from A Pocket Full Of Miracles, p. 11
ตลอดชีวิตของท่านนักบุญยอห์น บอสโก ท่านอุทิศชีวิตเพื่อพระสิริมงคงของพระเจ้า...ท่านได้ก่อตั้งคณะซาเลเซียน, สร้างโรงเรียน, เป็นบิดาฝ่ายจิตของเยาวชนนับพันนับหมื่นคน. คุณพ่อบอสโกได้เป็นเครื่องมือแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า บ่อยครั้งที่ท่านได้ทำอัศจรรย์การรักษาโรคในพระนามของพระเป็นเจ้า.
ชุบชีวิตเยาวชนคนหนึ่ง
ชุบชีวิตเยาวชนคนหนึ่ง
ในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านมีชื่อเสียงในเรื่องการรักษาโรคทั้งหนักและเล็กน้อย. ตั้งแต่การรักษาคนที่เป็นโรคฝีดาษ (ทำให้เด็กชายที่หายจากโรคนี้สามารถออกจากโรงพยาบาลไปเล่นในสนามได้) จนถึงการชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้ว. ในปี 1849, เด็กชายคาร์โลอายุ 15 ปี, ซึ่งอยู่ที่ศูนย์เยาวชนของคุณพ่อบอสโก, ได้เสียชีวิต ก่อนตาย,เขาร้องเรียกหาคุณพ่อบอสโก. แต่ในเวลานั้นคุณพ่อบอสโกอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อขอบริจาคทรัพย์จากผู้ใจบุญในที่ต่างๆเพื่อช่วยเหบลือในกิจการต่างของคณะ ดังนั้นพ่อแม่ของคาร์โลจึงตามคุณพ่ออีกองค์หนึ่งมาฟังแก้บาปของคาร์โลแทน. แต่เด็กชายก็ยังคงร้องเรียกหาคุณพ่อบอสโกก่อนที่เขาจะสิ้นใจ.
เมื่อคุณพ่อเดินทางกลับจากการเดินทาง , ท่านกลับมาถึงศูนย์เยาวชนของท่านและทราบข่าวการตายของคาร์โลจึงรีบไปยังบ้านของเขา ขณะนั้นเด็กชาย คาร์โลได้สิ้นใจไป 10 - 11 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นแล้ว. แต่คุณพ่อบอสโกกลับบอกว่า "เด็กเพียงแต่หลับไป". คนรับใช้ตอบว่า ทุกคนที่บ้านนี้รู้ว่าเด็กได้ตายไปแล้วและหมอก็ได้เซ็นใบมรณะบัตรเรียบร้อยแล้ว.
คนรับใช้นำคุณพ่อไปยังห้องรับแขกเพื่อพบกับพ่อแม่ที่กำลังโศกเศร้า แม่ของเด็กเล่าว่าเด็กได้เรียกหาของคุณพ่ออยู่ตลอดเวลาก่อนที่จะสิ้นใจ ในห้องของผู้ตาย,คุณพ่อให้ทุกคนที่นั่นออกไปนอกห้องยกเว้นแม่และป้าของเด็กแล้วปิดประตูห้อง. คุณพ่อบอสโกได้สวดภาวนาเหนือร่างของเด็กชาย, แล้วท่านก็ร้องเรียกดังๆว่า "คาร์โล,ตื่นขึ้น", เด็กชายกลับฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง, และจำแม่ได้. เมื่อเห็นคุณพ่อบอสโก, เขาดีใจมาก. เขาเล่าเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวให้คนที่อยู่ที่นั้น, ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เขาตายไปแล้วเหมือนกับเป็นความฝัน.
ถูกพาไปนรก
เด็กชายคาร์โลเล่าว่า, เขาฝันว่าถูกห้อมล้อมด้วยปีศาจหลายตนซึ่งพาเขาไปยังนรก. และพวกมันกำลังจะโยนเขาลงไปในเตาไฟใหญ่มหึมา. ทันใดนั้นก็มีสตรีผู้หนึ่งมาขัดขวางไว้ และสตรีผู้นั้นพูดว่า "คาร์โล,เธอยังมีความหวัง เธอยังไม่ได้ถูกพิพากษา" ในเวลานั้นเอง,เขาก็ตื่นขึ้นมาตามคำสั่งของคุณพ่อบอสโก. ต่อจากนั้น,เขาบอกกับคุณพ่อว่าการสารภาพบาปครั้งสุดท้ายนั้นเขาบอกบาปไม่ครบถ้วน, และเขาต้องการสารภาพบาปอย่างถูกต้องสมบูรณ์. เมื่อเขาได้สารภาพบาปและคุณพ่อบอสโกได้ให้อภัยบาปแก่เขาแล้ว,เด็กได้พูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยินว่า "คุณพ่อได้ช่วยชีวิตผม" ทุกคนเขามาในห้องเพื่อมาดูและฟังเขาเล่าเรื่อง. มีบางคนสังเกตุว่าถึงแม้เด็กจะมีชีวิตแต่ตัวของเขายังเย็นเหมือนคนตายอยู่.
คุณพ่อบอสโกพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า "เวลานี้เธออยู่ในพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าแล้วและสามารถอยู่ในสวรรค์. เธอต้องการจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป, หรือจะไปสวรรค์". "ผมอยากจะไปสวรรค์ครับคุณพ่อ" เด็กชายตอบ. แล้วเขาก็นอนลงและตายไปอีกครั้งหนึ่ง
การรักษาอย่างอัศจรรย์นับครั้งไม่ถ้วน
นับแต่คุณพ่อบอสโกเสียชีวิตไป, ก็มีอัศจรรย์การรักษาโดยการวอนขอผ่านทางท่านมากมายนับไม่ถ้วน ในปี 1928, ซิสเตอร์ มาเรีย โยเซฟ มาสซีมิ, ขณะที่ใกล้จะตายด้วยโรคมะเร็งในลำไส้, เธอได้เก็บพระธาตุของคุณพ่อบอสโกติดตัวไว้และได้ทำนพวารวอนขอความช่วยเหลือจากท่าน ถึงกระนั้นอาการของเธอก็ยังคงทรุดหนักลงเรื่อยๆ, เธอจึงได้ทำนพวารอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อมาไม่นาน, เธอฝันเห็นคุณพ่อบอสโกประจักษ์มาและให้สัญญากับเธอว่าเธอจะหายจากโรค, ทั้งยังบอกถึงวันที่เธอจะหายด้วย. แต่นายแพทย์ของซิสเตอร์มาเรีย โยเซฟ ได้บอกในทางตรงกันข้าม เธอมีอาการอ่อนแอและหนักลงจนถึงวันที่เธอได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะหาย. ในขณะที่เธอได้รับศีลเจิมผู้ป่วยสำหรับวาระสุดท้ายนั้นเอง,ตัวเธอก็เริ่มกระตุกและสั่น. เมื่ออาการสั่นหยุดลง, เธอก็หายจากโรคเป็นปลิดทิ้ง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น