นักบุญบริจิตมีฐานะเป็นป้าของกษัตริย์แห่งสวีเดน ถึงแม้พระองค์จะแต่งงานกับเจ้าหญิงชาวฝรั่งเศสแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงใช้ชีวิตที่น่าเศร้าหมองของการรักร่วมเพศ
นักบุญบริจิต ผู้ที่เวลานั้นได้แต่งงานและมีลูกหลายคน รู้สึกโกรธเคืองพระมหากษัตริย์มาก เธอได้ตำหนิพระองค์สำหรับการใช้ชีวิตรักร่วมเพศ แต่กษัตริย์กลับโต้ตอบด้วยการสั่งให้บรรดาข้าราชบริพารดูหมิ่นเธอ ซึ่งทำให้เธอต้องได้รับความอับอาย ในครั้งหนึ่งพวกเขาใช้ไหบรรจุของเสียเทใส่ศีรษะของเธอในเวลาที่เธออยู่ในท้องพระโรง
ในปีต่อมา ตอนนี้บริจิตเป็นแม่หม้ายแล้ว เธอได้เดินทางไปยังกรุงโรม และได้ก่อตั้งคณะนักบวชขึ้นในปีค.ศ, 1350 (พ.ศ. 2493) ในปีหนึ่งที่ถูกประกาศให้เป็นปีศักดิ์สิทธิ์ บริจิตจัดให้มีการแสวงบุญไปยังโรมทั้งๆที่เวลานั้นเกิดภัยพิบัติโรคระบาดในทวีปยุโรป (การไปแสวงบุญเพื่อรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์) มีผู้ร่วมแสวงบุญคือลูกสาวของเธอ คัทริน และพระสงฆ์กลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง การแสวงบุญครั้งนี้มีจุดประสงค์ส่วนหนึ่งเพื่อขอรับการรับรองจากสมเด็จพระสันตะปาปาสำหรับการตั้งคณะใหม่ "คณะบริจิตติน"(Bridgettine Order) และจุดประสงค์อีกส่วนหนึ่งคือการปฏิบัติภารกิจของเธอเองเพื่อยกระดับศีลธรรมของยุคสมัยนั้น นี่คือยุคสมัยที่พระสันตะปาปาต้องไปประทับอยู่ที่อาวิยองในฝรั่งเศส เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของความวุ่นวายในพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก อย่างไรก็ดี เธอก็ต้องรอให้พระสันตะปาปาเสด็จกลับมาที่โรมเสียก่อนจึงจะสามารถทูลขอการรับรองได้ การเสด็จกลับของพระสันตะปาปามาประทับที่โรมเป็นภารกิจที่เธอพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นเวลานานหลายปี
จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1370 สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 5 ในระหว่างที่พระองค์พยายามดำเนินการให้พระสันตะปาปาสามารถมาประทับประจำอยู่ในกรุงโรมอีกครั้ง พระองค์ได้ทรงรับรองพระวินัยของคณะที่นักบุญบริจิตก่อตั้ง แต่ในขณะเดียวกันนักบุญบริจิตก็ต้องทำให้เธอเป็นที่รักอย่างกว้างขวางในกรุงโรมด้วยความเมตตาและผลงานที่ดีของเธอ
******************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น