วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การประจักษ์ของแม่พระที่ประเทศอังกฤษ

 

                การประจักษ์นี้พระศาสนจักรรับรองแล้ว  พระนางมารีย์ทรงประสงค์ให้สตรีผู้หนึ่งที่อยู่ในฐานะชนชั้นสูงได้เห็นบ้านของพระนางที่ทรงเลี้ยงดูพระเยซูกุมาร
 
เรื่องเริ่มต้นขึ้นในปี 1061 หนึ่งพันปีกว่าหลังจากพระเยซูเจ้าทรงบังเกิด อยู่ในรัชสมัยของกษัตริย์เอ็ดวาร์ด( Edward the Confessor) สตรีชั้นสูงผู้หนึ่งชื่อ  ริชเชดีส เดอ ฟาเวอร์เชส (Richeldis de Faverches) กำลังสวดภาวนาเพื่อขอการแนะนำสำหรับความปรารถนาของเธอที่จะเทิดเกียรติพระมารดาของพระเจ้า และคำภาวนาของเธอก็ได้รับการตอบสนอง พระนางมารีย์ทรงประจักษ์มาและทรงนำจิตวิญญาณของเธอล่องลอยไปสู่นาซาแร็ท
 
เมื่อไปถึงนาซาแร็ท แม่พระทรงแสดงให้ริชเชดิสเห็นบ้านที่พระนางทรงได้รับการแจ้งสาส์นจากอัครเทวดากาเบรียล และยังเป็นบ้านที่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ด้วย แม่พระตรัสกับริชเชดิสว่า พระนางทางประสงค์ให้ถอดแบบบ้านหลังนี้และไปสร้างบ้านขึ้นที่หมู่บ้านใน หมู่บ้านวัลซิงแฮม (Walsingham) ของอังกฤษ ริชเชดิสได้รับคำสัญญาจากแม่พระว่า “ผู้ใดที่ต้องการความช่วยเหลือจากแม่จะไม่กลับไปมือเปล่า”
 
ริชเชดิสได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับสัดส่วนของบ้านจากแม่พระ แต่เธอไม่รู้ว่าจะต้องสร้างบ้านไว้ที่ตำแหน่งไหนในวัลซิงแฮม เพราะพื้นดินเปียกไม่เหมาะที่จะสร้างบ้าน เธอจึงสวดภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากแม่พระ และเช้าวันต่อมาเธอก็พบพื้นที่สองแห่งที่พื้นดินแห้งและมีอาณาเขตพอดีกับสัดส่วนของบ้าน เธอกำหนดให้บ้านอยู่ใกล้กับบ่อน้ำ แต่คนงานไม่สามารถสร้างกำแพงให้พอดีกับพื้นที่นั้นได้ ริชเชดิส สวดภาวนาอีกและเช้าวันต่อมา เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่าบ้านถูกย้ายไปอยู่อีกพื้นที่หนึ่งอย่างอัศจรรย์ ซึ่งอยู่ห่างไปถึง 200 ฟุต
 
บ้านที่สร้างขึ้นได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ผู้คนจากทุกสารทิศพากันมาเพื่อสวดภาวนาด้วยความศรัทธาต่อพระมารดามารีย์ และบ้านนั้นเป็นที่รู้จักในชื่อ “บ้านศักดิ์สิทธิ์” ต่อมาไม่นานได้มีการสร้างอาคารวิหารครอบคลุมบ้านไว้เพื่อป้องกันสิ่งที่จะมาทำลาย ความศรัทธาซึ่งมีเพิ่มขึ้นตามลำดับ ในไม่ช้าสถานที่นั้นก็ได้กลายเป็นอาสนวิหารแม่พระแห่งวัลซิงแฮม
 
วัลซิงแฮมได้กลายเป็นอาสนวิหารเริ่มแรกของคริสต์ศาสนาในยุคกลาง บุคคลในราชวงศ์หลายคนได้มายังสถานที่แห่งนี้รวมทั้งพระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 แห่งอังกฤษด้วย ในปี 1226 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 1 ได้เสด็จมาถึง 11 ครั้ง ต่อมาก็มีพระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 2 เสด็จมาในปี 1361 และพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 เสด็จมาในปี 1511 พระองค์เสด็จมาเพื่อขอบพระคุณสำหรับการบังเกิดของเจ้าชายเฮนรี่พระราชโอรส  (แต่เจ้าชายเสียชีวิตตั้งแต่มีพระชนมายุเพียง 52 วัน)
 
มีอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้นที่วัลซิงแฮม และยิ่งได้รับการนับถือมากขึ้นเมื่อมีการสร้างโบสถ์น้อยที่เรียกว่า “Slipper Chapel” “โบสถ์ร้องเท้าแตะ” ที่ถูกสร้างในปี 1340 โบสถ์น้อยอยู่ห่างจากอาสนวิหารไปหนึ่งไมล์ ผู้แสวงบุญจะมาที่โบสถ์น้อยนี้และถอดรองเท้าทิ้งไว้ และเดินเท้าเปล่ากลับไปยังอาสนวิหารอีกหนึ่งไมล์ซึ่งเรียกการเดินนี้ว่า “Holy Mile,” “ไมล์ศักดิ์สิทธิ์”
 
โบสถ์น้อยรองเท้าแตะสร้างอุทิศแด่นักบุญคัทรินแห่งอเล็กซานเดรีย ผู้เป็นองค์อุปถัมภ์ของนักแสวงบุญ โบสถ์ถูกสร้างขึ้นที่นั่นในวันฉลองของนักบุญคัทรินซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. พระอาทิตย์จะขึ้นตรงข้างหลังพระแท่นของโบสถ์พอดี (มีโบสถ์น้อยของนักบุญคัทรินที่นาซาแร็ทด้วย และได้รับการดูแลจากอัศวินของนักบุญคัทริน)
 
เมื่อมีการแสวงบุญมากขึ้นในสมัยยุคกลางของยุโรป นักบวชคณะฟรังซิสกันได้รับอนุญาตจากพระสันตะปาปาและกษัตริย์ให้สร้างอารามขึ้นที่วัลซิงแฮม ในปี 1347 ทำให้มีนักบวชคณะนี้มาประจำอยู่ที่เมืองนี้
 
เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ไม่ได้รับอนุญาตจากพระสันตะปาปาให้ทำการหย่ากับพระมเหสีตามที่พระองค์ทรงต้องการ พระองค์จึงสั่งให้รื้อถอนอารามคณะฟรังซิสกันในปี 1538 และอาสนวิหารวัลซิงแฮมก็ถูกปิด “บ้านศักดิ์สิทธิ์” ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน พระรูปของแม่พระถูกนำไปกรุงลอนดอนเพื่อทำลาย กษัตริย์เฮนรี่ทำการกำจัดความศรัทธาของคาทอลิกจนหมดสิ้นประเทศอังกฤษ วัลซิงแฮมก็ยุติการเป็นสถานที่แสวงบุญอีกต่อไป ผู้ที่ศรัทธาต้องกระทำอย่างลับๆ จนกระทั่งได้มีกฤษฏีกาปลดปล่อยคาทอลิกในปี 1829 การแสดงความศรัทธาจึงสามารถกระทำได้อย่างเปิดเผย
 
ริชเชดิส สตรีผู้สูงศักดิ์ ผู้ซึ่งพระมารดามารีย์ทรงนำไปที่นาซาเร็ท เป็นหญิงหม้ายที่ร่ำรวย  ต่อมา อีก 900 ปีเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 1897 สตรีโสดอีกผู้หนึ่งที่มีฐานะร่ำรวยชื่อ ชาลอตต์ บอยด์ (Charlotte Boyd) ได้ซื้อโบสถ์น้อยรองเท้าแตะและทำการซ่อมแซมบูรณะ เธอได้สั่งทำรูปแกะสลักแม่พระและพระกุมารตามสัดส่วนของพระรูปดั้งเดิม ที่ถูกค้นพบในตราประทับของยุคกลางของวัลซิงแฮม ตรานี้ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์บริติช
 
มีการประกอบพิธีมิสซาครั้งแรกหลังจากการปฏิรูปในโบสถ์รองเท้าแตะเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 1934 และไม่กี่วันต่อมาพระคาร์ดินัลฟรังซิส บอร์น ได้นำผู้แสวงบุญประมาณ 10,000 คนมายังโบสถ์น้อยนี้และประกาศให้เป็นอาสนวิหารของแม่พระ
 
ทุกวันนี้วัลซิงแฮมมีอาสนวิหารของแม่พระอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งในอังกฤษ

*******************
 

คณะนักบวชฟรังซิสกันกลับไปทำงานที่อังกฤษอีกครั้ง
 
คณะนักบวชฟรังซิสกัน The Conventual Franciscans ซึ่งสวมใส่ชุดสีเทาจึงเรียกกันว่า Greyfriarsเป็นสาขาหนึ่งในคณะฟรังซิสกันที่ก่อตั้งโดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี นักบวชคณะนี้ได้สร้างบ้านพักขึ้นที่วัลซิงแฮมขึ้นมาใหม่ Greyfriars House in Walsingham
 
นักบวชได้กลับมาที่วัลซิงแฮมเป็นครั้งแรกหลังจากการปฏิรูป จึงเป็นสํญญาณของความหวังในการฟื้นฟูคณะขึ้นที่นี่ นักบวชคณะนี้มีความศรัทธาต่อพระมารดาของพระเจ้าเป็นอย่างมาก ในพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่ของคณะ พระสงฆ์ใหม่จะทำสัตย์สาบานอุทิศตนเอง ชีวิต และการทำงานอภิบาลด้วยความรักเพื่อปกป้องแม่พระ แล้วบรรดาเด็กนักเรียนก็จะร้องเพลงประสานเสียง Hail, Queen of Heaven นักบวชจะมีชื่อแม่พระต่อท้ายชื่อของตนด้วย อย่างเช่น Fr Gerard Mary ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่บวชองค์ล่าสุด

*********************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น