วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แม่พระแห่งผลสำเร็จที่ดี (ตอนที่ 5)

 

แม่พระทรงสั่งให้สร้างพระรูป
               แม่พระตรัสว่า “เป็นความปรารถนาขององค์พระบุตรของแม่  ให้ลูกจัดทำพระรูปของแม่ตามที่ลูกเห็นอยู่ในขณะนี้ขึ้นมา  และวางพระรูปไว้บนเก้าอี้ของอธิการคณะ  เพื่อที่แม่จะเป็นผู้ปกครองคอนแวนต์ของแม่  ในมือขวาของแม่ให้วางไม้เท้าสังฆราชและกุญแจของอารามเพื่อเป็นเครื่องหมายถึงสิทธิและอำนาจของแม่ในการปกครองคอนแวนต์  ในมือซ้ายของแม่ให้พระกุมารเยซูประทับอยู่  ด้วยเหตุผลประการแรกคือ  มนุษย์จะได้เข้าใจถึงอำนาจของแม่ในการยับยั้งพระยุติธรรมและได้รับพระเมตตาและการอภัยสำหรับคนบาปทุกคนที่มาหาแม่ด้วยหัวใจที่สำนึกผิด  เพราะแม่เป็นมารดาแห่งพระเมตตาและในแม่มีแต่ความดีและความรักเท่านั้น  ประการที่สอง  เพื่อที่ตลอดทุกยุคทุกสมัย  ลูกสาวของแม่จะเข้าใจได้ว่าแม่กำลังแสดงและมอบให้แก่พวกเขาซึ่งองค์พระบุตรของแม่ผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขา  และแม่เป็นแบบอย่างความสมบูรณ์พร้อมของนักบวช  พวกเขาควรมาหาแม่ เพราะแม่ปรารถนาจะนำพวกเขาไปหาพระเยซูเจ้า”
           คุณแม่มาเรียนาแย้งว่าท่านจะไม่สามารถบรรยายความสวยงามของพระมารดาแห่งสวรรค์ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แก่ช่างผู้แกะสลัก  แม่พระตรัสตอบว่า “ลูกสาวของแม่  แม่เห็นด้วยกับที่ลูกพูด  น. ฟรังซิส (อัสซีซี) ผู้รับใช้ของแม่ จะเป็นผู้แกะสลักพระรูปด้วยมือที่มีรอยแผลศักดิ์สิทฺธิ์ของท่าน  โดยมีเหล่าทูตสวรรค์เป็นผู้ช่วยเหลือ  ท่านนักบุญจะเป็นผู้วางสายวัดบนตัวแม่  อันเป็นสัญลักษณ์หมายถึงบุตรชายหญิงของนักบุญฟรังซิสผู้เป็นของแม่และใกล้ชิดแม่  สำหรับส่วนสูงของแม่  ลูกจะเป็นผู้วัดโดยใช้สายรัดเอวที่ลูกสวมอยู่  จงนำสายรัดเอวของลูกมาและวางปลายข้างหนึ่งบนมือแม่  ส่วนปลายอีกข้างหนึ่ง ลูกจงวางไว้ที่เท้าของแม่ (...)”  คุณแม่มาเรียนาได้ถือปลายสายรัดเอวของท่านไว้ที่พระบาทขององค์ราชินีของปวงเทวา  แม่พระทรงถือปลายอีกข้างหนึ่งและมอบให้กับพระกุมารเยซู  พระองค์ทรงนำปลายสายรัดไปวางไว้ที่หน้าผากของแม่พระ   แต่สายรัดเอวนั้นสั้นเกินไป  ทันใดนั้น...อย่างอัศจรรย์สายรัดเอวก็ยืดออกจนถึงระดับความสูงของแม่พระ
แม่พระตรัสว่า “ลูกสาวของแม่  ลูกได้วัดความสูงของแม่แล้ว  จงบอก Francisco del Castillo  ผู้รับใช้ของแม่ และอธิบายลักษณะรูปร่างของแม่แก่เขา  เขาจะทำงานในการสร้างพระรูปของแม่....”
ก่อนที่แม่พระจะจากไป  พระนางทรงบอกกับคุณแม่มาเรียนาว่า  การถูกคุมขังอันศักดิ์สิทธิ์นี้จะจบสิ้นในไม่ช้า (คุณแม่มาเรียนาและซิสเตอร์หลายคนถูกคำสั่งพระสังฆราชให้ถูกคุมขังในห้อง  เพราะการใส่ร้ายของซิสเตอร์ที่ไม่ดีบางคน)  คุณแม่มาเรียนาจึงปลุกซิสเตอร์อื่นๆให้ตื่นขึ้นมาสวดภาวนา  ในเวลาบ่ายสามโมงของวันนั้น  คุณแม่มาเรียนาและบรรดาซิสเตอร์ได้เห็นนิมิตมังกรตัวใหญ่มหึมา  ตาลุกเป็นไฟจ้องมองมายังพวกท่าน  มังกรเดินดุ่มๆไปทุกที่แต่ก็ไม่สามารถเข้ามาในห้องได้  แล้วพวกเขาก็เห็นนักบุญฟรังซิสพร้อมด้วยธนูในมือ ท่านนักบุญยิงลูกศรไฟไปที่มังกร  ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส  มังกรทำให้แผ่นดินแยกออกแล้วมันก็กระโจนลงไปสู่ขุมนรก  ในเวลานั้นเอง  เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง  ทำให้ซิตเตอร์เหล่านั้นและผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหวาดกลัวเป็นอันมาก  ไม่นานต่อมา Mother Valenzuelaซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการแทนคุณแม่มาเรียนาในระหว่างที่ถูกคุมขัง  ก็คิดว่าเรื่องราวมาไกลเกินไปแล้ว(ท่านถูกกดดันจากซิสเตอร์ที่ก่อกบฏ) ได้สั่งให้ปล่อยคุณแม่มาเรียนา  และได้สารภาพความผิดของตน  Mother Valenzuela เป็นซิสเตอร์ชาวพื้นเมือง  ท่านมาจากครอบครัวที่ดีในควิโต  แต่เป็นคนอ่อนแอจึงไม่สามารถมีอิทธิพลต่อซิสเตอร์ที่กบฏเหล่านั้นได้  แต่ตอนนี้ท่านเกิดความกล้าและสั่งให้ปล่อยคุณแม่มาเรียนาและซิสเตอร์อื่นๆที่ถูกขังด้วย  และได้คืนตำแหน่งอธิการแก่คุณแม่มาเรียนา

คุณแม่มาเรียนาวอนขอพระเยซูเจ้าให้ช่วยซิสเตอร์ของท่าน



หลังจากถูกปล่อยตัวแล้ว  ได้มีการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น  เมื่อพระสังฆราชทราบว่าท่านถูก ซิสเตอร์ La Capitana หลอกให้เชื่อว่าคุณแม่มาเรียนาทำความผิด พระสังฆราชจึงสั่งให้คุมขัง ซิสเตอร์ La Capitana  แทนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ซิสเตอร์ La Capitana  ไม่สำนึกผิด  แทนที่จะขอโทษเธอกลับ โกรธแค้นเกลียดชังคุณแม่มาเรียนา  เพราะความเย่อหยิ่งของตนเอง  สุขภาพของเธอแย่ลงเพราะเธอประท้วงด้วยการไม่ยอมกินอาหาร  เธอกรีดร้องด้วยความบ้าคลั่ง  ตะโกนสาปแช่งและโขกศีรษะกับกำแพง  คุณแม่มาเรียนาขอร้องพระสังฆราชให้นำเธอออกจากคุกและนำตัวไปอยู่ในห้องพักแทน  ซึ่งพระสังฆราชก็อนุญาติ  อย่างไรก็ตามไม่มีซิสเตอร์คนใดกล้าเข้าใกล้เธอเลย  คุณแม่มาเรียนาเอาใจใส่ดูแลเธอด้วยความอ่อนโยน  แต่กลับได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยาม
คุณแม่เห็นว่าซิสเตอร์ผู้นี้คงต้องตกนรก  ท่านจึงวอนขอต่อพระเยซูเจ้าให้ช่วยเหลือเพื่อความรอดของวิญญาณนี้  ท่านสวดภาวนาเบื้องหน้าศีลมหาสนิท  และท่านได้รับพระพรให้รู้ถึงการที่ปีศาจเข้าสิงวิญญาณบาปนี้ได้อย่างไรและมันทำให้เธอก่อกบฏ  มีความเกลียดชังและสิ้นหวัง  คุณแม่ยังได้รู้ด้วยว่า  ซิสเตอร์ผู้นี้จะตายในไม่ช้าและต้องตกลงไปในส่วนลึกที่สุดของนรก
ขณะที่ท่านกำลังสวดภาวนาวอนขอความรอดของซิสเตอร์La Capitana    พระเยซูเจ้าประจักษ์มาเหมือนขณะที่พระองค์อยู่ในสวนมะกอกและทรงทุกข์ทรมานในพระทัยมากยิ่งนัก  ท่านได้เห็นความทุกข์ทรมานยิ่งยวดภายในดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า  และรู้ว่าความทุกข์ของพระองค์เกิดจากความอกตัญญู  และจิตใจที่แข็งกระด้างของวิญญาณที่ถูกเลือกสรรในท่ามกลางมนุษย์นับล้านคนให้มาเป็นเจ้าสาวและผู้อภิบาลของพระองค์   พวกเขาทอดทิ้งพระองค์ให้โศกเศร้าอย่างโดดเดี่ยวในศีลมหาสนิท  พระองค์อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับบรรดาเจ้าสาวของพระองค์และมาอยู่ในมือของพระสงฆ์เมื่อท่านสวดบทภาวนาในช่วงเวลาที่เสกศีล
คุณแม่มาเรียนาวอนขอให้ท่านรับโทษแทนซิสเตอร์ผู้นี้  พระเยซูเจ้าทรงยินดึยกโทษให้ซิตเตอร์ La Capitana  แต่เธอต้องอยู่ในไฟชำระจนถึงวันสิ้นพิภพ  ส่วนคุณแม่มาเรียนาจะต้องทนทุกข์อยู่ในโลกเป็นเวลาห้าปีโดยได้รับโทษความเจ็บปวดของนรกแทนซิสเตอร์ La Capitana  คุณแม่ทราบดีว่าความทุกข์ทรมานของโทษนิรันดรนั้นเป็นความเจ็บปวดของประสาทสัมผัสซึ่งเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
ซิสเตอร์ La Capitana  หลังจากป่วยหนักเป็นเวลานาน  ในที่สุดก็เข้าใจถึงสภาพอันเลวร้ายของตนเอง  เธอได้สำนึกผิดและสารภาพบาปและได้ปรับปรุงตนเองจนกลายเป็นแบบอย่างของความถ่อมตนและความมีเมตตาจิต

ห้าปีของความทุกข์ทรมานของนรก

ไม่นานนัก  ซิสเตอร์ La Capitana ก็ได้สัมผัสกับพระหรรษทานแห่งพระเมตตาของพระเป็นเจ้า  และได้ช่วยทำให้บรรดาซิสเตอร์ที่ก่อการกบฏได้กลับใจ  คุณแม่มาเรียนาต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาถึงห้าปี  ความเจ็บปวดของนรกทิ่มแทงทุกส่วนของประสาทสัมผัสของท่าน  สายตาของท่านถูกทรมานจากการเห็นปีศาจปรากฏมา  หูของท่านได้ยินคำพูดสบประมาทและสาปแช่ง  การสัมผัสสิ่งต่างๆจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทง  การรับรู้รสมีแต่ความขมเมื่อรับประทานอาหารหรือกลืน  แต่ความทรมานที่สุดคือความรู้สึกสิ้นหวัง  ไม่มีความรู้สึกถึงความรักต่อพระเยซูเจ้าผู้ที่ท่านรักมากที่สุด  ท่านถึงกับทนไม่ได้เมื่อปราศจากพระองค์และรู้สึกว่าจะไม่สามารถพบพระองค์ตลอดนิรันดร  ตลอดระยะเวลาอันยาวนานห้าปีเป็นเหมือนกับนิรันดร  แต่ท่านยังคงรักษาความสงบและสันติ  ท่านยังทำกิจการต่างๆตามกฏของคณะในการสวดภาวนาและการเสียสละต่างๆ
เมื่อสิ้นสุดเวลาห้าปี  คุณแม่มาเรียนาเรียกบรรดาคุณแม่ผู้ร่วมก่อตั้งคณะมารวมกัน  ซึ่งท่านเหล่านั้นได้ร่วมความทุกข์กับคุณแม่มาเรียนาด้วยการสวดภาวนา  ทำกิจใช้โทษบาป และพลีกรรม  คุณแม่บอกพวกท่านว่า “อนิจจา ซิสเตอร์ทั้งหลาย นรกช่างน่ากลัวจนไม่อาจหาคำพูดใดมาอธิบายได้เลย”





 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น