การประจักษ์ที่ซานนิโคลัส ในอาร์เจนตินา
และพระสังฆราช Bishop Hector
Sabatino Cardelli ของสังฆมณฑลได้ให้การรับรองว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ
( รับรองเมื่อ 22 พ.ค. 2016) และพระสังฆราชอีกองค์คือ
Mario Luis Bautista Maulion ได้รับรองสาส์นมาหลายปีก่อนหน้านี้
ยังได้มีการประกอบพิธีมิสซาเพื่อระลึกถึงการประจักษ์ขึ้นอีกด้วย แต่นี่เป็นการอนุญาตอย่างไม่เป็นทางการและเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
ในสาส์นที่เกี่ยวกับโลกนั้น แม่พระตรัสว่า
“ดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าจะทรงอำนวยพระพรแก่ลูกมากมาย”
ตามสัญญาของพระองค์ “และกำลังรอให้มันสำเร็จลุล่วง” แม่พระทรงอ้างถึงพระคัมภีร์ เอมอส 5: 9-15 “ในช่วงเวลาเหล่านี้มนุษยชาติกำลังถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าหากเส้นด้ายขาดลง หลายคนจะเป็นผู้ที่ไปไม่ถึงความรอดพ้น เพราะเหตุนี้แม่จึงขอให้ลูกไตร่ตรอง จงรีบเร่งเถิดเพราะเวลาเริ่มเดินแล้ว จะไม่มีที่สำหรับคนที่รีรอที่จะมา”
แม่พระทรงขอให้ช่วยเหลือคนยากจนขัดสน –
รวมทั้งคนที่ร่ำรวยด้วย “เพราะพวกเขาสูญเสียความเชื่อไป” พระนางเตือนว่า “พระเยซูเจ้าไม่ต้องการให้ใครตกอยู่ในการประจญของโลก” แล้วพระนางทรงอ้างถึงพระคัมภีร์ 1 ยอห์น 2-6,17
“แม่ได้อ้างถึงข้อความในพระคัมภีร์ในสาส์นถึงโลกของแม่
เพื่อทำให้ลูกรู้ว่ามันเป็นความจริงน่าเชื่อถือ ลูกจะได้ไม่สงสัย”
“จงอ่านซ้ำอีกครั้งและลูกจะพบคำตอบที่ลูกยังไม่พบในเวลานี้”
ผู้เห็นแม่พระคือ กลาดิส คิวโรกา เดอ มอตตา Gladys Quiroga de Motta
เธอเริ่มเห็นแม่พระวันที่ 25 ก.ย. 1983 และได้รับสาส์นถึง 1,900 สาส์น
(ปัจจุบันก็ยังได้รับอยู่)
เป้าหมายในชีวิตที่สำคัญที่สุด – แม่พระทรงเตือนว่า คือการเพิ่มทวีความดีฝ่ายจิตให้มากที่สุด ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ สิ่งของเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ปีศาจใช้แบ่งแยกมนุษย์ให้ออกห่างจากพระเป็นเจ้า แม่พระทรงย้ำเตือนอย่างหนักแน่นหลายครั้ง
สาส์นนี้ช่างขัดแย้งกับวิถีชีวิตของยุคสมัยใหม่ที่พึ่งพิงเศรษฐกิจ
(แสวงหาเงิน) แม่พระเรียกสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นนี้ว่า
“ความผิดพลาดของวิถีการดำเนินชีวิต”
“จงอ่านในพระวรสารเถิด
แล้วลูกจะได้เรียนรู้จักพระองค์” พระนางตรัส
“โลกเต็มไปด้วยความผิดพลาดของประชาชนที่ไร้ค่า “
“อย่ายอมให้ตัวลูกถูกลากดึงไปโดยพวกมัน
เมื่อไรก็ตามที่ลูกถูกประจญล่อลวง
จงแสวงหาความช่วยเหลือขององค์พระผู้ไถ่
และพระองค์จะนำลูกไปสู่หนทางที่ถูกต้อง”
“ทุกวันนี้
ดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าอยู่ข้างๆลูกเพื่อนำทางลูกและเพื่อกำจัดปีศาจที่กำลังโจมตีลูกด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งสิ้นของพวกมัน” แม่พระตรัสในสาส์น พ.ค. 1984
“ศัตรูโจมตีด้วย
‘โทสะรุนแรง’
ในทุกแห่ง...มันรู้ว่ามันทำอะไรไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้า และนี่ทำให้มันพยายามอย่างหนักมากขึ้นอีก แต่ลูกได้รับการปกป้อง จงสรรเสริญพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเถิด”
กุมภาพันธ์ 1985 กลาดิสเห็นนิมิตว่า
เธออยู่บนถนนสายหนึ่งและมี “สัตว์ประหลาดใหญ่โตมุ่งตรงมาที่ฉัน มันน่ากลัวมาก
มันเหมือนกับไตโนเสาร์และตัวอื่นๆเหมือนกับคนแต่น่าเกลียดมาก
มีหัวและหูที่ใหญ่
พวกมันเข้ามาใกล้ฉัน
แต่ปรากฏกำแพงสีน้ำเงินมาขวางระหว่างสัตว์ประหลาดกับฉัน แล้วฉันก็เห็นแม่พระ”
แม่พระทรงอธิบายว่า “กำแพงนั้นคือเสื้อคลุมของแม่ที่คอยปกป้อง พระเยซูเจ้าทรงนำแม่มาเป็นดังกำแพง
เหมือนผู้พิทักษ์ แม่จะป้องกันลูกเอง
ลูกทั้งหลายของแม่”
ในเดือนเมษายน แม่พระตรัสว่า “จงอยู่กับพระเยซูเจ้าและไม่ต้องกลัวการโจมตีใดๆ ไม่ต้องกลัวสิ่งใด
เพราะไม่มีสิ่งใดที่สามารถเอาชนะพระเป็นเจ้าได้ พระองค์ทรงคุ้มครองผู้ที่พระองค์ทรงรัก อาแมน อาแมน จงอ่าน 2 ทิโมที 2:19”
เมื่อถูกกดขี่หรือใส่ร้าย
แม่พระตรัสแก่กลาดิสว่า “จงร้องหาพระเป็นเจ้า จงเรียกหาพระองค์ตลอดเวลา
เพราะพระองค์คือผู้ปกครองจักรวาล
พระองค์เท่านั้น” แม่พระตรัสว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จงระลึกถึงพระจิตเจ้า
ผู้ทรง “เป็นพละกำลังเข้มแข็งเหนือกว่าความเข้มแข็งใดๆทั้งสิ้น”
แม่พระทรงแนะนำว่า จงมอบตนเองทั้งสิ้นแด่พระเป็นเจ้าและจงมั่นใจ
(แล้วพระนางตรัสให้อ่าน ฮีบรู 3 :
12-15) อย่าถ่อมตนต่อหน้าศัตรู
แต่จงถ่อมตนเบื้องพระพักตร์พระเป็นเจ้า
กลาดิสยังได้เห็นนิมิตเมืองหลายเมืองที่ถูกทำลาย “ราวกับว่ามีสงครามเกิดขึ้น”
แต่ระหว่างที่เห็นนิมิตนี้เธอได้เห็นนกพิราบสีขาวบินและได้ยินแม่พระทรงบอกเธอว่าสิ่งที่เหมือนสงครามนี้มาจาก
“ความทะเยอทะยานและอำนาจ” ซึ่งเป็น ”ผลพวง” อีกอย่างหนึ่งของความรักโลก
แม่พระยังทรงเตือนเกี่ยวกับบุคคลดื้อดึงบางคน
“แม่ยังคงเห็นความตาบอดของประชาชนที่มีต่อคำเตือนของพระเยซูเจ้า” ในปี 1984
ถึงปีถัดมา แม่พระตรัส “ลูกทั้งหลายของแม่
คนที่ไร้จิตสำนึกได้ตายไปแล้ว ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่
เพราะพวกเขาไม่กลัวต่อพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า หรือไม่กลัวและไม่ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์
พวกเขาต้องการเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าวันของพระเจ้าและการพิพากษาของพระองค์จะมาถึง”
----------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น