คุณพ่อ ลีโอนิด ในคณะพระมหาไถ่ (Priest Leonid, Redemptorist) จากยูเครน ได้มาเข้าร่วมการประชุมสัมมนาสำหรับพระสงฆ์ครั้งที่ 15 ที่เมดจูกอเรจ์ และท่านได้เล่าสิ่งที่ท่านประสบให้แก่เราและแก่สถานีวิทยุ Radio Station Mir Medjugorje เราได้ลงเรื่องราวที่ท่านเล่าไว้ดังนี้.
*****************
การมาแสวงบุญที่เมดจูกอเรจ์ครั้งแรกของผมนับว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ เป็นสิทธิพิเศษในกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ของผม ในปี 2005 พระศาสนจักรท้องถิ่นแห่งยูเครนได้มอบหมายภารกิจแก่ผมพร้อมด้วยความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วย โดยให้ผมรับภาระในการเป็นพระสงฆ์ผู้ให้บริการในการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจ ในเดือนแรกและปีแรกๆนั้นผมประสบกับพระหรรษทานและความรักของพระเจ้า แต่ก็มีความยากลำบากและการประจญอีกด้วย หนึ่งในกรณีที่ยากที่สุดเกิดขึ้นในระหว่างการประกอบพิธีต่อบุคคลหนึ่งที่ถูกผีสิง บุคคลนั้นพูดกับผมด้วยเสียงดังห้าว พูดอย่างน่ากลัวว่า “ข้าคือผู้ทรงอำนาจ ข้าคือผู้น่าสะพรึงกลัว ข้าจะทำลายแก ข้าจะทำลายสถานะพระสงฆ์ของแกและชีวิตทั้งหมดของแก” ถึงแม้มันจะน่ากลัว แต่ผมก็ยังไม่ใส่ใจนัก เพราะผมเชื่อมั่นในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมและผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องสงสัยในเรื่องนี้ ผมยังรู้ว่าถ้าผมแสดงความกลัวต่อหน้าเจ้าซาตาน มันจะเหมือนกับผมสูญเสียอะไรบางอย่างไป แต่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดเหตุการณ์นี้ และผมกำลังจะเล่าให้พวกคุณรู้ถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแม่พระ และเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินเมดจูกอเรจ์นี้
เมื่อเวลาใดที่ผมรู้สึกเจ็บปวด เมื่อผมมีความทุกข์ใจและเมื่อผมถูกประจญในแต่ละวัน ผมจะไม่สามารถสวดภาวนาได้เลย ผมจะไปสารภาพบาปทุกวัน แต่ซาตานประจญผมตลอดเวลา การประจญนั้นรุนแรงมากจนผมสูญเสียสันติในจิตวิญญาณของผมอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เท่านั้น ผมยังรู้สึกว่าได้สูญเสียสถานภาพพระสงฆ์ของผมในกระแสเรียกของผมด้วย ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมถูกทำลายจนย่อยยับ ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ ที่ผมไม่รู้ตัวว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม มีบางคนได้ยื่นข้อเสนอให้ผมไปที่เมดจูกอเรจ์
และผมก็ได้มาที่เมดจูกอเรจ์ ผมมาพร้อมกับกลุ่มพระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง ผมยังคงไม่สามารถสวดภาวนาได้เลย แม้แต่เมื่อเวลาที่พระสงฆ์ทุกคนสวดภาวนาพร้อมกัน ในระหว่างการแสวงบุญครั้งนี้ ผมได้พบกับพระสงฆ์อีกท่านหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม คือคุณพ่อ อัมโบรซีอัส จากสโลวาเกีย ท่านได้อุทิศชีวิตทั้งหมดและกระแสเรียกของท่านในการทำงานเพื่อประชาชนยูเครนในบริเวณ Carpatho ท่านเดินทางมาถึงแม้จะมีอาการหัวใจกำเริบและยังเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย ท่านเป็นพระสงฆ์ในคณะฟรังซิสกัน และเคยมาที่เมดจูกอเรจ์ห้าครั้งแล้ว ผมรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากในชีวิตแห่งความสุภาพถ่อมตนของท่าน คุณพ่ออัมโบรซีอัสได้กลายมาเป็นมิตรสหายของผม ผมคอยช่วยหลือท่าน คอยพยุงท่านเพราะท่านมีอายุมากแล้ว
ดูเหมือนผมกำลังช่วยเหลือท่านอยู่ แต่ความจริงแล้วมันกลับกัน เราเคยเดินขึ้นไปบนเขาแห่งการประจักษ์ด้วยกันพร้อมกับผู้เห็นแม่พระผู้หนึ่ง มีผู้คนมากมายรวมทั้งพระสงฆ์ ผมนั่งลงข้างๆคุณพ่ออัมโบรซีอัสและนั่งหันหลังให้กับสถานที่มีการประจักษ์ ผมรู้สึกตัวว่าไม่มีค่าที่ได้มาอยู่ในสถานที่นี้เลย แต่ในช่วงเวลาที่มีการสวดสายประคำ ผมรู้สึกมีความปรารถนาที่จะมองดูไปที่ทิศทางนั้น(สถานที่มีการประจักษ์) เพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงภายในที่บอกผมไม่ให้มองดูที่นั่น
"แก ล้มเหลวแล้วและแกจะจบสิ้นในนรก" ผมได้ยินเสียงพูดแบบนั้น ผมกลัวมาก นั่นเป็นประสบการณ์แรก ความรู้สึกในทางบวกบอกให้ผมมองไปที่สถานที่มีการประจักษ์ ผมจึงเริ่มมองและพยายามแสวงหาหมายสำคัญบางอย่าง อย่างน้อยผมอาจจะได้เห็นอะไรบางอย่างบ้าง ความหวังบังเกิดขึ้นอย่างช้าๆในตัวผม แต่ความขัดแย้งใหม่ๆเกี่ยวกับความน่าอัปยศอดสูของผมนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง ในช่วงเวลานั้น ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น ในชั่วขณะนั้นเอง ผมรู้สึกได้ว่าแม่พระกำลังเสด็จลงมาจากสวรรค์มาสู่ที่แห่งนี้ มีความรู้สึกกลัวในช่วงเวลานั้น ผมรับรู้ถึงอำนาจอันทรงพลัง ได้กลิ่นหอมจากโลกอื่น ผมรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ และแล้ว ผมรู้สึกได้รับการปลอบประโลมใจจากความอ่อนโยน ได้รับการสัมผัสอย่างแผ่วเบา เหมือนลมหายใจอย่างอ่อนโยนของการปรากฏของแม่พระ พระแม่ทรงเข้ามาใกล้ผม และเมื่อพระแม่ใกล้ผมมากขึ้น อำนาจของปีศาจก็มลายหายไป
ในหัวใจของผม ผมได้รับประสบการณ์การเปิดเผยใหม่ ผมสามารถรู้ซึ้งถึงพลังอำนาจของการปรากฏมาของแม่พระว่ามากเพียงไร รู้ว่าพระแม่ช่างทรงถ่อมพระองค์มากสักเพียงไร แล้วนั้นผมก็ตระหนักว่า แม่พระมิได้ทรงขับไล่ปีศาจ แต่เป็นพวกมันที่หนีไปเอง พวกมันไม่สามารถทนต่อความบริสุทธิ์และความงามของแม่พระที่ทรงปรากฏอยู่ได้ พระแม่มิได้ทำให้พวกมันอัปยศหรือขับไล่พวกมันไป พระแม่เพียงแต่รักพวกมันและพวกมันก็ไม่อาจทนได้ และแล้ว จิตใจของผมก็เปลี่ยนไป จิตใจภายในของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
จิตของซาตานซึ่งเป็นจิตแห่งการทำลาย ได้มลายหายไปจากจิตใจของผมรวมทั้งความรู้สึกกดดันและความกลัวด้วย และแทนที่จิตเหล่านี้ จิตของแม่พระได้เข้ามาแทน ในหัวใจของผม ผมได้ยินเสียงหนึ่งพูดว่า “จงอย่ากลัว แม่เป็นแม่ของลูก แม่ขอรับรองกับลูกว่า ลูกจะไม่ถูกทำลาย ลูกจะไม่ล้มเหลว” ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ประสบการณ์นั้น การปรากฏมาของแม่พระได้กลายเป็นอัศจรรย์แห่งความรักที่ได้ช่วยชีวิตของผม ช่วยกระแสเรียกของผม ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงการปรากฏอยู่ของแม่พระในการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจทุกครั้ง ผมจะขอเล่าให้คุณฟังบางเรื่อง เพราะมีหลายเรื่องที่มีลักษณะคล้ายๆกัน
ครั้งหนึ่งพระสงฆ์ของเรากำลังต่อสู้กับปีศาจที่สิงในเด็กหญิงคนหนึ่งที่มาสารภาพบาปต่อพระสงฆ์หนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากการไปศึกษาที่โรม และในขณะที่พระสงฆ์องค์นั้นกำลังสวดบทให้อภัยบาป บุคคลหนึ่ง หรือก็คือซาตานที่สิงในเด็กหญิงนั้นก็ตีอย่างแรงเข้าที่พระสงฆ์จนท่านล้มลง แล้วบุคคลเดียวกันนี้ก็เรียกพระสงฆ์อีกองค์หนึ่งด้วยเสียงแปลกๆ พระสงฆ์ท่านนั้นรู้สึกกลัวมากและเรียกหาผม เพียงไม่กี่วินาที เด็กหญิงที่ถูกซาตานเข้าสิงก็มาอยู่เบื้องหน้าผม ผมเริ่มสวดภาวนา ขณะที่ผมกำลังทำพิธีขับไล่ผี ผมรู้ว่ามีอาการบางอย่างเกิดขึ้น เด็กหญิงถูกผีเข้าสิงอย่างหนัก ผมจึงขอร้องให้ผู้มีความเชื่อห้าคนมาช่วยกันสวดภาวนา ขณะที่ผมสวดภาวนาด้วยบทสวดตามธรรมประเพณีสำหรับขับไล่ปีศาจ ซาตานก็หัวเราะ มันพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ มันเยาะเย้ยผมและหัวเราะเยาะผมตลอดเวลา แล้วนั้นผมก็เริ่มสวดบทวันทามารีย์ ผมรู้สึกเหนื่อยมากและเริ่มเครียดด้วย ผมรู้สึกว่าผมจำเป็นต้องหยุดสวด แต่เจ้าปีศาจร้ายยังไม่ยอมจากไป มันเป็นจิตร้ายของการล่อลวงให้ฆ่าตัวตาย ผมสวดหาแม่พระด้วยสุดจิตใจของผม
ผมเป็นเหมือนกับเด็กเล็กๆที่ร้องเรียกหาแม่ และมีเสียงกรีดร้องดังออกมาว่า “ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว แม่พระทรงอยู่ที่นี่ ข้าต้องไปแล้ว” แล้วจิตร้ายก็ออกจากเด็กหญิงไป ที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงเหตุการณ์เดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันนี้ ตลอดห้าปีที่ผมให้บริการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจ ผมมีประสบการณ์การถูกประจญและการทดลอง ผมเคยมีมาก่อนแล้วและก็จะมีอีกต่อไปในอนาคต แต่ผมไม่กลัว เพราะแม่พระทรงรักษาผมไว้ในดวงหทัยของพระนาง
ผมไม่สามารถขาดเมดจูกอเรจ์และเยรูซาเล็มได้เลย ผมต้องไปที่เมดจูกอเรจ์และเยรูซาเล็มทุกปี นี่เป็นความเชื่อของผม ที่แห่งนี้ทำให้ผมมีความเชื่อ มีพระพรและพระหรรษทาน ผมรู้สึกกตัญญูต่อพระเจ้าที่ทำให้ผมสามารถเป็นพยานยืนยันถึงพระหรรษทานของแม่พระในวิถีทางนี้ ผมก็เหมือนกับทุกคนที่อยากรักแม่พระให้มากขึ้น พระนางคือพระมารดาของพระเจ้า พระนางคือพระมารดาของพวกเราทุกคน
พระนางทรงรักลูกของพระนางทุกคน พระนางทรงจัดเตรียมสิ่งที่ลูกของพระนางวอนขอ ถ้าหากผมไม่ได้อยู่ในการปรากฏมาของพระนางในตอนนั้น ผมคงถูกทำลายไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงควรดำเนินชีวิตอยู่กับพระนางตลอดเวลา ผมมีความรู้สึกเป็นส่วนตัวว่า ให้ช่วยผู้อื่นมาที่เมดจูกอเรจ์ นำพวกเขาที่ได้รับความทุกข์ทางจิตใจให้มาที่นี่เพื่อได้รับการเยียวยารักษา
ในท้ายที่สุด คุณพ่อลีโอนิดได้อวยพรผู้ฟังทุกคน
*******************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น