วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561

การบรรทบหลับของพระนางมารีย์


 
ความตายของพระนางมารีย์ มิใช่เป็นความตายเพื่อการไถ่บาปมนุษย์เหมือนเช่นความตายของพระคริสต์  และมิใช่ความตายที่เป็นโทษของบาปเหมือนมนุษย์ทั่วไปที่กำเนิดมาในบาปกำเนิด  แต่ความตายของพระนางมารีย์เป็นรูปแบบพิเศษที่มาจากอำนาจเหนือธรรมชาติแห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์  เป็นความตายอันเนื่องมาจากการเพ่งพิศความรักอันเหลือล้นของพระเป็นเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระจิตที่ทรงมีต่อพระนาง จิตวิญญาณของพระนางแยกจากร่างกายด้วยความรักอันเหลือล้นของพระนางต่อพระเป็นเจ้าที่บังเกิดขึ้นในการพิศเพ่งนี้  และด้วยความรักของพระเป็นเจ้าที่ทรงมีต่อพระนางมารีย์  พระองค์จึงไม่ทรงยอมให้ร่างกายของพระนางคงอยู่ในโลกนี้แต่ให้กลับไปสนิทกับจิตวิญญาณของพระนางและประทับอยู่ในสวรรค์ เฉกเช่นเดียวกับพระบุตรของพระนางเอง

เมื่อมนุษยชาติยุติการมองพระเป็นเจ้าเป็นเพียงนามธรรม  และมองพระเป็นเจ้าเป็นพระบุคคลที่ทรงมีรูปร่างและทรงมีพระนาม  มนุษย์ก็จะได้พบกับพระคริสต์และมีส่วนแบ่งในพระธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์  มนุษย์จะได้เดินไปในทางที่พระคริสต์ทรงดำเนิน  หรือได้ยืนในห้องที่พระองค์เคยประกอบพิธีมิสซาครั้งแรก  มนุษย์จะปรารถนาที่จะรู้ชีวประวัติของพระมารดาของพระองค์  เมื่อเราเพ่งมองไปยังผ้าห่อพระศพแห่งตูรินและผีนผ้าศักดิ์สิทธิ์ของแม่พระแห่งกัวดาลูเป  เรารู้สึกประหลาดใจและรู้สึกชื่นชมยินดีเหมือนกับการที่เราได้มองดูรูปของมิตรสนิทของเรา

และเมืองใดเล่าที่เป็นสถานที่ซึ่งพระมารดาของพระเจ้าทรงบรรทมหลับไปในวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของพระนางบนโลกนี้? ก่อนที่พระนางจะได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ

มีสองเมืองที่อาจได้รับเกียรตินี้ และมีหลักฐานที่ทำให้เราต้องฉงนใจ  เมืองทั้งสองคือ เยรูซาเล็ม และ เอเฟซัส ซึ่งเป็นบ้านของพระนางมารีย์หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรของพระนาง

ในหนังสือโคเด็ค วาติกันนุส เลขที่ 1982 Codex Vaticanus No. 1982 ซึ่งเขียนเป็นภาษากรีก ระบุว่า พระเยซูเจ้าทรงแนะนำสถานที่ฝังพระศพของพระนางมารีย์แก่ น.เปโตร “ท่านจงออกไปนอกเมือง ไปทางซ้ายมือ และท่านจะพบคูหาใหม่ ที่นั่นแหละคือที่ที่ท่านจะฝังพระศพ”  นั่นคือที่เมืองเยรูซาเล็ม และบ่งชี้ไปที่เก็ธเซเมนี

ในหนังสือประวัติแม่พระ The Book of the Most Holy Virgin, the Mother of God (c. 6th century) กล่าวถึงการฝังพระศพแม่พระดังนี้ -

บรรดาอัครสาวกได้นำร่างของพระนางมารีย์ไปยังหุบเขาโจซาฟัต ตามที่พระเยซูเจ้าทรงบอกแก่พวกเขา และพวกเขาได้ฝังพระศพของพระนางไว้ในคูหาใหม่และได้ปิดประตูคูหา

เราได้รู้ว่าบรรดาอัครสาวกได้มารวมกันเพื่อเฝ้าพระนางมารีย์เป็นครั้งสุดท้ายและเพื่อมาร่วมในพิธีฝังพระศพของพระนาง หนังสือได้บอกรายละเอียดบางอย่างในเรื่องนี้  เช่น มีการเดินขบวน  มีเสียงเพลงจากสวรรค์ขับร้องประสาน และการค้นพบว่าพระคูหาของพระนางว่างเปล่า  หนังสือเก่าแก่ในศตวรรษที่ 5 ชื่อ The Obsequies of the Holy Virgin กล่าวว่า นักบุญอัครเทวดามีคาแอลได้รับคำสั่งจากพระเป็นเจ้าให้นำร่างของพระนางมารีย์เข้ามาในกลุ่มเมฆ และ “พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่าพวกเขาก็ควรเข้ามาใกล้กลุ่มเมฆนี้ด้วย”  ในหนังสือศตวรรษที่ 6 ชื่อ In The Falling Asleep of Mary กล่าวว่า พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนให้กลับมาที่พระคูหาของพระนางมารีย์ “พวกท่านจะได้เห็นพระมารดาพรหมจารีย์  ขณะที่เรานำพระนางเข้าสู่สวรรค์พร้อมกับเรา จิตวิญญาณของพระนางสนิทกับร่างกายของพระนาง และมีชีวิตเหมือนเช่นที่พระนางเคยมีชีวิตอยู่บนโลกนี้กับพวกท่าน”

พระนางมารีย์ทรงประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มจนถึงเวลาที่มีการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรงในปี ค.ศ. 44  ทำให้พระนางต้องหลบหนีไปกับบรรดาอัครสาวาก  และนักบุญยอห์นซึ่งรับพระนางมารีย์เป็นมารดาของตนได้นำพระนางไปอาศัยอยู่ที่เอเฟซัส (ปัจจุบันอยู่ในตุรกี) และอาจมี น.มารีย์ มักดาเลนติดตามไปด้วย (แต่บางแห่งบอกว่า มารีย์ มักดาเลนไปที่ฝรั่งเศสพร้อมกับลาซารัสและมาร์ธา) 

หนังสือชีวประวัติของพระนางมารีย์ เขียนโดย Rev. B. Rohner, กล่าวว่า

หนังสือหลายเล่มที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาในยุคแรกบอกเราว่า “พระมารดาของพระเจ้าทรงประทับอยู่เอเฟซัสเป็นระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกับนักบุญยอห์น อัครสาวก ผู้ซึ่งพระนางทรงรับเป็นบุตรของพระนางด้วย  และน.ยอห์นเป็นพระสังฆราชของที่นั้น...ต่อมาพระนางมารีย์ทรงปรารถนาที่จะได้เห็นเมืองของพระนางก่อนที่พระนางจะจากโลกนี้ไป”  (Life of the Blessed Virgin)

ในหนังสือ The Mystical City of God ของ Ven. Mary of Agreda (+1665)กล่าวว่า “พระนางมารีย์ทรงประทับอยู่ที่เอเฟซัสเป็นเวลาสองปีครึ่ง  และในปลายปีสุดท้ายนั้น น.ยอห์นได้เตรียมที่จะเดินทางไปที่ปาเลสไตน์  พระนางมารีย์ทรงเรียกบรรดาสตรีที่อยู่ช่วยเหลือพระนางและบรรดาศิษย์ในเอเฟซัสให้มารวมกัน  เพื่อกล่าวอำลาพวกเขาและให้คำแนะนำแก่พวกเขาให้รักษาความเชื่อไว้ให้มั่นคง”

----------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น