วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

อำนาจของแม่พระเหนือซาตาน

 

คุณพ่อ ลีโอนิด ในคณะพระมหาไถ่ (Priest Leonid, Redemptorist) จากยูเครน ได้มาเข้าร่วมการประชุมสัมมนาสำหรับพระสงฆ์ครั้งที่ 15 ที่เมดจูกอเรจ์ และท่านได้เล่าสิ่งที่ท่านประสบให้แก่เราและแก่สถานีวิทยุ Radio Station Mir Medjugorje เราได้ลงเรื่องราวที่ท่านเล่าไว้ดังนี้.
*****************
 
การมาแสวงบุญที่เมดจูกอเรจ์ครั้งแรกของผมนับว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ เป็นสิทธิพิเศษในกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ของผม ในปี 2005 พระศาสนจักรท้องถิ่นแห่งยูเครนได้มอบหมายภารกิจแก่ผมพร้อมด้วยความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วย โดยให้ผมรับภาระในการเป็นพระสงฆ์ผู้ให้บริการในการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจ ในเดือนแรกและปีแรกๆนั้นผมประสบกับพระหรรษทานและความรักของพระเจ้า แต่ก็มีความยากลำบากและการประจญอีกด้วย หนึ่งในกรณีที่ยากที่สุดเกิดขึ้นในระหว่างการประกอบพิธีต่อบุคคลหนึ่งที่ถูกผีสิง บุคคลนั้นพูดกับผมด้วยเสียงดังห้าว พูดอย่างน่ากลัวว่า “ข้าคือผู้ทรงอำนาจ ข้าคือผู้น่าสะพรึงกลัว ข้าจะทำลายแก ข้าจะทำลายสถานะพระสงฆ์ของแกและชีวิตทั้งหมดของแก” ถึงแม้มันจะน่ากลัว แต่ผมก็ยังไม่ใส่ใจนัก เพราะผมเชื่อมั่นในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมและผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องสงสัยในเรื่องนี้ ผมยังรู้ว่าถ้าผมแสดงความกลัวต่อหน้าเจ้าซาตาน มันจะเหมือนกับผมสูญเสียอะไรบางอย่างไป แต่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดเหตุการณ์นี้ และผมกำลังจะเล่าให้พวกคุณรู้ถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแม่พระ และเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินเมดจูกอเรจ์นี้
 
เมื่อเวลาใดที่ผมรู้สึกเจ็บปวด เมื่อผมมีความทุกข์ใจและเมื่อผมถูกประจญในแต่ละวัน ผมจะไม่สามารถสวดภาวนาได้เลย ผมจะไปสารภาพบาปทุกวัน แต่ซาตานประจญผมตลอดเวลา การประจญนั้นรุนแรงมากจนผมสูญเสียสันติในจิตวิญญาณของผมอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เท่านั้น ผมยังรู้สึกว่าได้สูญเสียสถานภาพพระสงฆ์ของผมในกระแสเรียกของผมด้วย ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมถูกทำลายจนย่อยยับ ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ ที่ผมไม่รู้ตัวว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม มีบางคนได้ยื่นข้อเสนอให้ผมไปที่เมดจูกอเรจ์
 
และผมก็ได้มาที่เมดจูกอเรจ์ ผมมาพร้อมกับกลุ่มพระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง ผมยังคงไม่สามารถสวดภาวนาได้เลย แม้แต่เมื่อเวลาที่พระสงฆ์ทุกคนสวดภาวนาพร้อมกัน ในระหว่างการแสวงบุญครั้งนี้ ผมได้พบกับพระสงฆ์อีกท่านหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม คือคุณพ่อ อัมโบรซีอัส จากสโลวาเกีย ท่านได้อุทิศชีวิตทั้งหมดและกระแสเรียกของท่านในการทำงานเพื่อประชาชนยูเครนในบริเวณ Carpatho  ท่านเดินทางมาถึงแม้จะมีอาการหัวใจกำเริบและยังเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย ท่านเป็นพระสงฆ์ในคณะฟรังซิสกัน และเคยมาที่เมดจูกอเรจ์ห้าครั้งแล้ว  ผมรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากในชีวิตแห่งความสุภาพถ่อมตนของท่าน  คุณพ่ออัมโบรซีอัสได้กลายมาเป็นมิตรสหายของผม ผมคอยช่วยหลือท่าน คอยพยุงท่านเพราะท่านมีอายุมากแล้ว
 
ดูเหมือนผมกำลังช่วยเหลือท่านอยู่  แต่ความจริงแล้วมันกลับกัน  เราเคยเดินขึ้นไปบนเขาแห่งการประจักษ์ด้วยกันพร้อมกับผู้เห็นแม่พระผู้หนึ่ง   มีผู้คนมากมายรวมทั้งพระสงฆ์ ผมนั่งลงข้างๆคุณพ่ออัมโบรซีอัสและนั่งหันหลังให้กับสถานที่มีการประจักษ์  ผมรู้สึกตัวว่าไม่มีค่าที่ได้มาอยู่ในสถานที่นี้เลย แต่ในช่วงเวลาที่มีการสวดสายประคำ ผมรู้สึกมีความปรารถนาที่จะมองดูไปที่ทิศทางนั้น(สถานที่มีการประจักษ์) เพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงภายในที่บอกผมไม่ให้มองดูที่นั่น
 
 "แก ล้มเหลวแล้วและแกจะจบสิ้นในนรก" ผมได้ยินเสียงพูดแบบนั้น ผมกลัวมาก นั่นเป็นประสบการณ์แรก ความรู้สึกในทางบวกบอกให้ผมมองไปที่สถานที่มีการประจักษ์ ผมจึงเริ่มมองและพยายามแสวงหาหมายสำคัญบางอย่าง   อย่างน้อยผมอาจจะได้เห็นอะไรบางอย่างบ้าง   ความหวังบังเกิดขึ้นอย่างช้าๆในตัวผม  แต่ความขัดแย้งใหม่ๆเกี่ยวกับความน่าอัปยศอดสูของผมนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง ในช่วงเวลานั้น  ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น  ในชั่วขณะนั้นเอง  ผมรู้สึกได้ว่าแม่พระกำลังเสด็จลงมาจากสวรรค์มาสู่ที่แห่งนี้    มีความรู้สึกกลัวในช่วงเวลานั้น  ผมรับรู้ถึงอำนาจอันทรงพลัง   ได้กลิ่นหอมจากโลกอื่น   ผมรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้    และแล้ว ผมรู้สึกได้รับการปลอบประโลมใจจากความอ่อนโยน ได้รับการสัมผัสอย่างแผ่วเบา   เหมือนลมหายใจอย่างอ่อนโยนของการปรากฏของแม่พระ พระแม่ทรงเข้ามาใกล้ผม  และเมื่อพระแม่ใกล้ผมมากขึ้น  อำนาจของปีศาจก็มลายหายไป
 
ในหัวใจของผม   ผมได้รับประสบการณ์การเปิดเผยใหม่   ผมสามารถรู้ซึ้งถึงพลังอำนาจของการปรากฏมาของแม่พระว่ามากเพียงไร   รู้ว่าพระแม่ช่างทรงถ่อมพระองค์มากสักเพียงไร แล้วนั้นผมก็ตระหนักว่า   แม่พระมิได้ทรงขับไล่ปีศาจ   แต่เป็นพวกมันที่หนีไปเอง พวกมันไม่สามารถทนต่อความบริสุทธิ์และความงามของแม่พระที่ทรงปรากฏอยู่ได้ พระแม่มิได้ทำให้พวกมันอัปยศหรือขับไล่พวกมันไป   พระแม่เพียงแต่รักพวกมันและพวกมันก็ไม่อาจทนได้   และแล้ว  จิตใจของผมก็เปลี่ยนไป   จิตใจภายในของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
 
จิตของซาตานซึ่งเป็นจิตแห่งการทำลาย ได้มลายหายไปจากจิตใจของผมรวมทั้งความรู้สึกกดดันและความกลัวด้วย  และแทนที่จิตเหล่านี้   จิตของแม่พระได้เข้ามาแทน ในหัวใจของผม   ผมได้ยินเสียงหนึ่งพูดว่า “จงอย่ากลัว แม่เป็นแม่ของลูก แม่ขอรับรองกับลูกว่า ลูกจะไม่ถูกทำลาย ลูกจะไม่ล้มเหลว” ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ประสบการณ์นั้น การปรากฏมาของแม่พระได้กลายเป็นอัศจรรย์แห่งความรักที่ได้ช่วยชีวิตของผม ช่วยกระแสเรียกของผม ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงการปรากฏอยู่ของแม่พระในการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจทุกครั้ง ผมจะขอเล่าให้คุณฟังบางเรื่อง เพราะมีหลายเรื่องที่มีลักษณะคล้ายๆกัน 
 
ครั้งหนึ่งพระสงฆ์ของเรากำลังต่อสู้กับปีศาจที่สิงในเด็กหญิงคนหนึ่งที่มาสารภาพบาปต่อพระสงฆ์หนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากการไปศึกษาที่โรม    และในขณะที่พระสงฆ์องค์นั้นกำลังสวดบทให้อภัยบาป  บุคคลหนึ่ง หรือก็คือซาตานที่สิงในเด็กหญิงนั้นก็ตีอย่างแรงเข้าที่พระสงฆ์จนท่านล้มลง  แล้วบุคคลเดียวกันนี้ก็เรียกพระสงฆ์อีกองค์หนึ่งด้วยเสียงแปลกๆ พระสงฆ์ท่านนั้นรู้สึกกลัวมากและเรียกหาผม  เพียงไม่กี่วินาที เด็กหญิงที่ถูกซาตานเข้าสิงก็มาอยู่เบื้องหน้าผม   ผมเริ่มสวดภาวนา   ขณะที่ผมกำลังทำพิธีขับไล่ผี    ผมรู้ว่ามีอาการบางอย่างเกิดขึ้น   เด็กหญิงถูกผีเข้าสิงอย่างหนัก  ผมจึงขอร้องให้ผู้มีความเชื่อห้าคนมาช่วยกันสวดภาวนา   ขณะที่ผมสวดภาวนาด้วยบทสวดตามธรรมประเพณีสำหรับขับไล่ปีศาจ ซาตานก็หัวเราะ   มันพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ มันเยาะเย้ยผมและหัวเราะเยาะผมตลอดเวลา แล้วนั้นผมก็เริ่มสวดบทวันทามารีย์ ผมรู้สึกเหนื่อยมากและเริ่มเครียดด้วย ผมรู้สึกว่าผมจำเป็นต้องหยุดสวด แต่เจ้าปีศาจร้ายยังไม่ยอมจากไป มันเป็นจิตร้ายของการล่อลวงให้ฆ่าตัวตาย ผมสวดหาแม่พระด้วยสุดจิตใจของผม
 
ผมเป็นเหมือนกับเด็กเล็กๆที่ร้องเรียกหาแม่  และมีเสียงกรีดร้องดังออกมาว่า “ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว แม่พระทรงอยู่ที่นี่ ข้าต้องไปแล้ว” แล้วจิตร้ายก็ออกจากเด็กหญิงไป ที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงเหตุการณ์เดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันนี้   ตลอดห้าปีที่ผมให้บริการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจ  ผมมีประสบการณ์การถูกประจญและการทดลอง ผมเคยมีมาก่อนแล้วและก็จะมีอีกต่อไปในอนาคต แต่ผมไม่กลัว เพราะแม่พระทรงรักษาผมไว้ในดวงหทัยของพระนาง
 
ผมไม่สามารถขาดเมดจูกอเรจ์และเยรูซาเล็มได้เลย   ผมต้องไปที่เมดจูกอเรจ์และเยรูซาเล็มทุกปี นี่เป็นความเชื่อของผม ที่แห่งนี้ทำให้ผมมีความเชื่อ มีพระพรและพระหรรษทาน ผมรู้สึกกตัญญูต่อพระเจ้าที่ทำให้ผมสามารถเป็นพยานยืนยันถึงพระหรรษทานของแม่พระในวิถีทางนี้ ผมก็เหมือนกับทุกคนที่อยากรักแม่พระให้มากขึ้น พระนางคือพระมารดาของพระเจ้า พระนางคือพระมารดาของพวกเราทุกคน
 
พระนางทรงรักลูกของพระนางทุกคน พระนางทรงจัดเตรียมสิ่งที่ลูกของพระนางวอนขอ  ถ้าหากผมไม่ได้อยู่ในการปรากฏมาของพระนางในตอนนั้น    ผมคงถูกทำลายไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงควรดำเนินชีวิตอยู่กับพระนางตลอดเวลา   ผมมีความรู้สึกเป็นส่วนตัวว่า ให้ช่วยผู้อื่นมาที่เมดจูกอเรจ์ นำพวกเขาที่ได้รับความทุกข์ทางจิตใจให้มาที่นี่เพื่อได้รับการเยียวยารักษา
 
ในท้ายที่สุด คุณพ่อลีโอนิดได้อวยพรผู้ฟังทุกคน

*******************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น