วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แม่พระแห่งกัวดาลูเป (ตอนที่ 3)


เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นในสวรรค์ 
สตรีผู้หนึ่ง มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า
มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ นางกำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดบุตร

----------------------------------------

ที่มาของคำว่า แม่พระแห่งกัวดาลูเป 
ที่เมือง EXTREMADURA ในสเปน มีโบสถ์แห่งหนึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระรูปแม่พระฉวีดำที่มีชื่อว่า แม่พระแห่งกัวดาลูเป (Our Lady of Guadalupe)  กัวดาลูเป เป็นภาษาอาหรับ  แปลว่า แม่น้ำแห่งแสงสว่างของความรัก  ท่านพระสังฆราชซูมารากามาจากอารามฟรังซิสกันที่อยู่ในเมือง EXTREMADURA นี้  ดังนั้นท่านจึงรู้จักคำ "กัวดาลูเป" นี้เป็นอย่างดี  เวลาที่แม่พระประจักษ์แก่ ฮวน เบอร์นาร์ดิโน ลุงของ ฮวน ดิเอโก นั้น  แม่พระตรัสว่า  รูปภาพที่ปรากฏบนผ้าคลุมของ ฮวน ดิเอโก จะได้รับชื่อว่า “พระนางมารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งกัวดาลูเป ผู้เป็นพรหมจารีย์อย่างสมบูรณ์” จึงเป็นที่มาของชื่อนี้  อย่าได้สับสนระหว่าง แม่พระแห่งกัวดาลูเปที่เม็กซิโก  กับแม่พระแห่งกัวดาลูเปที่สเปน 
เนื่องจาก ฮวน เบอร์นาร์ดิโน และ ฮวน ดิเอโก  รู้จักภาษาสเปน  เพราะเขาพูดกับพระสังฆราชเป็นภาษาสเปน  แต่แม่พระตรัสกับพวกเขาเป็นภาษาท้องถิ่น (ภาษานาวาต์ล Nahuatl)  จึงอาจเป็นไปได้ที่เมื่อเขาแจ้งพระนามของแม่พระแก่พระสังฆราชและพระสงฆ์เป็นภาษาท้องถิ่น  พระสงฆ์ได้เปลี่ยนให้เป็นภาษาสเปนเสีย  เพื่อให้คุ้นหูของคนทั่วไป  และพระนามนั้นก็ไปพ้องกับชื่อแม่พระแห่งกัวดาลูเปซึ่งอยู่ที่สเปนพอดี
ฮวน ดิเอโก  ชื่อพื้นเมืองของ ฮวน ดิเอโก คือ CUAHTLATOAC แปลว่า ผู้ที่พูดเหมือนนกอินทรี  เป็นชื่อก่อนที่เขาจะรับศีลล้างบาปเป็นคริสตชน  รูปภาพข้างล่างนี้เป็นรูปของ ฮวน ดิเอโก  วาดโดย มิคาอิล กาเบลา  วาดเมื่อประมาณหนึ่งร้อยปีหลังจาก ฮวน ดิเอโก เสียชีวิต  จึงเป็นภาพที่ถือว่าใกล้เคียงฮวน ดิเอโก มากที่สุด 
ผ้า ทิลมา TILMA ทำมาจากเส้นใยพืชของว่านหางจรเข้  เส้นใยถูกปั่นเป็นเส้นแล้วมาถักอย่างหยาบๆ 
ผู้ชายชนเผ่าพื้นเมืองจะสวมเสื้อคลุมที่เรียกว่า “ทิลมา” นี้  บางครั้งเขาจะใช้ผ้าบรรจุเมล็ดพืชเพื่อนำไปหว่านในดิน  ผ้าทิลมาอาจถูกนำมาทำเป็นกระโปรงสำหรับผู้หญิง หรือนำมาทำเป็นรองเท้าแตะ  เรื่องนี้มีบันทึกอยู่ใน CODEX ของชาวแอสเทค
มงกุฎของแม่พระ  มีการใส่มงกุฎลงบนรูปแม่พระแห่งกัวดาลูเป  หลังจากการเสียชีวิตของพระสังฆราชในปี 1548  มีคำสั่งจากพระสังฆราชองค์ใหม่ให้ใส่มงกุฎลงบนรูป  แต่เป็นเพียงการนำรูปมงกุฏมาปะติดเข้ากับรูปแม่พระ  และในปี 1745 พระสันตะปาปาเบเนดิกส์ที่ 14 ได้สั่งให้วาดรูปมงกุฎสวมให้กับแม่พระอย่างเป็นทางการ และรูปภาพที่มีมงกุฎนี้ก็แพร่หลายไป
ต่อมามีการลบมงกุฎออกไป เพราะคิดว่าแม่พระคงไม่ประสงค์ให้มีมงกุฎ  การลบได้ทำให้เกิดความเสียหายกับรูปเล็กน้อยบริเวณที่เป็นผมของแม่พระ  ความเสียหายที่เกิดขึ้นล้วนมาจากฝีมือมนุษย์  ไม่ใช่เกิดตามธรรมชาติเลย  จะเห็นว่าในปี 1675 รูปภาพอื่นของแม่พระกัวดาลูเปนั้นไม่มีมงกุฏสวมอยู่
เทวดา ANGEL มีการวาดรูปเทวดาลงบนรูปภาพ พร้อมกับมงกุฎด้วย  เพราะในสมัยนั้นมีความนิยมว่ารูปแม่พระต้องมีเทวดาอยู่ด้วย  เช่นบางภาพมีเทวดากำลังสวมมงกุฎให้กับแม่พระ  แต่รูปเทวดาที่เติมเข้าไปก็ถูกลบออกพร้อมกับมงกุฎ
เทวดาที่อยู่ใต้รูปของแม่พระ  เป็นรูปเทวดาเพียงรูปเดียวที่เป็นของดั้งเดิมที่ถูกต้อง 
อาภรณ์ของแม่พระ Our lady garment  แม่พระทรงสวมอาภรณ์สามชนิดคือ  1. อาภรณ์นอกสุดสีเขียว  2. อาภรณ์ชั้นที่สองสีแดงอิฐ   3 อาภรณ์ในสุดสีขาว  ซึ่งเห็นได้ที่แขนเสื้อและที่คอ  มีลูกไม้ที่ประดับที่ปลายแขนเสื้อด้วย  ความหมายของอาภรณ์แต่ละชนิดคือ
อาภรณ์นอกสุดสีเขียวเป็นสีเขียวฟ้าที่พิเศษเพราะมีความสวยงามเหมือนกับจะสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์  เราพบสีชนิดนี้ในธรรมชาติ  อาทิเช่น ปีกของผิเสื้อ  นกฮัมมิ่ง  แมลงเต่าทอง เป็นต้น  และยังพบบนขนนกที่ประดับเป็นมงกุฎของกษัตริย์ชาวแอสเทค  เป็นของสูงจึงหมายถึงสวรรค์  แม่พระทรงเป็นราชินีแห่งสวรรค์
อาภรณ์ชั้นที่สองสีแดงอิฐเป็นสีของดินภูเขาไฟที่พบได้บริเวณแถบนั้น   เป็นสีของแผ่นดินโลก  หมายถึงแม่พระทรงเป็นมนุษย์  แม่พระทรงปกคลุมด้วยเสื้อคลุมแห่งสวรรค์แต่พระนางทรงเป็นมนุษย์  ในความเป็นมนุษย์แม่พระทรงทอดพระเนตรลงต่ำ  ทรงพนมมือสวดภาวนาด้วยความสำรวม
อาภรณ์ในสุดสีขาวจะเห็นได้ที่คอเสื้อและที่แขนเสื้อของแม่พระ  และที่แขนเสื้อยังมีดิ้นไหมสีทองประดับที่ขอบของแขนเสื้อด้วย  ดิ้นทองเป็นเครื่องประดับสำหรับชุดอาภรณ์ของพระราชินี  จึงมีความหมายว่าแม่พระทรงเป็นราชินี  ส่วนสีขาวมีความหมายว่าแม่พระทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากบาป  ทรงเป็นพรหมจารีย์
ความหมายขององค์ประกอบต่างๆในรูปภาพแม่พระแห่งกัวดาลูเป
สีฟ้า – Blue color สีฟ้าตามที่เราส่วนใหญ่คิดกัน  หมายถึง ท้องฟ้า  แต่มีความคิดที่สองคือ หมายถึง น้ำ  ตามเรื่องราวที่บอกเล่ากัน ผ้าคลุมของแม่พระ( mantle ) ไม่ใช่สีฟ้า แต่เป็นสีเขียวฟ้า   ส่วนสีฟ้าพบอยู่ทางด้านรอบนอกของรูปภาพ  จากรูปภาพเราจะเห็นว่ารอบนอกเป็นสีฟ้าและขาว  เป็นสีของสวรรค์  ซึ่งหมายความว่า  แม่พระทรงถูกส่งมาจากสวรรค์
สีเหลือง หรือ สีทอง – yellow or gold  ปรากฏในดวงอาทิตย์ที่ล้อมรอบแม่พระ  รังสีของดวงอาทิตย์ที่แผ่ออกมาเป็นสีทอง  และแม่พระทรงประทับยืนอยู่เบื้องหน้าดวงอาทิตย์  มีความหมายว่าแม่พระทรงยิ่งใหญ่กว่าดวงอาทิตย์  ดวงอาทิตย์เป็นเทพเจ้าที่ชาวแอสเทคนับถือบูชา  แม่พระจึงทรงยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าที่พวกเขานับถือ  รูปภาพของแม่พระทั่วไปเราจะเห็นรัศมีอยู่รอบศีรษะของพระนาง  ซึ่งหมายถึงพระจิตเจ้า  แต่ในรูปภาพทิลมา รัศมีอยู่ล้อมรอบพระกายของพระนาง ซึ่งหมายถึงพระนางทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า  ในพระธรรมวิวรณ์เขียนว่า "พระนางทรงมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์"
The embroidery of the dress  ส่วนประกอบของเครื่องแต่งกาย
The flower – hill  มีรูปดอกไม้ 3 ชนิดในอาภรณ์ที่แม่พระทรงสวม  เป็นภาพสัญลักษณ์ที่มีความหมายจำเพาะของมัน  ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดคือรูปที่อยู่ในวงกลมสีแดงด้านล่างนี้
(ตามรูป)  มีดอกไม้ใหญ่ทั้งหมด 9 ดอก  ดอกไม้หมายถึง เนินเขาหรือภูเขา  เมื่อเปรียบเทียบกับภาพสัญลักษณ์ที่ชาวแอสเทคใช้เขียนที่มีความหมายถึงเนินเขาหรือภูเขากับรูปดอกไม้ในอาภรณ์  เราจะเห็นว่าดอกไม้มีรูปร่างคล้ายกันภาพสัญลักษณ์ของชาวแอสเทค ( tepec  หมายถึงพุ่มไม้หรือต้นไม้  pantepac คือเชิงเขา pan คือยอดเขา )   ดังนั้นดอกไม้ใหญ่จึงหมายถึงเนินเขาหรือภูเขานั่นเอง
 
           ดอกไม้เหล่านี้มีกลุ่มใบประดับอยู่ด้านข้าง (แลเงาวงกลมสีดำในภาพด้านล่าง) ยกเว้นเพียงดอกเดียวคือดอกที่แลเงาด้วยวงกลมสีแดง ซึ่งไม่มีกลุ่มใบประดับ แต่จะมีดอกไม้เล็กๆอยู่ด้านข้างแทน 
           ดอกไม้ใหญ่ที่มีกลุ่มใบประดับ (ในวงกลมแลเงาสีดำ) หมายถึงภูเขาที่มีต้นไม้ปกคลุม  ส่วนดอกไม้ใหญ่ที่ไม่มีกลุ่มใบ (แลเงาสีแดง) หมายถึงเนินเขาที่ไม่มีต้นไม้  แต่มีพุ่มไม้เล็กๆ  และเราก็เห็นว่ามีภาพดอกไม้เล็กๆอยู่ด้านข้าง ซึ่งหมายถึงดอกไม้ที่มาจากสวรรค์  เมื่อดูภาพรวมของดอกไม้ที่ไม่มีกลุ่มใบประดับแต่มีดอกไม้เล็กๆแทน จึงหมายถึงเนินเขาโล่งที่มีเพียงพุ่มไม้เล็กๆและมีดอกไม้ที่มาจากสวรรค์  ซึ่งหมายถึงเนินเขาเทปายัคที่แม่พระทรงประจักษ์มานั่นเอง   และอาจมีความหมายอีกนัยหนึ่งได้  นั่นคือหมายถึงเยรูซาเล็มที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่โล่งเตียน  หรือเนินเขากอลโกธาสถานที่ตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้าก็ได้  ซึ่งเป็นเนินเขาโล่งเตียนเช่นเดียวกัน  ดอกไม้ 9 ดอกหมายถึง ภูเขา 9 ลูกที่อยู่ล้อมรอบแอ่งซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของทวีป  ที่พิกัด 19.5 องศาเหนือ
ดอกไม้ venus  ดอกไม้ต่อไปคือดอก วีนัส  มีกลีบทั้งหมด 8 กลีบ (ในวงกลมที่แลเงาสีแดง) โดยที่ 4กลีบมีรูปกลม  และอีก 4 กลีบรอบนอกมีรูปรียาว  นี่เป็นสัญลักษณ์ของเทพีวีนัส  และวีนัสเป็น Morning star  ดาราแห่งรุ่งอรุณ 
 
ดอกไม้ Nahui-OLLin   ที่ศูนย์กลางภาพมีรูปดอกไม้ 4 กลีบ (ในวงกลมขอบสีแดง) มีอยู่เพียงดอกเดียวเท่านั้นบนอาภรณ์ของแม่พระ ดอกไม้นี้ค้นพบภายในถ้ำใต้ปิรามิดแห่งดวงอาทิตย์  ถ้ำนี้เป็นถ้ำาธรรมชาติไม่ได้ถูกสร้างด้วยมือมนุษย์  และดอกไม้อยู่ในถ้ำนี้  กลีบของดอกไม้ 4 กลีบ มีความหมายถึงธาตุทั้งสี่คือ  ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ซึ่งเป็นธาตุหลักในการสร้างจักรวาล  และวงกลมตรงกลางหมายถึงสถานที่พระเจ้าพระผู้สร้างประทับอยู่  ชาวแอสเทคใช้รูปนี้ในการออกแบบและแกะสลักเครื่องหมายเทพเจ้าแห่งการเนรมิตสร้าง
และภาพดอกไม้นี้ก็อยู่บริเวณพระครรภ์ของแม่พระ  ซึ่งหมายถึงพระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งและพระองค์ทรงอยู่ในพระครรภ์ของแม่พระ  ดังนั้นแม่พระจึงเป็นพระมารดาของพระผู้สร้างสรรพสิ่ง - พระเป็นเจ้านั่นเอง  แม่พระทรงบอกกับ ฮวน  ดิเอโก ว่า “เราคือพระนางพรหมจารีย์มารีย์  มารดาของพระเป็นเจ้าเที่ยงแท้แต่พระองค์เดียวเท่านั้น”
เข็มขัด – Belt    เป็นสีดำ  ตามรูปเทพเจ้าของชาวแอสเทค QUETZALCOATL  จากรูปแกะสลักเทพเจ้านี้จะเห็นเข็มขัดสองปลายที่ห้อยลงมา  ผู้ที่พลีชีพของตนเป็นเครื่องสังเวยจะทาสีดำทั่วตัวเป็นเครื่องหมายของการมอบชีวิตแด่เทพเจ้า   ดังนั้นเข็มขัดของแม่พระจึงมีความหมายว่าแม่พระทรงมอบชีวิตของพระนางแด่พระเป็นเจ้า  และเข็มขัดในรูปภาพอยู่เหนือเอวของแม่พระ  แสดงว่าแม่พระกำลังทรงพระครรภ์  และบุตรของพระนางในพระครรภ์ก็จะทรงมอบชีวิตของพระองค์ถวายแด่พระเป็นเจ้าด้วยเช่นกัน
 
ดวงจันทร์ – MOON  แม่พระกำลังยืนอยู่บนพระจันทร์เสี้ยว  ทำไมพระจันทร์จึงมีสีดำ  แน่นอนหมายถึงการเกิดจันทรคราส Eclipse  แม่พระทรงยืนอยู่ตรงกลางพระจันทร์เสี้ยว  ตามประวัติศาสตร์ชาวแอสเทคในเม็กซิโก  เมื่อเขาอพยพมาบริเวณหุบเขาซึ่งมีทะเลสาปเขาเห็นเงาดวงจันทร์สะท้อนอยู่บนน้ำ  พวกเขาจึงตั้งชื่อบริเวณนั้นว่า valley bottom of the moon  หรือ centre of the moon  ศูนย์กลางของดวงจันทร์  ซึ่งก็คือคำว่า เม็กซิโก  แม่พระทรงประทับยืนอยู่บนดวงจันทร์จึงหมายถึงแม่พระทรงยืนอยู่บนแผ่นดินเม็กซิโกนั่นเอง  เมื่อฮวน  ดิเอโก  เดินไปทางด้านหลังของเนินเขาซึ่งเป็นทางด้านตะวันออกของเนินเขา  เขาได้เห็นแม่พระทรงดำเนินลงจากเนินเขา และพระนางประทับยืนบนแผ่นดินราบของเม็กซิโก  และพระธรรมวิวรร์ก็เขียนว่าสตรีนั้น "มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า"  แม่พระคือสตรีที่พระธรรมวิวรณ์กล่าวถึง

นอกจากนี้ ชาวแอสเทค มีการนับถือเทพเจ้าดวงจันทร์ด้วย  แม่พระทรงเหยียบบนดวงจันทร์ เท่ากับพระนางทรงมีฐานะที่อยู่เหนือเทพเจ้าทั้งหลายของชาวแอสเทค  เมื่อชาวพื้นเมืองเห็นภาพนี้  พวกเขาก็เข้าใจความหมายได้ทันที
รูปกางเขน  อยู่ที่สร้อยบนพระศอของแม่พระ  หมายถึงแม่พระทรงประกาศถึงพระเยซูคริสตเจ้า  คือการประกาศพระวรสาร  ประกาศข่าวดี

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบตอนที่ 3

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากครับชอบมากๆเลยเป้นกำลังใจให้อย่างสูงเลยครับ :)

    ตอบลบ