“สำหรับผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์
พระองค์จะทรงประทานอำนาจให้พวกเขากลายเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า” (ยอห์น 1:12) การที่จะเชื่อในพระนามของพระเยซูเจ้า
เราต้องตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ เป็นบุตรของพระเจ้า
เป็นองค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงเป็นอยู่ก่อนกาลเวลาและเสด็จมาเป็นมนุษย์ เราพร้อมที่จะเปล่งพระนามนั้น
พร้อมที่จะสรรเสริญพระนามนั้นเพียงพระนามเดียว เราพร้อมที่จะทำทุกสิ่ง พยายามทำทุกสิ่ง
และยอมทนทุกข์ทุกอย่างเพื่อพระนามนั้น
นี่คือความหมายของการเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า
พวกเขาเกิดใหม่ไม่ใช่ด้วย
“สายเลือด มืได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติของเนื้อหนัง มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า” (ยอห์น 1:13) พระเป็นเจ้าทรงประทานจิตใจอิสระแก่เราในการเลือกที่จะเป็นบุตรของพระองค์และร่วมใจกับพระองค์ด้วยความเชื่อ
อำนาจนี้มาจากพระเป็นเจ้าผู้ทรงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาของพระองค์ลงในจิตใจของเรา
มิใช่พระวาจาที่ผ่านเข้าไปในหูเท่านั้น
แต่ผ่านเข้าไปในหัวใจของเราด้วยหนทางอันลึกลับ
“และพระวจนาตถ์ทรงรับเอากายและประทับอยู่ท่ามกลางพวกเรา ทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดาในฐานะพระบุตรแต่เพียงพระองค์เดียวของพระบิดา” (ยอห์น 1:14) เพื่อทำให้พวกเรากลายเป็นบุตรของพระเจ้า
จำเป็นที่องค์พระบุตรแต่องค์เดียวต้องกลายเป็นมนุษย์
โดยวิถีทางอันพิเศษนี้และด้วยความจำเป็นขององค์พระบุตรที่ทำให้เราได้รับจิตวิญญาณแห่งการเป็นบุตรพระเจ้า องค์พระบุตรเสด็จมาหาพวกเรา และเราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง
และแสงสว่างที่สะท้อนมาจากพระองค์ได้เอิบอาบพวกเราทำให้เราเปลี่ยนแปลงไป พระองค์ทรงเป็น “ความสว่างที่แท้จริงที่ส่องสว่างมนุษย์ทุกคน”
พระองค์ทรงส่องสว่างแก่บรรดาลูกๆที่อยู่ในโลก ทรงประทานสติปัญญาแก่พวกเขา
ยังมีแสงสว่างอีกอย่างหนึ่งซึ่งส่องสว่างให้แก่โลกนี้ นั่นคือพระวรสารของพระองค์
ซึ่งทรงประทานแก่โลกนี้ตลอดเวลา
พระเป็นเจ้าทรงทำให้เราเป็นลูกของพระองค์เมื่อเรารับศีลล้างบาป
พระองค์ทรงส่องสว่างในหัวใจของเราเมื่อเราบังเกิดใหม่ เป็นแสงสว่างซึ่งจะนำเราให้ได้เห็นพระองค์ ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง
โดยอาศัยพระวาจา สัจจะธรรมและอัศจรรย์ของพระองค์ “เพราะเป็นพระเป็นเจ้าเองที่ตรัสว่า
‘ให้แสงสว่างส่องในความมืด’
ดังนั้นใครเล่าที่ส่องสว่างให้หัวใจของเราทำให้เราได้รับแสงสว่างแห่งความรู้ในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า
ณ.เบื้องพระพักตร์ขององค์พระคริสตเยซู” (2 คร. 4:6)
ดังนั้นเราจึงเป็นลูกของพระเป็นเจ้า
เป็นบุตรแห่งความสว่าง ให้เราเดินไปในฐานะบุตรแห่งความสว่างเถิด อย่าปรารถนาศักดิ์ศรีอันไร้ค่าหรือความยิ่งใหญ่จอมปลอมของมนุษย์
สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งหลอกลวง เป็นความมืดมิด โลกปรารถนาที่จะล่อลวงเรา มันไม่มีพระพรใดๆที่จะมอบแก่เราเลย มีเพียงพระเยซูคริสต์เท่านั้น ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง
พระองค์ทรงทราบว่าจะเติมเต็มจิตใจของเราได้อย่างไร
พระองค์เท่านั้นที่เป็นที่ดึงดูดใจเรา พระหรรษทานหลั่งออกมาจะริมฝีปากของพระองค์และออกมาจากพระวาจาของพระองค์
(สดด.45:2; ลก.4:22) ทุกสิ่งในพระองค์เป็นที่น่ายินดี แม้แต่ในกางเขนของพระองค์ ที่ซึ่งเราได้เห็นแสงสว่างแห่งความนบนอบเชื่อฟังของพระองค์ต่อพระบิดา เห็นพระเกียรติ พระพร
การไถ่กู้และความรอดที่ออกมาจากพระองค์
สิ่งต่างๆนอกเหนือจากนี้เป็นสิ่งไร้ค่าทั้งสิ้น
พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง
และพระองค์จะทรงเติมเต็มให้แก่เรา และ“จากความไพบูลย์ของพระองค์
เราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกัน” (ยน. 1:16)
----------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น