้งหลายของพระเจ้า และเมื่อพวกเขาอยู่ในโลก ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อทุกๆสิ่งและทุกๆคน สิ่งต่างๆได้รับผลกระทบจาการปรากฏอยู่ของพวกเขา ขบวนการที่เกิดขึ้นเช่นนี้เป็นสิ่งลึกลับ พระจิตของพระเจ้าทรงมีพลานุภาพในโลก

            เรารู้ว่าความรักของพระเจ้าต่อพวกเรานั้นยิ่งใหญ่ไม่สามารถประมาณวัดได้ ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายได้ และพวกเราถูกเรียกให้มารับความรักนี้ แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เรายังต้องขยายกระจายความรักนี้ไปยังคนอื่นๆด้วย แม้แต่คนที่ไม่สมควรได้รับความรักนี้ เราอาจรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงคนต่ำต้อย มีจำนวนน้อย หรือไม่มีความสำคัญ แต่เราต้องมีความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าเราจะต่ำต้อยไม่มีความสำคัญสักเพียงใด แต่มันจะเหมือนกับเมล็ดมัสตาดหรือเชื้อยีสต์  จะบังเกิดผลลัพท์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น  ผลลัพท์นั้นจะเกิดแก่โลกทั้งโลก

 

----------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น