วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ดร.กลอเรีย โปโล (ตอนที่ 3)


 
สวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์
คนในครอบครัวของฉันมักพูดวิจารณ์พระสงฆ์เสมอ  ตอนที่พวกเรายังเป็นเด็ก  คุณพ่อของฉันและทุกคนในบ้าน เคยพูดวิจารณ์พระสงฆ์ว่า “พระสงฆ์สุขสบายกว่าพวกเรา...  พวกเขาเป็นอย่างนั้น  พวกเขาเป็นอย่างนี้....” เราเคยพูดอย่างนี้บ่อยๆ

พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับฉันด้วยเสียงดังจนเกือบจะเป็นการตะโกนว่า  “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร  จึงทำตัวเป็นพระเจ้าและตัดสินคนของเรา?  พระสงฆ์เหล่านั้นเป็นมนุษย์  และเราได้ให้ความศักดิ์สิทธิ์แก่พวกท่านเพื่อประโยชน์ของชุมนุมชน  นี่เป็นสิ่งที่เรามอบให้เป็นพระพร  และชุมนุมชนนั้นต้องสวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์  รักท่านและสนับสนุนท่าน”   พวกคุณอาจจะรู้บ้างว่า  เมื่อพระสงฆ์หกล้ม  บรรดาคนในชุมชนนั้นต้องช่วยเหลือท่านในด้านความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน  ปีศาจเกลียดชังคริสตชนคาทอลิกยิ่งนัก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสงฆ์  มันเกลียดชังพระศาสนจักรของเรามาก  เพราะพระศาสนจักรมีพระสงฆ์ผู้ยอมอุทิศชีวิตของท่าน
ฉันขอพูดประโยคนี้ว่า  พวกคุณทุกคนรู้ว่าพระสงฆ์ก็คือมนุษย์ผู้อุทิศชีวิตของท่านเพื่อพระเยซูคริสตเจ้า  พระบิดานิรันดรทรงรับรองพวกท่าน  เพื่อที่ท่านจะได้ทำอัศจรรย์ในการเสกแผ่นปังให้กลายเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า  โดยอาศัยมือของพระสงฆ์  จึงได้มีพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าได้......และเพราะมือเหล่านี้เอง  ปีศาจจึงเกลียดพระสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง  มันน่ากลัวยิ่งนัก  ปีศาจเกลียดชังพวกเราคาทอลิกก็เพราะศีลมหาสนิทนี้เอง  เพราะศีลมหาสนิทเปิดประตูสวรรค์  และเป็นเพียงประตูเดียวเท่านั้นที่ไปสู่สวรรค์  ปราศจากศีลมหาสนิท  ไม่มีใครสามารถไปสวรรค์ได้  เมื่อคนใดโศกเศร้า  พระเป็นเจ้าทรงมาอยู่เคียงข้างเขาในศีลมหาสนิท  ด้วยความเชื่อของเขา  พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์และตรัสแก่เขาด้วยความรักและพระเมตตาว่า “เราเป็นพระเจ้าของลูก”  และเมื่อคนใดวอนขออภัยต่อพระองค์  มีบางสิ่งเกิดขึ้นที่ยากจะอธิบายได้   ในทันที,พระเยซูเจ้าทรงนำวิญญาณผู้นั้นไปยังโบสถ์ที่กำลังประกอบพิธีมิสซาในเวลานั้น  และให้เขาได้รับพระหรรษทานการอภัยบาปและรับศีลมหาสนิท  เป็นเวลาแห่งความลึกลับ เพราะผู้ที่รับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้าแล้วจึงจะสามารถเข้าสู่สวรรค์ได้   นี่เป็นเรื่องที่ลึกลับมาก  นี่เป็นพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ที่เรามีในพระศาสนจักรคาทอลิก  พระหรรษทานที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่พระศาสนจักรของเรา  และยังมีหลายคนที่ยังพูดร้ายแก่พระศาสนจักรอีก  โดยทางพระศาสนจักรนี่แหละที่พวกเขาได้รับความรอดและไปสู่ไฟชำระ  ที่นั่นพวกเขายังคงได้รับประโยชน์ต่อไปจากพระหรรษทานของศีลมหาสนิท  พวกเขาได้รับความรอดแล้ว  เพราะเหตุนี้  ปีศาจจึงเกลียดชังพระสงฆ์เป็นอย่างมาก  เพราะที่ไหนที่มีพระสงฆ์  ที่นั่นมีมือที่เสกปังและเหล้าองุ่น  ทำให้กลายเป็นพระพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าเพื่อพวกเรา ดังนั้นพวกเราต้องสวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์มากๆ  เพราะปีศาจมันโจมตีพระสงฆ์ตลอดเวลา

พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

ศีลศักดิ์สิทธิ์

โดยอาศัยพระสงฆ์เท่านั้นที่ทำให้พวกเราได้รับศีลแห่งการคืนดี  ยกตัวอย่าง  โดยทางพระสงฆ์เราได้รับการอภัยสำหรับความผิดบาปของเรา  พวกคุณรู้หรือไม่ว่าการสารภาพบาปคืออะไร?  มันคือ “การอาบน้ำให้แก่วิญญาณ”  ไม่ใช่ด้วยน้ำและสบู่  แต่ด้วยพระโลหิตของพระคริสตเจ้า  เมื่อวิญญาณของฉันสกปรก  ดำมืดไปด้วยบาป  ถ้าฉันไปสารภาพบาป  ฉันก็จะถูกชำระล้างในพระโลหิตของพระคริสต์  ยิ่งไปกว่านั้น  ฉันยังได้ทำลายเส้นลวดที่มัดฉันกับความชั่วด้วย  และนั่นไม่ใช่สาเหตุหรอกหรือที่ ปีศาจ เกลียดชังพระสงฆ์?  ผู้ที่มีบาปแม้จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด  ก็มีผู้ที่มีอำนาจที่ใหญ่กว่าสามารถลบล้างบาปนั้นได้  และพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นว่าทำได้อย่างไร  นั่นคือในพระรอยบาดแผลในดวงพระทัยของพระองค์....ใช่แล้ว
พวกคุณรู้ไหม  มีบางอย่างที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์  เพราะสิ่งนั้นเป็นความจริงฝ่ายจิต  เป็นความจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก....โดยพระรอยแผลของพระเยซูคริสตเจ้า  วิญญาณได้ถูกยกขึ้นสู่ระดับของความศักดิ์สิทธิ์  ระดับของพระเมตตา  ระดับของประตูแห่งพระเมตตา  วิญญาณถูกยกขึ้นสู่ดวงพระทัยของพระเยซูเจ้า  สงฆ์นิรันดร  และที่นั่น  พระเยซูเจ้าทรงวางไม้กางเขนของพระองค์  ทรงหลั่งพระโลหิตในสวรรค์นิรันดร....และวิญญาณก็กลับขาวสะอาด  ฉันเห็นวิญญาณของฉันกลับขาวสะอาดในการสารภาพบาป  และบาปทุกประการที่ฉันสารภาพ  พระเยซูเจ้าทรงทำลายเหล็กไนที่เชื่อมโยงฉันกับซาตาน (แต่โชคร้ายที่ฉันยังห่างไกลจากการสาร ภาพบาป)

....สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านทางพระสงฆ์ทั้งสิ้น  ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสวดภาวนาเพื่อพวกท่าน  เพื่อที่พระเป็นเจ้าจะทรงพิทักษ์รักษาป้องกันพวกท่าน  ประทานความสว่างแก่พวกท่าน และทรงนำทางพวกท่าน

ด้วยสาเหตุทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานี้  ปีศาจจึงเกลียดชังพระศาสนจักรและพระสงฆ์
ศีลแต่งงาน

ฉันอยากพูดถึงพระหรรษทานยิ่งใหญ่ของศีลแต่งงาน  เมื่อเราเข้าไปในโบสถ์ในวันที่เราแต่งงาน  ขณะที่เรากล่าวคำว่า “ค่ะ”  สัญญาว่าเราจะซื่อสัตย์ไปจนตลอดชีวิต  ไม่ว่าในยามทุกข์หรือยามสุข  ไม่ว่าสุขภาพดีหรือเจ็บป่วย ฯลฯ  พวกคุณรู้ไหมว่า คุณกำลังสัญญาอยู่กับใคร?  กับองค์พระเป็นเจ้า พระบิดา  พระเจ้านิรันดรของเราทรงเป็นพยานในการแต่งงานของเรา  เมื่อเรากล่าวคำเหล่านี้  แต่ละคน เมื่อเสียชีวิตไป  จะได้เห็นเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอนในหนังสือแห่งชีวิต  เราจะได้เห็นตัวอักษรบันทึกคำสัญญาของราเป็นแสงสว่างอร่ามรุ้งเป็นสีทองพร่างพราวตา  พระเป็นเจ้า  พระบิดาทรงจารึกคำสัญญาของเราไว้ในหนังสือแห่งชีวิตเป็นอักษรสีทอง  งดงามยิ่งนัก
และในขณะที่เรารับพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า  คู่แต่งงานได้ชิดสนิทกับพระเป็นเจ้าและชิดสนิทกับคู่ของเราที่เราได้เลือกที่จะแบ่งปันชีวิตให้แก่กันและกัน เมื่อเราประกาศคำเหล่านี้  เราได้กล่าวต่อองค์พระตรีเอกภาพพระผู้สูงสุด

ฉันได้เห็นภาพในวันแต่งงานของฉัน  เมื่อฉันและสามีรับศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์สูงสุด  เราไม่ได้เป็นสองอีกต่อไป  แต่เป็นสาม  นั่นคือ  เราสองคน  และพระเยซูเจ้า  ความจริงก็คือ  ทันทีที่เราติดต่อกับพระเยซูเจ้า  พระองค์ทรงรวมเราทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น  พระองค์ทรงวางเราไว้ในดวงพระทัยของพระองค์และเราก็กลายเป็นหนึ่ง  อยู่ในพระเยซูเจ้าและพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์  “มนุษย์อย่าได้แยกสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงรวมไว้”
ฉันขอถามพวกคุณว่า “ใครที่สามารถแยกความเป็นหนึ่งเดียวนี้ได้?”  พี่น้องที่รัก  ไม่มีใครสามารถแยกได้  ไม่มีใครเลย  หลังจากศีลแต่งงานได้รวมคู่แต่งงานแล้ว  และทั้งคู่มีความบริสุทธิ์ก่อนแต่ง  พระพรที่พระเป็นเจ้าทรงหลั่งมาให้จากศีลแต่งงานนั้นมากมายมหาศาลซึ่งคุณไม่อาจจินตนาการได้ 

ฉันได้เห็นศีลแต่งงานของพ่อแม่ของฉัน  เมื่อคุณพ่อสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วของคุณแม่  และพระสงฆ์ประกาศว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน พระเป็นเจ้าทรงรับรองการแต่งงานด้วยแสงสว่างพิเศษ  คือพระพรที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ผู้ชาย  เป็นพระพรจากพระฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าพระบิดา  เพื่อที่ชายผู้นี้จะสามารถนำทางฝูงแกะน้อยๆนี้ซึ่งก็คือบรรดาลูกของเขาซึ่งจะเกิดขึ้นจากศีลแต่งงาน  และเป็นการปกป้องศีลแต่งงานและลูกของเขาจากความชั่วร้ายมากมายที่จะมาโจมตีครอบครัว 
สำหรับคุณแม่  พระเป็นเจ้าพระบิดาทรงวางบางอย่างไว้บนหัวใจของท่านซึ่งดูคล้ายกับลูกไฟกลม  ซึ่งสวยงามอย่างยิ่ง  มันเป็นความรักของพระเป็นเจ้า  คือองค์พระจิตเจ้า  ฉันรู้ว่าคุณแม่ของฉันเป็นคนบริสุทธิ์มาก  พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยและชื่นชมยินดี  คุณรู้ไหมว่าในขณะ นั้นมีจิตสกปรกมากมายพยายามมายึดคุณพ่อของฉัน  จิตเหล่านี้เหมือนกับหนอนดูดเลือด  คุณรู้ไหมว่าเมื่อมีบางคนที่ไปมีความสัมพันธ์นอกการแต่งงาน  จิตชั่วร้ายจะพยายามโจมตีพวกเขาทันทีในทุกๆด้าน  มันเริ่มต้นที่อวัยวะเพศ  เนื้อหนัง  ฮอร์โมน  สมอง  ต่อมพิจูทารี(ต่อมใต้สมอง) และประสาทสัมผัสทุกส่วนในบุคคลผู้นั้น  และมันเริ่มต้นทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนมากๆเพื่อทำให้จิตสำนึกตกต่ำลง  มันเปลี่ยนแปลงบุตรของพระเจ้าให้กลายเป็นทาสของเนื้อหนังมังสา  เป็นทาสของสัญชาติญาณของเขาเอง  ของความต้องการทางเพศ  ทำให้บุคคลผู้นั้นใช้ชีวิตอย่างที่พูดกันว่า  หาความสุขให้กับชีวิต

แต่เมื่อคู่แต่งงานเป็นผู้บริสุทธิ์  นั่นเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระเป็นเจ้า  ความศักดิ์สิทธิ์บังเกิดขึ้นโดยพระองค์ผู้ทรงทำให้เพศเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  อันที่จริงเรื่องทางเพศไม่ได้เป็นบาป  พระเป็นเจ้าประทานให้เป็นพระพรอย่างหนึ่ง  เพราะเรื่องเกี่ยวกับเพศนั้นคือพระเป็นเจ้าและคู่แต่งงาน  ในที่ซึ่งมีศีลแต่งงานร่วมอยู่ด้วย ที่นั่นมีพระจิตเจ้า  แม้แต่ในขณะที่มีพิธีเลี้ยง  พระเป็นเจ้าก็ทรงปรากฏอยู่ทรงอวยพระพรแก่อาหาร   พระเป็นเจ้าทรงปิติยินดีก่อนการแต่งงาน  พระองค์ทรงพอพระทัยที่มีส่วนร่วมกับคู่แต่งงานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา คู่แต่งงานและพระเยซูเจ้าทรงก่อให้เกิดเป็นตรีเอกภาพขึ้น  โชคไม่ดีที่คู่แต่งงานหลายคู่ไม่ทราบเรื่องนี้  พวกเขาไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้......และพวกเขาอาจไม่คิดถึงพระเป็นเจ้า  พวกเขาคิดว่าการแต่งงานเป็นเพียงพิธีอย่างหนึ่งเท่านั้นโดยหาได้มีความเชื่อไม่.....พวกเขาคิดแต่เพียงว่าจะออกจากโบสถ์และไปงานเลี้ยงกัน เพื่อกินและดื่ม และไปฮันนีมูน.....จำไว้ว่าสิ่งนี้ยังไม่ได้เป็นความชั่ว  ความชั่วจะเกิดขึ้นเมื่อเราออกห่างจากพระเป็นเจ้า  เช่นเดียวกับที่ฉันได้กระทำ  ฉันละทิ้งพระเป็นเจ้าออกไปที่ท้องถนน  และไม่คิดจะนำพระองค์มาอยู่ในชีวิตใหม่ของฉัน ในบ้านใหม่ของฉัน  พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะมีส่วนร่วมกับเราในทุกสถานการณ์และอยู่กับเราตลอดกาลนาน  ไม่ว่าในยามทุกข์หรือยามสุข  พระองค์ปรารถนาให้เรารู้สึกว่าพระองค์ทรงปรากฏอยู่ที่นั่นด้วย....แน่นอนว่าในศีลแต่งงาน  พระองค์ทรงปรากฏอยู่แม้จะไม่ได้รับเชิญ...แต่จะเป็นสิ่งประเสริฐสักเพียงไรถ้าหากพวกเราจะตระหนักถึงการปรากฏอยู่ของพระองค์ดังที่กล่าวมาแล้วนี้
สิ่งประเสริฐอีกอย่างหนึ่งในพิธีศีลแต่งงานของพ่อแม่ของฉันก็คือ  พระเป็นเจ้าทรงประทานพระพรและพระหรรษทานที่คุณพ่อของฉันได้สูญเสียไปให้กลับคืนมาใหม่  เพราะท่านแต่ง งานกับคุณแม่ของฉันซึ่งเป็นผู้ที่บริสุทธิ์มาก  ฉันมองดูพ่อของฉัน  เห็นความประพฤติที่เกี่ยว กับทางเพศของท่านซึ่งไม่ดีเลย  แต่เพราะท่านถือว่าตัวเองเป็น”ลูกผู้ชาย”  และมิตรสหายของท่านได้วางยาพิษท่าน (แนะนำสิ่งไม่ดีให้)  โดยบอกว่าอย่าให้ภรรยาเป็นใหญ่ในครอบครัว  ควรใช้ชีวิตเหมือนก่อนแต่งงาน  ดังนั้นหลังจากแต่งงานสองสัปดาห์  ท่านไปที่ทำงานแห่งหนึ่ง  และอวดเพื่อนๆว่าท่านเป็นใหญ่กว่าภรรยา....

พวกคุณรู้ไหม  พระหรรษทานและอำนาจที่พระเป็นเจ้าประทานให้ท่านก็ได้สูญหายไป  ปีศาจได้นำมันไปจากท่าน  และเจ้าจิตสกปรกพวกนั้นก็กลับมาหาท่าน  จากการเป็นผู้ดูแลฝูงแกะของท่าน  คุณพ่อได้กลายเป็นหมาป่าในครอบครัวของท่าน...ในบ้านของท่านเอง
เมื่อใครก็ตามไม่ซี่อสัตย์ต่อการแต่งงานของเขา  เขาก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้า  เขาได้ผิดคำสาบานของเขาที่กระทำต่อพระเป็นเจ้าและต่อผู้ที่เขาแต่งงานด้วยในวันแต่งงาน  ใครที่คิดว่าจะไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่แต่งงานของตนแล้ว  จงอย่าแต่งงานเลย  พระเป็นเจ้าทรงบอกแก่เราว่า “ถ้าเจ้าไม่ซื่อสัตย์  เจ้าได้สาปแช่งตัวเจ้าเอง  ถ้าเจ้าจะไม่ซื่อสัตย์  ก็จงอย่าแต่งงาน  ลูกชาย  ลูกสาว  จงวอนขอต่อเราซึ่งพระหรรษทานที่จะซื่อสัตย์ต่อภรรยาของเจ้า  ต่อสามีของเจ้า  และต่อพระเจ้าของเจ้าเถิด”

ความชั่วร้ายมากมายเท่าไรที่จะมาสู่การแต่งงาน  อันเนื่องมาจากความไม่ซื่อสัตย์  ตัวอย่างเช่น  สามีซึ่งไปที่ทำงาน  และไม่ซื่อสัตย์กับเลขานุการ  โดยเขาไม่ระวังตัวเอง  ทำให้เขาได้ติดเชื้อไวรัสจากเลขานุการ  ถึงแม้จะชำระล้างตัวเองหลังจากนั้น  เชื้อไวรัสก็ยังไม่ตาย....ดังนั้นเมื่อเขาไปมีความสัมพันธ์กับภรรยาตนเอง  เชื้อไวรัสก็เข้าสู่ภรรยาของตนด้วย  โดยภรรยาของตนไม่ทราบ  เมื่อภรรยารู้สึกตัวก็ต่อเมื่อเชื้อโรคลุกลามมากแล้วในปีต่อมา  ซึ่งตรวจพบได้ในเวลาที่ไปพบแพทย์  และแพทย์แจ้งให้ทราบว่าเธอเป็นมะเร็ง  ใช่แล้ว  มะเร็ง  ใครล่ะที่บอกว่าการเป็นชู้สาวไม่ฆ่าใคร?  ร้ายกว่านั้น  การทำแท้งเกิดขึ้นมากสักเท่าไรอันมีสาเหตุจากการเป็นชู้สาว?  ภรรยาที่ต้องทำแท้งเพราะสามีนอกใจ  มีจำนวนมากมายนัก  พวกเธอต้องฆ่าทารกผู้บริสุทธิ์ที่ไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือป้องกันตัวเอง  การนอกใจได้ฆ่าคนมากมาย  เรายังจะกล้าที่จะเดินขบวนเรียกร้องให้ทำแท้งอย่างถูกกฏหมายได้หรือ? มันเป็นการแข็งขืนต่อพระเป็นเจ้า  เมื่อเกิดเรื่องขึ้น  เมื่อมีปัญหา  เมื่อล้มเจ็บลง  เป็นสิ่งที่เราสมควรได้รับเพราะบาปของเราเองมิใช่หรือ?  เบื้องหลังบาปมีปีศาจชั่วร้ายอยู่เสมอ  เราได้เปิดประตูให้กับมัน  แล้วเรายังคงต่อว่าพระเจ้าว่าไม่ทรงรักเรา  พระเจ้าอยู่ที่ไหน  ทำไมจึงทำให้เกิดสิ่งนี้  สิ่งนั้น?  เราเป็นบ้าไปหรืออย่างไร?  จงรู้เถิดว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นศิลาที่ปกป้องการแต่งงาน  วิบัติแก่ผู้ที่พยายามทำลายศีลแต่งงาน  เมื่อใครที่พยายามทำลาย  เขาจะชนเข้ากับศิลานี้คือพระเยซูเจ้า  พระเป็นเจ้าทรงต่อสู้ป้องกันศีลแต่งงาน  อย่าได้สงสัยเลย 

ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ  เรื่องของแม่ผัวกับลูกสะใภ้ หรือ แม่ยายกับลูกเขย  ที่ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างพวกเขา  สิ่งที่เราควรทำคือสวดภาวนาให้กันและกัน  และอย่าไปใส่ใจหรือเคืองโกรธกัน
เคารพเชื่อฟังบิดามารดา

พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง.....ฉันกำลังจะเล่าให้คุณฟังถึงความอกตัญญูของฉันต่อพ่อแม่ของฉัน  ฉันรู้สึกละอายใจต่อพวกท่านเหลือเกิน  ฉันพูดไม่ดีกับพวกท่านและไม่ยอมรับพวกท่านเพียงเพราะท่านยากจนและไม่สามารถให้ทุกสิ่งแก่ฉันเหมือนกับเพื่อนๆที่ร่ำรวยของฉันได้รับจากพ่อแม่ของเขา  ฉันช่างเป็นลูกที่อกตัญญูเสียนี่กระไร  จนถึงกับเคยพูดว่า    ท่านไม่ใช่แม่ของฉัน  เพราะท่านมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน  ผู้หญิงที่ไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้านั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก  เธอทำลายทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว   นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่แย่มาก  นั่นก็คือฉันยังคงรู้สึกว่า   ฉันเป็นคนดี
ฉันคิดว่าฉันได้ปฏิบัติตามบัญญัติประการที่ 4 นี้เป็นอย่างดีแล้ว  เพราะฉันได้ใช้จ่ายเงินเพื่อท่านมากมายในตอนที่ท่านเจ็บป่วย  เพราะก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตนั้นท่านล้มป่วยอาการหนักมาก  สามีของฉันเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วฉันยังพูดอีกว่า “ดูสองคนนี้สิ พวกเขาไม่ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติอะไรไว้ให้ลูกๆเลย  แต่ลูกยังต้องจ่ายเงินทองเป็นค่ารักษาให้อีก  พ่อแม่ของเพื่อนๆ ยังจากไปดีกว่าและ.....”  พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็น ถึงการที่ฉันตัดสินทุกอย่างด้วยเงินทอง  เพราะฉันทำเช่นนี้แม้แต่พ่อแม่ของฉันเอง  ในเวลาที่ฉันมีเงินและอำนาจอยู่แล้ว  ฉันก็ยังคิดจะหาประโยชน์จากพวกท่านอีก

ด้วยเงินทองที่มีอยู่  ฉันทำตัวเป็นพระเจ้า  และฉันดูถูกแม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง  พวกคุณทราบไหมว่าอะไรทำให้ฉันเศร้าเสียใจมากที่สุด?....ก็คือการเห็นพวกท่านอยู่ที่นั่น......คุณพ่อของฉันกำลังร้องไห้  ท่านเป็นพ่อที่ดี  ท่านสอนลูกให้รู้จักทำงาน  รู้จักต่อสู้ชีวิต  ให้เข้ากับคนอื่น  ให้รู้จักรับผิดชอบ  เพราะคนที่ทำงานจึงจะก้าวหน้า.....แต่ฉันลืมสิ่งที่ท่านสอนซึ่งสำคัญที่สุด  นั่นคือ ฉันมีจิตวิญญาณ  และท่านรู้ว่าท่านต้องเป็นประกาศกของฉัน  ด้วยการเป็นพยานและด้วยแบบอย่างที่ดี   แต่ท่านหาได้ทำอย่างดีไม่   เวลานี้ท่านเห็นฉันกำลังจมดิ่งลง  ท่านเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง  ท่านรู้สึกรับผิดชอบต่อพระเป็นเจ้า  ท่านเคยพูดโอ้อวดกับคุณแม่และทุกคนว่า ท่านเป็น “ลูกผู้ชาย” เต็มตัว  เพราะมีผู้หญิงหลายคนมาติดพันท่าน  ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังเคยดื่มสุราและสูบหรี่  ท่านเป็นคนดีเหมือนกัน  แต่ก็มีข้อเสียด้วยซึ่งท่านไม่รู้ตัวเองและยังคิดว่าสิ่งนั้นเป็นความดีอย่างหนึ่ง  ท่านยังภูมิใจด้วยซ้ำ  ในตอนที่ฉันเป็นเด็กเล็กๆและเห็นแม่ของฉันร้องไห้เมื่อคุณพ่อพูดถึงผู้หญิงคนอื่น  ฉันรู้สึกโกรธฝังใจ  ความฝังใจนั้นทำให้จิตวิญญาณของฉันตายไป  ฉันรู้สึกโกรธจัดเมื่อเห็นคุณพ่อเยาะเย้ยคุณแม่ต่อหน้าคนอื่น  ท่านทำให้คุณแม่ต้องเสียน้ำตาไปมากมายทีเดียว...ส่วนคุณแม่นิ่งเงียบไม่พูดเลยสักคำเดียว  ทำให้ฉันเริ่มต้นเป็นกบฏต่อครอบครัว

เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น  ฉันเคยพูดกับแม่ว่า “ฉันจะไม่ทำเหมือนคุณแม่   คุณแม่ทำให้ศักดิ์ศรีของผู้หญิงถูกเหยียบย่ำ  ทำให้ผู้หญิงไร้ค่า  ความผิดทั้งหมดมาจากผู้หญิงอย่างคุณแม่นี่แหละ  สูญเสียศักดิ์ศรี สูญเสียความภูมิใจ  ได้รับการดูถูกจากผู้ชาย”  ส่วนคุณพ่อของฉัน  ฉันเคยพูดกับท่านว่า “คุณพ่อ  ฟังดีๆนะ  ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายมาทำกับฉันเหมือนที่คุณพ่อทำกับคุณแม่หรอก  ถ้าวันใดผู้ชายไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน  ฉันจะไม่ยอม  ฉันจะทำเช่นเดียวกันนั้นบ้าง  เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้”  คุณพ่อตะโกนใส่ฉันว่า “แกกล้าดีอย่างไร  เจ้าเด็กน้อย?”  ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจึงมีอคติมากเช่นนั้น ฉันตอบท่านว่า “โอเค  คุณพ่อจะตีฉันก็ได้....แต่ถ้าวันไหนฉันแต่งงาน  และสามีหลอกลวงฉัน  ฉันจะไม่ยอม  ฉันจะตอบแทนเขาด้วยการกระทำแบบเดียวกัน  ผู้ชายจะได้รู้และเข้าใจและมีประสบการณ์ว่าผู้หญิงเป็นทุกข์มากแค่ไหน  เมื่อผู้ชายดูถูกและเยาะเย้ยเธอแบบนั้น”  ฉันพกพาความเกลียดและความฝังใจเอาไว้ในใจ  สิ่งนี้ทำให้ฉันเป็นกบฏ  ฉันคิดที่จะกระทำสิ่งที่เป็นการปกป้องผู้หญิง  ฉันสนับสนุนการทำแท้ง  การหย่าร้าง  การทำการุณยฆาต  และฉันแนะนำผู้หญิงทุกคนที่รู้จักว่า  อย่ายอมผู้ชายถ้าเขาหลอกลวงเธอ  ตัวฉันเองไม่เคยทำเช่นนั้น  แต่ฉันทำร้ายผู้คนมากมายด้วยการให้คำแนะนำเช่นนั้น
เมื่อฉันมีฐานะที่ดีขึ้น  ฉันเริ่มบอกกับแม่ว่า “คุณแม่  แยกตัวจากพ่อเถอะ  เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้  รู้จักมีศักดิ์ศรีให้คุณค่ากับตัวเองบ้างนะแม่”  แต่ถึงแม้คุณพ่อจะเป็นแบบนั้น  แต่ฉันก็ยังชอบท่าน  ฉันรักท่านถึงแม้ท่านจะเป็นแบบนั้น?  เพราะคุณแม่ท่านเป็นคนดีจริงๆ  ท่านไม่เคยสอนลูกให้เกลียดพ่อหรือเกลียดคนอื่นเลย.....ส่วนฉัน  คิดดูเถอะ  ฉันต้องการให้พ่อแม่หย่ากัน  แต่คุณแม่บอกว่า “ไม่  แม่ไม่ทำ  เป็นความจริงที่แม่เป็นทุกข์  แต่แม่พร้อมที่จะเสียสละเพื่อลูก  พ่อของลูกเป็นคนดี  แม่ไม่สามารถแยกไปอยู่คนเดียวและทำให้ลูกขาดพ่อได้หรอก  และถ้าแม่แยกไปแล้วใครจะสวดภาวนาให้พ่อเพื่อที่เขาจะได้รับความรอดล่ะ?  มีแต่แม่ที่จะวิงวอนขอต่อพระเป็นเจ้าเพื่อคุณพ่อ  ความจริงความทุกข์และความเจ็บปวดที่คุณพ่อทำกับแม่นั้น  แม่ได้ถวายสิ่งเหล่านั้นเข้ากับความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน  ทุกวันแม่จะไปที่โบสถ์ เมื่ออยู่เบื้องหน้าพระแท่นแม่จะสวดภาวนาว่า “พระเยซูเจ้า  ลูกขอถวายความเจ็บปวดนี้เข้ากับพระมหาทรมานของพระองค์  เพื่อที่สามีและลูกๆจะได้รับความรอด”  แม่ได้มอบพ่อของลูกให้แก่พระเยซูเจ้า  และสวดสายประคำ  ปีศาจดึงพ่อให้ตกต่ำลงด้วยบาป  แต่แม่ดึงพ่อกลับขึ้นมาด้วยสายประคำ  แม่ดึงพ่อขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าพระแท่นและแม่พูดว่า “พระเยซูเจ้าข้า  เขาอยู่ที่นี่แล้ว  ลูกเชื่อมั่นว่าพระองค์จะไม่ให้ลูกสิ้นใจก่อนที่จะได้เห็นเขากลับใจ  พระเยซูเจ้าข้า  ลูกไม่ได้สวดภาวนาเพื่อสามีของลูกเท่านั้น  แต่สวดภาวนาเพื่อผู้หญิงอื่นๆซึ่งอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลูกด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงที่ไม่คุกเข่าวอนขอต่อพระองค์เพื่อสามีของเขาและลูกๆของเขา  แต่กลับไปพึ่งพาไสยศาสตร์หรือหมอดูหรือสิ่งอื่นๆซึ่งเป็นสิ่งหลอกลวง  อันเป็นการนำครอบครัวของเขาให้ไปสู่อุ้งมือของปีศาจ  พระเยซูเจ้าข้า  ลูกสวดภาวนาสำหรับผู้หญิงเหล่านี้และครอบครัวเหล่านี้”

และแปดปีก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิต  คุณพ่อของฉันได้กลับใจ  ท่านสำนึกผิดและวอนขออภัยโทษต่อพระเป็นเจ้า  และพระเยซูเจ้าทรงอภัยให้ท่าน  ท่านได้ไปอยู่ในไฟชำระส่วนที่ลึกที่สุด  ทนทรมานแสนสาหัสเพื่อชดใช้โทษบาปของท่าน  การใช้โทษบาปเป็นเรื่องที่พวกเราไม่ค่อยตระหนักอย่างจริงจังเท่าไรนัก  เราไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนี้  พระเยซูเจ้าทรงประทานพระหรรษทานในการชดใช้โทษในบาปความผิดของเราโดยผ่านทางศีลมหาสนิท  ทุกๆครั้งที่เราไปร่วมพิธีมิสซา  พระเป็นเจ้าจะทรงแสดงให้พวกเราเห็นหลังจากที่เราเสียชีวิต  บาปต่างๆของเรา  ความชั่วที่เราทำต่อเพื่อนมนุษย์  แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย  คำพูดที่ไม่ดี.....ถ้าหากเราได้เห็นความน่ากลัวของโทษของบาปที่เราทำ  เราจะร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
ในกรณีของคุณพ่อของฉัน  คุณแม่เคยบอกคุณพ่อให้ตักเตือนพี่ชายของฉันให้ละทิ้งชีวิตในบาปที่เขากำลังทำอยู่เสีย  เพราะเขากำลังดำเนินรอยตามคุณพ่อ  นั่นคือความไม่ซื่อสัตย์  การดื่มสุรา....ถ้าคุณพ่อยอมทำตามที่คุณแม่แนะนำ  นี่จะเท่ากับเป็นการชดใช้โทษบาปของท่านได้  แต่ท่านไม่ได้ทำและพูดแต่เพียงว่า  เด็กๆเขาสนุกเล่นเท่านั้น  ไม่ได้เอาจริง  และเขาก็จะเปลี่ยนไปเองในภายหลัง  คุณพ่อเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่พี่ชายของฉัน  แต่ก็ไม่แก้ไขอะไรเลย  ในไฟชำระ ท่านร้องไห้และพูดว่า “ข้าพเจ้าได้รับความรอดโดยอาศัยการสวดภาวนาเป็นเวลาถึง 38 ปี ของผู้หญิงที่พระองค์ทรงประทานมาให้เป็นคู่ของข้าพเจ้า  ขอขอบพระคุณพระองค์”  แม่ของฉันสวดภาวนานานถึง 38 ปีเพื่อคุณพ่อ
_____________________________________________________________________
(To be continue)

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณท่แบ่งปันค่ะ เป็นสิ่งท่ดี ากๆ เลย ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

    ตอบลบ