วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

บทภาวนาเพื่อการละทิ้งตนเองและยอมจำนนต่อพระเยซูเจ้า

พระเยซูเจ้าตรัสว่า การสวดภาวนานับพันบทก็มีประสิทธิภาพไม่เท่ากับการละทิ้งตนเองทั้งหมดถวายแด่พระองค์โดยการยอมจำนต่อพระองค์ให้ทุกสิ่งในชีวิตของเราขึ้นกับพระองค์แต่ผู้เดียว
 
การภาวนา คือ การสนทนากับพระเป็นเจ้าเพื่อจุดประสงค์ 4 ประการหลัก คือ
1. เพื่อนมัสการ
2. เพื่อขอบพระคุณ
3. เพื่อขอขมาโทษ
4. เพื่อวอนขอพระพรที่เราต้องการ
 
เมื่อเราอยู่ในความยุ่งยากหรือมีความจำเป็นในเรื่องใด เราก็มักสวดภาวนาวอนขอสิ่งที่เราต้องการจากพระเจ้า เรามักจะสวดว่า “พระเจ้าข้า โปรดประทาน(สิ่งนี้ / สิ่งนั้น) แก่ลูกด้วยเถิด” และเชื่อได้ว่า เราต้องเคยวอนขอสิ่งต่างๆมากมายสำหรับตัวเราเองและสำหรับคนอื่นด้วย แน่นอนว่าเราได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้วในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราในเรื่องความยุ่งยากและความจำเป็นของเรา แต่ก็มีบางกรณีที่ถึงแม้เราได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดสิ้นไป หรือความจำเป็นต่างๆของเราก็ยังไม่ได้รับ เพราะเรามีพละกำลังและความสามารถไม่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงต้องหันมาพึ่งพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพให้ทรงช่วยเหลือเรา
 
เราทุกคนย่อมมีความเดือดร้อนในบางครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของมนุษย์และเป็นความทุกข์ทรมานใจ อย่างไรก็ดี พระเจ้าทรงทราบถึงความจำเป็นของเราก่อนที่เราเองจะรู้เสียอีก ความจำเป็นของเรากลายเป็นโอกาสสำหรับพระเจ้าที่จะทรงแสดงพระเมตตาและพระทัยดีของพระองค์ ความจำเป็นของเราจึงเป็นสิ่งที่ทำให้พระองค์ได้รับพระเกียรติ
 
ดอน โดลินโด รูออตโตโล Don Dolindo Ruotolo พระสงฆ์ชาวอิตาลีผู้มีชีวิตระหว่างปี 1882-1970 ท่านมีความเข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างความจำเป็นต่างๆของมนุษย์กับพระทัยดีของพระเจ้าเป็นอย่างดี
 
ดอน โดลินโด บวชเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุ 23 ปี ท่านดำรงชีวิตประจำวันในการสวดภาวนาและการอภิบาลสัตบุรุษ เช่นการฟังสารภาพบาป การให้คำแนะนำและเอาใจใส่ในความจำเป็นต่างๆของสัตบุรุษ และท่านเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง เมื่อมีผู้แสวงบุญบางคนจากเมืองเนเปิลเดินทางมาที่ ปีเอตริซินา(Pietrelcina) เพื่อมาพบกับนักบุญคุณพ่อปีโอ  คุณพ่อปีโอบอกกับพวกเขาว่า “ทำไมจึงมาที่นี่เล่า พวกเธอก็มีดอน โดลินโด อยู่ที่เนเปิลแล้วไม่ใช่หรือ? ไปหาท่านเถอะ ท่านเป็นนักบุญ”
 
ดอน โดลินโดเข้าใจในเรื่องความอ่อนแอและความจำเป็นต่างๆของมนุษย์ และท่านมองเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นหนทางที่จะส่งเสริมให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้
 
ท่านเชื้อเชิญให้เรานำความวิตกกังวลและความต้องการของเรามอบถวายแด่พระเจ้า แต่เราต้องไม่ใส่ใจที่ความจำเป็นเดือดร้อนของเราเท่านั้น ดอน โดลินโดสอนเราให้มอบความต้องการของเราแด่พระเจ้าและอยู่ในความสงบสันติ ปล่อยให้พระเจ้าทรงดูแลเราด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์ ดอน โดลินโดบอกว่า พระเยซูเจ้าทรงสัญญาว่าจะดูแลเอาใจใส่ในความจำเป็นของเราทุกอย่าง ให้เราไว้วางใจในพระองค์ โดยท่านอ้างถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าว่า
 
“ลูกทำให้ตนเองยุ่งยากด้วยความวิตกกังวลทำไม? จงทิ้งความวิตกกังวลของลูกไว้ให้เราเถิดและทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดี เราขอบอกความจริงกับลูกว่า ผู้ที่ยอมจำนนต่อเราอย่างสมบูรณ์ด้วยความจริง จะส่งผลให้เขาได้รับสิ่งที่ต้องการและได้รับการบรรเทาในสถานการณ์ที่ยุ่งยากทั้งหมด..
 
การสวดภาวนานับพันบทก็มีประสิทธิภาพไม่เท่ากับการละทิ้งตนเองทั้งหมดให้แก่เรา ไม่มีบทภาวนาบทใดที่ดียิ่งไปกว่าบทภาวนาบทนี้ “พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ”
 
เราสามารถสวดบทภาวนาเพื่อการยอมจำนนต่อพระเจ้านี้ในคราวเดียวก็ได้ หรือสวดแต่ละบทเป็นเวลาเก้าวันก็ได้ บทภาวนาทั้งเก้าบทอยู่ทางด้านล่างนี้แล้ว
 
ประชาชนที่ทุกข์ร้อนจำนวนมากที่ไปพบกับดอน โดลินโดและปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านได้รับการเยียวยารักษาและได้รับสิ่งที่ต้องการ รวมทั้งผู้ที่วอนขอความช่วยเหลือโดยผ่านทางท่านด้วย และคนเหล่านี้ได้เล่าเรื่องเป็นพยานยืนยันถึงพระหรรษทานที่ได้รับโดยการละทิ้งตนเองทั้งหมดถวายแด่พระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า
 
ปัจจุบัน ดอน โดลินโด ได้รับการประกาศให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และกำลังดำเนินการเพื่อการเป็นบุญราศีและนักบุญเป็นลำดับ
 
*******************
บทนพวารเพื่อการละทิ้งตนเองและยอมจำนนต่อพระเยซูเจ้า
วันที่ 1
ลูกทำให้ตนเองยุ่งยากด้วยความวิตกกังวลทำไม? จงทิ้งความวิตกกังวลของลูกไว้ให้เราเถิดและทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดี เราขอบอกความจริงกับลูกว่า ผู้ที่ยอมจำนนต่อเราอย่างสมบูรณ์ด้วยความจริง จะส่งผลให้เขาได้รับสิ่งที่ต้องการและได้รับการบรรเทาในสถานการณ์ที่ยุ่งยากทั้งหมด
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 2
การยอมจำนนต่อเรามิได้หมายถึงการวุ่นวายใจ เสียใจหรือสูญเสียความหวัง และมิได้หมายถึงการถวายคำภาวนาแห่งความวิตกกังวลเพื่อขอให้เราทำตามความต้องการของลูก ซึ่งเท่ากับเป็นการเปลี่ยนความวิตกกังวลให้กลายเป็นคำภาวนา การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การละทิ้งตนเองยอมจำนนแก่เรา แต่มันเป็นการต่อต้านเรา ความวิตกกังวล การที่ประสาทเสียและการคิดถึงแต่ความทุกข์ร้อนตลอดเวลา มันเหมือนความสับสนในอารมณ์ของเด็กๆเมื่อเขาขอให้แม่ช่วยเหลือในความเดือดร้อนของเขา เขาทำเพื่อตัวเองและรู้ว่าแม่จะช่วยเพราะความเป็นเด็กเล็กของเขา แต่การยอมจำนนต่อเราหมายถึง การปิดตาของวิญญาณให้สนิท หันเหไปจากความคิดความสนใจในความทุกข์ยาก และมอบตนเองมาอยู่ในความดูแลของเราเท่านั้น โดยการพูดว่า “โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ”
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 3
เราสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับวิญญาณที่หันมาหาเรา เมื่อวิญญาณมีความต้องการในสิ่งจำเป็นสำหรับด้านจิตใจและทางด้านวัตถุ จงมองมาที่เราและพูดกับเราว่า “โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” แล้วนั้นลูกจงปิดตาและพักผ่อน เมื่อลูกเจ็บปวดลูกสวดขอให้เราทำตามสิ่งที่ลูกต้องการ แต่ลูกไม่ได้หันจิตใจมาหาเรา แทนที่จะเป็นเช่นนี้ลูกขอให้เราทำตามความคิดของลูก ลูกไม่ได้เป็นเหมือนผู้ป่วยที่ต้องการให้หมอรักษา แต่เป็นผู้ป่วยที่บอกหมอให้ทำตามวิธีของลูก จงอย่าทำแบบนี้ แต่จงสวดภาวนาตามที่เราได้สอนลูกไว้ในบทข้าแต่พระบิดา “ขอให้พระนามของพระองค์จงเป็นที่สักการะ” นี่เป็นการสรรเสริญที่เราต้องการ
“พระอาณาจักรของพระองค์จงมาถึง” นั่นคือขอให้ทุกสิ่งในตัวลูกและในโลกสอดคล้องกับพระอาณาจักรของพระเจ้า “พระประสงค์จงสำเร็จไปในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” นั่นคือ ในความจำเป็นต่างๆสำหรับชีวิตชั่วคราวและในชีวิตนิรันดรขอให้เป็นไปตามที่ทรงเห็นว่าเหมาะสม ถ้าหากลูกพูดกับเราด้วยความจริงใจว่า “พระประสงค์จงสำเร็จไป” ซึ่งเหมือนกับพูดว่า “โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” เราจะเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือด้วยพระสรรพานุภาพทั้งหมดของเรา และเราจะแก้ปัญหาความยุ่งยากในสถานการณ์ที่ยุ่งยากที่สุดของลูก
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 4
ลูกเห็นว่าความชั่วร้ายเจริญเติบโตขึ้นแทนที่จะอ่อนแอลงหรือ? อย่าวิตกกังวลไปเลย จงปิดตาและพูดกับเราด้วยความเชื่อว่า “พระประสงค์จงสำเร็จไป โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” เราขอบอกลูกว่า เราจะดูแลเอาใจใส่ และจะเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือ เหมือนกับที่หมอกระทำ และเมื่อจำเป็นเราจะทำอัศจรรย์ซึ่งจะสัมฤทธิ์ผล  ลูกเห็นว่าผู้ป่วยมีอาการแย่ลงหรือ? อย่าวุ่นวายใจไปเลย แต่จงปิดตาและพูดว่า “โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” เราขอบอกลูกว่า เราจะดูแลเอาใจใส่ ไม่มียาใดที่มีประสิทธิภาพมากเท่ากับการเข้าแทรกแซงช่วยเหลือด้วยความรักของเรา ด้วยความรักของเรา เราขอสัญญาเช่นนี้ต่อลูก
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 5
และเมื่อเราต้องนำทางพวกลูกไปสู่หนทางที่แตกต่างไปจากสิ่งที่ลูกเข้าใจ เราจะเตรียมลูก เราจะโอบอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนของเรา เราจะทำให้ลูกพบตัวลูกเอง เหมือนเช่นเด็กน้อยที่นอนหลับในอ้อมแขนของมารดาที่นั่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ สิ่งที่ทำให้ลูกทุกข์ร้อนเจ็บปวดอย่างหนักก็คือความคิด ความวิตกกังวลของลูกเอง และความปรารถนาที่จะรับมือกับสิ่งที่เป็นสาเหตุของความทุกข์ร้อนนั้น
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 6
ลูกนอนไม่หลับ ลูกต้องการตัดสินทุกสิ่ง ต้องการนำทางทุกสิ่งและเข้าใจทุกสิ่ง และลูกยอมจำนนต่อพละกำลังของมนุษย์ หรือแย่ยิ่งกว่านั้น ยอมจำนนต่อมนุษย์เอง ด้วยการวางใจในความช่วยเหลือของมนุษย์ สิ่งนี้เป็นการขัดขวางพระวาจาของเรา โอ เราต้องการให้ลูกยอมจำนนกับเราเช่นนี้มากสักเพียงไร เพื่อที่เราจะสามารถช่วยเหลือลูก เราเป็นทุกข์ยิ่งนักเมื่อเห็นลูกสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ซาตานพยายามทำให้เป็นเช่นนี้ มันทำให้ลูกสับสนวุ่นวายเพื่อดึงลูกให้ออกมาจากการปกป้องคุ้มครองของเราและมันจะได้โยนลูกเข้าสู่ปากของธรรมชาติดิบของมนุษย์ ดังนั้น จงวางใจในเราเท่านั้น จงพักผ่อนในเรา ยอมจำนนต่อเราในทุกสิ่ง
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 7
เราทำอัศจรรย์ตามสัดส่วนความมากน้อยของการยอมจำนนของลูกต่อเราและสัดส่วนความมากน้อยของการไม่คิดถึงตนเองของลูก เราได้หว่านขุมทรัพย์แห่งพระหรรษทานเมื่อลูกอยู่ในความยากจนอย่างหนัก ไม่เคยมีนักคิดคนใด นักปรัชญาคนใด ที่เคยทำอัศจรรย์ แม้แต่บรรดานักบุญก็ตาม พวกท่านทำงานอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยการยอมจำนนต่อพระเจ้า ดังนั้น อย่าคิดถึงความทุกข์ร้อนของตนเองอีกต่อไป เพราะจิตใจของลูกที่กำลังเจ็บปวดจึงเป็นการยากที่ลูกจะเห็นความชั่วร้ายและไว้วางใจในเราโดยไม่คิดถึงตัวลูกเอง จงทำตามที่เราบอกสำหรับความจำเป็นทั้งหมดของลูก ทุกคนจงทำตามวาจาของเราและลูกจะเห็นอัศจรรย์เงียบๆที่ยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง เราจะดูแลเอาใจใส่ทุกสิ่ง เราขอสัญญา
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 8
จงปิดตาและให้พระหรรษทานของเราพาลูกล่องลอยไป ปิดตาของลูกและอย่าคิดถึงปัจจุบัน จงหันเหความคิดไปจากอนาคตซึ่งมาประจญลูกอยู่ มาพักผ่อนในเรา จงเชื่อในความดีของเรา และเราขอสัญญาด้วยความรักของเราว่า เมื่อลูกพูดว่า “โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” เราจะดูแลเอาใจใส่ทุกสิ่ง เราจะปลอบประโลมใจลูก เราจะปลดปล่อยลูก และนำทางลูก
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
วันที่ 9
จงสวดภาวนาเสมอด้วยความพร้อมที่จะยอมจำนน และลูกจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่จากสันติสุขที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเราจะประทานพระหรรษทานแห่งการให้อภัย การสำนึกผิดกลับใจและความรักแก่ลูก แล้วสิ่งที่ทำให้ทุกข์ร้อนจะใหญ่เพียงไหนหรือ? มันดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับลูกหรือ? ปิดตาของลูกและพูดด้วยจิตวิญญาณทั้งหมดว่า “พระเยซูเจ้าข้า โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” จงอย่ากลัว เราจะดูแลเอาใจใส่ทุกสิ่งและลูกจะสรรเสริญพระนามของเราด้วยความถ่อมตน คำภาวนาพันบทก็ไม่เทียบเท่าการยอมจำนนต่อเราเพียงครั้งเดียว จงจำสิ่งนี้ไว้ให้ดี ไม่มีบทนพวารใดที่มีประสิทธิภาพมากเท่าบทนพวารนี้
“พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอละทิ้งตนเองยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง โปรดทรงดูแลทุกสิ่งด้วยเทอญ” (10 ครั้ง)
 
ข้าแต่พระมารดา
ลูกเป็นของพระแม่ในเวลานี้และตลอดไป
โดยอาศัยพระแม่และพร้อมกับพระแม่
ลูกต้องการเป็นของพระเยซูเจ้า
อย่างสมบูรณ์เสมอไป
 
วาจาทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์แห่งชีวิตของการปรากฏของพระเยซูเจ้าในชีวิตแห่งการสวดภาวนาของคุณพ่อ โดลินโด รูออตโตโล และขอเชิญชวนให้คุณสวดบทนพวารนี้เสมอ
 
*********************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น