By Bárbara Bustamante
Juarez, Mexico, Jan 26,
2017 / 02:59 am CNA/EWTN News).- เมืองจัวอาเรส Juarez ตั้งอยู่ที่รัฐชิฮัวฮัว Chihuahua ทางตอนเหนือของเม็กซิโก
ถูกขึ้นทะเบียนว่าเป็นเมืองที่อันตรายที่สุดในโลกเมื่อปี 2008 ถึง 2010
อันเนื่องมาจากความรุนแรงของขบวนการขนยาเสพติดสองกลุ่มที่ต่อสู้กันเพราะต้องการมีอำนาจเหนือกว่า เมืองนี้มีประชากรอยู่ 1.3 ล้านคน
อย่างไรก็ดี
สถิติอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเมืองนี้เริ่มลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือในปี 2010 เกิดอาชญากรรม 3,766 ครั้ง
ได้ลดลงเหลือ 256 ครั้งในปี 2015
การลดลงของอาชญากรรมนี้
ส่วนหนึ่งต้องถือว่าเกิดจากความก้าวหน้าในการปรับปรุงการทำงานของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แต่สำหรับ คุณพ่อ แพทริกโก ฮิลเลแมน Fr. Patrico Hileman – พระสงฆ์ผู้ก่อตั้ง โบสถ์น้อยแห่งการเคารพศีลมหาสนิทเป็นนิจกาล Perpetual Adoration Chapel ในลาตินอเมริกา
ท่านทราบว่ามีเหตุผลที่ลึกกว่าในเรื่องดังกล่าว นั่นคือเกิดจากพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
คุณพ่อแพทริกโกกล่าวว่า “เมื่อทางโบสถ์ทำพิธีเคารพศีลมหาสนิททั้งกลางวันและกลางคืน
สถานการณ์ในเมืองก็เปลี่ยนแปลงไป” ท่านได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุเรดิโอมาเรีย อาร์เจนตินา
Radio María Argentina ว่า ในปี 2013
ทางมิชชันนารีได้เริ่มเปิดโบสถ์น้อยแห่งการเคารพศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรกในเมืองจัวอาเรส ในตอนนั้น “มีคน 40 คนต่อวันที่ต้องเสียชีวิตเพราะแก๊งค้ายาสองกลุ่มต่อสู้กันในเมืองเพื่อขนย้ายยาเข้าไปในสหรัฐอเมริกา”
แก๊งค้ายาในจัวอาเรสและสินาเลา
มีนาย โจอาควิน “เอลชาโป” กัสแมน โลอีรา Joaquín “el Chapo” Guzmán
Loera เป็นอดีตหัวหน้า ปัจจุบันนี้เขาถูกจับตัวและส่งไปให้สหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
คุณพ่อแพทริกโกเล่าว่า “ทางสังฆมณฑลระบุว่า สงครามกลางเมืองไม่จบสิ้นลงเพราะมีทหารที่คอยสนับสนุนแก๊งค้ายากลุ่มหนึ่ง
และตำรวจสนับสนุนแก๊งค้ายาอีกกลุ่มหนึ่ง
พวกเขาต่อสู้กันและฆ่าประชาชน
เผาบ้านเรือนเพื่อให้ประชาชนหนีไปจากเมือง
การต่อสู้เกิดขึ้นทั่วทั้งเมือง”
มีบางคนในสังฆมณฑลซึ่ง”สิ้นหวัง”ในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้ขอให้ทางมิชชันนารีเปิดโบสถ์น้อยแห่งการเคารพศีลมหาสนิทขึ้น เพราะพวกเขามั่นใจว่า “มีเพียงพระเยซูเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือพวกเราได้ พระองค์สามารถปกป้องคุ้มครองพวกเรา”
มิชชันนารีใช้เวลาเพียงสามวันในการก่อตั้งโบสถ์น้อยแห่งการเคารพศีลมหาสนิทในเมืองจัวอาเรส
คุณพ่อแพทริกโกเล่าว่า วันหนึ่งขณะที่ทหารเข้ายึดเมือง มีสุภาพสตรีผู้หนึ่งเดินทางมาที่โบสถ์น้อยเพื่อมาเคารพศีลมหาสนิทในเวลา
3.00 น.ตอนเช้า ทหาร 6
คนได้มาประกบเธอและถามเธอว่ากำลังจะไปที่ไหน
สุภาพสตรีผู้นั้นบอกทหารว่าเธอกำลังจะไปที่
“โบสถ์น้อย”
ทหารถามเธอว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน เพราะในเวลานั้นอาคารทุกแห่งจะปิดหมด
สุภาพสตรีจึงเสนอให้ทหารไปกับเธอด้วยเพื่อให้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง
เมื่อทหารเข้าไปในโบสถ์น้อย
ก็พบว่า “มีผู้หญิงหกคนกำลังเคารพศีลมหาสนิทอยู่ในเวลา 3.00 น.”
ในตอนนั้นเอง
สุภาพสตรีก็พูดกับทหารว่า “พวกคุณจะปกป้องพวกเราได้ไหม?
พวกเรากำลังสวดภาวนาให้พวกคุณ 24 ชั่วโมงต่อวัน”
หนึ่งในทหารนั้นทรุดลงกับพื้นทั้งที่ยังถืออาวุธอยู่
“เขาร้องไห้ต่อหน้าศีลมหาสนิท
และวันต่อมาในเวลา 3.00 น. เวลาเช้า
พวกผู้หญิงก็เห็นทหารแต่งตัวในชุดชาวบ้านธรรมดามาเคารพศีลมหาสนิทด้วย พวกเขาร้องไห้มากมาย”
สองเดือนต่อมาหลังจากเปิดโบสถ์น้อย
พระสงฆ์ของสังฆมณฑล “ได้เรียกเราไปพบและพูดกับเราว่า : คุณพ่อ – ตั้งแต่โบสถ์น้อยเปิดขึ้นมา
ไม่มีคนตายเลยในจัวอาเรส นี่ก็สองเดือนแล้วและไม่มีคนตายเลย”
คุณพ่อแพทริกโกกล่าวว่า “เราได้เปิดโบสถ์น้อยขึ้นสิบแห่งต่อปี”
และดูเหมือนว่ายังไม่เพียงพอ “ในตอนนั้นพวกเขากำลังจะปิดสามเณราลัยเพราะมีสามเณรเพียงแค่
8 คนเท่านั้น
แต่เวลานี้จำนวนสามเณรเพิ่มขึ้นเป็น 88 คน
พระสังฆราชบอกผมว่าสามเณรเหล่านี้ได้เข้าร่วมการเคารพศีลมหาสนิทในชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ด้วย”
คุณพ่อแพทริกโกกล่าวว่า “นั่นคือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำให้กับสังฆมณฑล”
เมื่อประชาชนมีความเข้าใจว่า “เราจะพบความปลอดภัยได้ในพระคริสต์เท่านั้น”
คุณพ่อยังให้ข้อสังเกตอีกว่า
“อัศจรรย์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในชั่วโมงแรกของเวลาเช้าตรู่”
เวลาเช้าตรู่ “เป็นเวลาที่คุณรู้สึกถึงสันติภาพมากที่สุด คุณจะได้ยินเสียงของพระเป็นเจ้าดีขึ้น จิตใจของคุณ
หัวใจของคุณสงบมากขึ้น คุณจะอยู่กับพระเป็นเจ้าเพียงลำพัง
เมื่อคุณใจกว้างต่อพระเยซูเจ้า
พระองค์ก็ใจกว้างต่อคุณมากกว่านับพันเท่า” คุณพ่อแพทริกโกกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น