วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

แม่พระแห่งอาราเบีย



           บาห์เรนตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรอาราเบียซึ่งประกอบด้วย 4 ประเทศคือ คูเวต บาห์เรน กาตาร์ และซาดุดิอาราเบีย เป็นประเทศมุสลิมที่ทันสมัยแบบตะวันตก แต่ก็อาจทำให้บางคนประหลาดใจเมื่อมาท่องเที่ยวที่นี่เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีคริสตชนอยู่ในประเทศนี้เลย แต่ที่นี่มีชุมชนคาทอลิกเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง ประเทศนี้มีผู้คนมาทำงานจากหลากหลายประเทศ จึงทำให้เกิดการรวมตัวของวัฒนธรรมจากประเทศต่างๆที่ผู้คนเหล่านั้นจากมา ตั้งแต่ปี 1919 จำนวนคาทอลิกได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นที่ต้องดูแลคนงานที่เป็นคริสตชนอย่างเร่งด่วน พวกเขามาทำงานในอุตสาหกรรมน้ำมัน

“เราไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนของคาทอลิกที่นี่ แต่พอจะประมาณได้ว่าที่บาห์เรนมีคาทอลิก 140,000 คนและมีโบสถ์ 2 แห่ง ที่กาตาร์มี 350,000 คนและมีโบสถ์ 1 แห่ง ในคูเวตมีคาทอลิก 400,000 คนมีโบสถ์ 2 แห่ง ในซาอุดิอาราเบียมีคาทอลิก 1,500,000 คนแต่ไม่มีโบสถ์เลย “พระสังฆราช คามิลโล ไบติน

โบสถ์ทั้ง 5 แห่งนี้มีคาทอลิกจากหลายชุมชนมารวมกัน และเกิดการชุมนุมประกอบพิธีที่เป็นส่วนตัวขึ้นเหมือนกับพระศาสนจักรในยุคแรก มีคนงานจากประเทศต่างมากกว่า 100 ประเทศ ส่วนใหญ่มาจากฟิลิปปินส์และอินเดีย ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของคนเหล่านี้ล้วนแต่ร่วมพิธีมิสซาจารีตลาตินในประเทศของเขา ส่วนที่เหลือเป็นจารีตตะวันออก

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปัจจุบันเราไม่อาจแยกคริสตศาสนาออกจากคาบสมุทรอาราเบียได้  ทุกวันนี้ในวันที่มีมิสซาและในโอกาสวันสำคัญอื่นๆ โบสถ์จะมีศาสนิกชนมาเต็มจนล้น การเพิ่มจำนวนคาทอลิกอย่างรวดเร็วนี้ถือว่าเป็นพระพรอย่างหนึ่งของการเป็นพยานถึงชีวิตจิตอันลึกซึ้งของพวกเขา ตัวอย่างเช่นโบสถ์ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ในคูเวต ทุกสัปดาห์มีการประกอบพิธีมิสซา 32 ครั้งด้วยภาษา 15 ภาษา และจารีตที่แตกต่างกัน 5 จารีต ทางโบสถ์มีอาสาสมัครนับพันคนที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนกิจการของโบสถ์ และการสอนคำสอนแก่เด็กๆ ทั้งด้านการศึกษา การเยี่ยมนักโทษ และโรงพยาบาล รวมทั้งงานสังคมสงเคราะห์ด้วย

บาห์เรนเป็นประเทศแรกในอ่าวอาราเบียที่อนุญาตให้สร้างโบสถ์คาทอลิกคือโบสถ์แห่งดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า มีการประกอบพิธีมิสซาเที่ยงคืนในวันคริสต์มาสปี 1939 เป็นครั้งแรก

“ตอนนั้นผมคิดว่าคงมีคาทอลิกราว 5-6 หมื่นคนเท่านั้น แต่ในตอนนี้เรามีคาทอลิกประมาณ 140,000 คน ดังนั้นนี่จึงเป็นปัญหาใหญ่ เรามีห้องประชุมใหญ่ชื่อ“พระมารดาแห่งอาราเบีย”สำหรับจุดประสงค์ต่างๆใกล้กับโบสถ์ ที่ซึ่งเราสวดภาวนา แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะห้องประชุมนี้จุคนได้เพียง 5-6 ร้อยคนเท่านั้น เราจึงต้องการสถานที่อื่นอีก และพระมหากษัตริย์แห่งบาห์เรนก็ทรงประทานพื้นที่แห่งใหม่สำหรับก่อสร้างโบสถ์ใหม่” พระสังฆราชกล่าว

พระมหากษัตริย์ทรงเผชิญกับการท้าทายที่ใหญ่มากในประวัติศาสตร์ของชาติในการก่อสร้างอาสนวิหารที่อุทิศแด่แม่พระแห่งอาราเบีย ซึ่งจะเป็นองค์อุปถัมภ์ทุกประเทศในคาบสมุทรนี้ นี่จะเป็นอาสนวิหารแห่งความหวังของคาทอลิกทุกคนที่นี่เพราะเป็นเครื่องค้ำประกันว่าความเชื่อจะได้หยั่งรากลึกลงในสถานที่นี้อย่างมั่นคง

“อาสนวิหารใหม่จะจุคนได้สองพันคน นอกจากนี้เรายังต้องการสถานที่สำหรับการประชุมกิจกรรมต่างๆด้วย เพราะถ้าเรารับคนเพื่อร่วมพิธีมิสซาเท่านั้น จะไม่เพียงพอที่จะรวบรวมคริสตชนให้มารวมตัวกัน คริสตชนที่นี่มีความยากลำบากมากเพราะรัฐบาลควบคุมเข้มงวด พวกเขาจากประเทศบ้านเกิดมา จากครอบครัวของพวกเขามาอยู่เพียงลำพังที่นี่ พวกเขาจึงต้องการการดูแลฝ่ายจิตวิญญาณเป็นพิเศษและความช่วยเหลือต่างๆที่จะทำให้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ได้ มิฉะนั้นพวกเขาก็จะต้องกลับไป” พระสังฆราชกล่าว

อาสนวิหารสามารถจุคนได้ 2,300 คน มีที่จอดรถใต้ดิน 480 คัน และมีหอพักสำหรับคนที่มาจากที่ต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาจากที่ห่างไกลมาก มีคริสตชนจำนวนมากที่ข้ามพรมแดนซาอุดิอาราเบียซึ่งไม่มีโบสถ์เลย เพื่อมาร่วมพิธีมิสซาที่บาห์เรน

“ผู้คนมากมายจากซาอุดิอาราเบียมาที่บาห์เรน พวกเขาเป็นคาทอลิก พวกเขามาร่วมพิธีมิสซา รับศีลศักดิ์สิทธิ์ และสวดภาวนา เพื่อที่แสดงถึงความเชื่อของพวกเขา ทุกวันศุกร์พวกเขาจะทยอยกันมาอย่างต่อเนื่อง” คุณพ่อ จอย เมนาเซรี

การอภิบาลเป็นกิจการที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเป็นการทำให้ศาสนิกรวมกลุ่มกันได้ และมีอาสาสมัครที่เข้ามาร่วมงานการอภิบาลสำหรับชุมชนขนาดใหญ่นี้

“วิสัยทัศน์ของผมคือการทำให้อาสนวิหารเป็นสถานที่ให้ความช่วยเหลือดูแลสัตบุรุษทุกคน ดังนั้นเราจึงเชื้อเชิญบางคนให้มาร่วมงานนี้ด้วย อาจไม่ใช่คาทอลิกก็ได้ เราไม่ได้ต้องการทำให้พวกเขาเปลี่ยนศาสนา เราเพียงต้องการให้สถานที่นี้เป็นที่สำหรับพบปะกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยเรื่องศาสนา” พระสังฆราชอธิบาย

ปี 2014 มีการเริ่มต้นจัดหาทุนก่อสร้างอาสนวิหาร และต้องใช้เวลา 3- 4 ปีกว่าจะแล้วเสร็จซึ่งขึ้นกับแหล่งเงินทุนที่หามาได้  ถึงแม้ชาวมุสลิมสายกลางให้การต้อนรับคริสตชนอย่างดี แต่ก็มีมุสลิมหัวรุนแรงบางกลุ่มที่ต่อต้านการมอบที่ดินของพระมหากษัตริย์นี้ สิ่งนี้เป็นอุปสรรคใหญ่และท้าทายต่อความเชื่อของคริสตชนชายหญิงทุกคน พวกเขาจำเป็นต้องแสดงออกถึงความรักต่อเพื่อนมนุษย์

“เรากำลังสร้างสังคมที่เป็นเอกเทศหรือสังคมที่แบ่งแยก...อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ? สถานที่นี้ไม่ใช่สำหรับสังคมของมนุษย์ มันไม่ใช่ประเทศ มันเป็นสถานที่สำหรับการงาน เพื่อหาเงินและสิ่งของต่างๆหรือ?  นี่ไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับพวกเรา พระประสงค์ของพระองค์คือการเป็นพยานยืนยันถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ทุกคน เราเป็นพยานเมื่อเรารักทุกคนและรักประเทศ  ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา” พระสังฆราชกล่าว

ความปรารถนของบรรดาเพื่อนพี่น้องชายหญิงของเราที่จะดำรงชีวิตในความเชื่อนั้น เป็นกระแสเรียกของพวกเราทุกคน เราจะรวมตัวกันในสถานที่นี้เพื่อนมัสการพระเจ้าและรับใช้ซึ่งกันและกัน พวกเขาถูกเรียกให้มาเป็นพยานยืนยันความเชื่อในพระเจ้าของพวกเขา เราถูกเรียกให้มารักด้วยความใจกว้าง

*****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น