วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทำไมจึงเรียกศีลมหาสนิทว่า Host

 
 
 
 
 
 
 
 
 


 
ในภาษาลาตินคำว่า "hostis" มีความหมายว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย (victim) คำนี้เป็นคำแรกที่ใช้เรียกศีลมหาสนิทในยุคต้นของคริสตศาสนา

ทำไมจึงเรียกศีลมหาสนิทว่า host?

เมื่อตรวจค้นในพจนานุกรมหลายเล่มก็พบว่าคำในภาษาลาตินนี้มีความเชื่อมโยงกับประวัติความหมายของคำว่า “เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย”(victim)

อาณาจักรโรมันยุคเรืองอำนาจ  เมื่อชาวโรมันพิชิตศัตรูได้  พวกเขาจะเรียกศัตรูผู้พ่ายแพ้และถูกนำไปเป็นยัญบูชาแด่พระเจ้าว่า hostis

คำนี้กลายเป็นคำสามัญในคริสตศาสนาฝั่งตะวันตกเพราะมันถูกใช้ในพระคัมภีร์ไบเบิล (คัมภีร์ไบเบิลที่แปลเป็นภาษาลาตินโดย น.เจโรม) ตัวอย่างเช่นใน เอเฟซัส 5:2  และในเอเฟซัส 4:18

ดังนั้นคำว่า “hostis” จึงบ่งบอกถึงเหยื่อผู้ยิ่งใหญ่ที่รับเคราะห์จากความก้าวร้าวของมนุษย์  ซึ่งนั่นหมายถึง  “พระเจ้าผู้ทรงลงมาเป็นมนุษย์” ทรงถูกตรึงกางเขนและกลับคืนพระชนม์ชีพ  และคำนี้ในภาษาอังกฤษเขียนว่า "host"

             คริสตชนได้ประยุกต์ใช้คำว่า “host” เพื่อหมายถึง แกะยัญบูชา ผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพและปรากฏอยู่ในศีลมหาสนิท  ตามพระวาจาของพระคริสต์ที่ตรัสในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายว่า

“นี่คือกายของเรา....นี่คือโลหิตของเราที่หลั่งลงมาเพื่อท่านทั้งหลาย”

ปังที่เสกแล้วจึงเป็น “host” (เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย)  และเป็นเหยื่อที่แท้จริง  เป็นพระกายของพระองค์ผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ  ซึ่งครั้งหนึ่งถูกทำร้ายโดยความชั่วร้ายของมนุษย์  แต่บัดนี้กลับมีชีวิตและประทับอยู่ท่ามกลางเรา  ทรงยอมเป็นอาหารและเครื่องดื่มเลี้ยงพวกเรา – “จงรับไปกินให้ทั่วกันเถิด”

น่าเสียดายที่ ความหมายสำคัญของคำว่า “host” ได้สูญหายไป  และมีความหมายแต่เพียงแค่เศษขนมปังไร้เชื้อที่แบ่งให้กันกิน เป็นขนมปังก่อนเสกหรือหลังเสกก็ได้  แต่ในวันนี้เรากำลังพูดถึง “host” ยัญบูชาแห่งปาสกา  พูดถึงความตายและการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า  และพูดถึงพระธรรมล้ำลึกแห่งปาสกา

ในพิธีมิสซาทุกมิสซา  เราได้รับเชิญให้มองดูศีลมหาสนิท  เราก้มศีรษะนมัสการ  เราคุกเข่า และรำพึงภาวนา “มอบถวายกายใจของเราให้เป็นพลีบูชาที่มีชีวิต  ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า” (โรม 12:11)

การเคารพสักการะ “host” นี้  เราต้องมอบกายใจของเราต่อพระธรรมล้ำลึกของพระเป็นเจ้าในทุกขณะจิต  และการเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับ “host” นี้  เราต้องซึมซับพระธรรมล้ำลึกเข้าไปในทุกส่วนของชีวิตของเราเพื่อที่เราจะได้ละม้ายคล้ายกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็น --- เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ทรงประทานพระองค์เองในการรับใช้เพื่อนพี่น้อง

สังคายนาวาติกันครั้งที่สองได้แสดงความปรารถนาให้ผู้มีความเชื่อทุกคนมีส่วนร่วมในพิธีมิสซาด้วยท่าทีซึ่ง “มีความเข้าใจที่ดีต่อพิธีกรรมและบทภาวนา”  เพื่อที่ทุกคนจะได้ “มีส่วนร่วมในพิธีกรรมและกิจการอันศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขากำลังทำด้วยความศรัทธาและร่วมจิตใจกับพระสงฆ์ในการประกอบพิธีกรรม”

 “โดยการถวายเหยื่ออันบริสุทธิ์นี้ซึ่งไม่ใช่โดยผ่านทางมือของพระสงฆ์เท่านั้น  แต่โดยที่ทุกคนมีส่วนร่วมด้วย  แต่ละคนจะได้เรียนรู้ที่จะมอบตนเองผ่านทางพระคริสต์ผู้ทรงเป็นคนกลาง  แต่ละคนจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่นอย่างสมบูรณ์  เพื่อที่ในที่สุด พระเป็นเจ้าจะได้เป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน” (Sacrosanctum Concilium, 48).

หมายเหตุ – มีบางคนสับสนเกี่ยวกับคำลาติน  hostis” ที่มีความหมายว่า “ศัตรู” (“enemy”)  แต่ความหมายดั้งเดิมที่ย้อนไปไกลนั้น คำว่า hostia หมายถึง “เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย” (“victim”),  ซี่งในแง่นี้ก็คือศัตรูที่พ่ายแพ้และถูกจับกุมให้ไปเป็นยัญบูชาแด่พระเจ้า  ยังมีคำลาตินอีกคำหนึ่งที่แยกออกมาต่างหาก คือคำว่า victima ที่หมายถึงศัตรู แต่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด  รากศัพท์ของคำว่า host นั้นมีความหมายหลายอย่าง  เช่น หมายถึง “คนแปลกหน้า” และ “แขก” (“stranger” and “guest”)   ซึ่งคุณอาจเห็นคำหลายคำที่เกี่ยวเนื่องกันกับคำๆนี้ -  host, guest, hospitality, hostel, hospital, hostile  ดังนั้นจะเห็นได้ถึงความร่ำรวยของภาษาในคำ hosts, และทำให้เราพอจะมีจินตนาการเกี่ยวกับศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นการปรากฏของพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นคนแปลกหน้า  เป็นแขก  เป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย  และ ฯลฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น