ดิฉันเป็นลูกคนที่สี่ในครอบครัวที่มีลูกห้าคน แม่ของดิฉันเป็นคาทอลิก
ส่วนคุณพ่อเปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกหลังจากแม่ของดิฉันเสียชีวิตไปแล้ว
เมื่อดิฉันอายุได้ 20 ปี ดิฉันแต่งงานกับเคนเนท อับราฮัม และเรามีลูก 3 คนคือ
เมลานี เจฟฟรี และคาเรน ทุกวันอาทิตย์เราจะไปโบสถ์
แต่ดิฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยศรัทธาเท่าไรนัก หลังจากสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2
ดิฉันมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับโบสถ์
ดิฉันรู้สึกผิดหวังและมีทัศนคติที่ไม่ดีกับทางพระศาสนจักร อย่างไรก็ตาม
ดิฉันยังมีความศรัทธาต่อพระมารดามารีย์และสวดสายประคำเป็นประจำ
สิ่งนี้เป็นความศรัทธาที่ดิฉันได้เรียนรู้มาจากแม่ของดิฉัน
ในวัยเด็ก
ดิฉันเห็นแม่พระครั้งแรกในตอนอายุ 5
ขวบ
แม่พระทรงบอกดิฉันว่าคุณพ่อของดิฉันหายจากเจ็บป่วยเพราะความช่วยเหลือของพระนาง
พระนางยังทรงทำให้ดอกกุหลาบในแจกันใกล้ๆที่เหี่ยวเฉาแล้วกลับมาสดชื่นสวยงามอีกครั้งด้วย ดิฉันตระหนักว่าถ้าเราสวดภาวนาต่อพระนาง พระนางจะทรงรับฟัง โรงเรียนของเราอยู่ใกล้กับโบสถ์คาทอลิก ทุกๆวันหลังโรงเรียนเลิก
ดิฉันจะวิ่งข้ามถนนไปที่โบสถ์เพื่อดูพระรูปรูปปั้นของแม่พระแห่งลาซาแล็ต
ดิฉันจะจุดเทียนโดยหวังว่าแม่พระจะทรงหยุดกรรแสงเหมือนดังเช่นในพระรูป แล้วดิฉันแสดงความเคารพต่อพระรูปพระเยซูเจ้าและวิ่งออกจากโบสถ์ไปยังบ้าน
เสียชีวิตเมื่ออายุ
30
ในเดือนมกราคม 1970 เมื่อมีอายุ 30 ปี
ดิฉันเจ็บป่วยเป็นมะเร็งที่มดลูก
หลังการผ่าตัดแล้ว หมอให้ยาดิฉันมาทาน
เป็นยาที่เพิ่งออกใหม่ในการรักษาทางแพทย์
และร่างกายดิฉันมีปฏิกิริยาต่อต้านยานั้น
สามีของดิฉันนำฉันกลับไปที่บ้านซึ่งอยู่ในฮุสตัน แม่สามีของดิฉันคอยดูแลลูกๆของเรา ดิฉันถูกนำไปที่ห้องนอน และดิฉันคิดว่าดิฉันมีอาการชัก
สามีของดิฉันต้องกลับมาและโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาล หมอแนะนำให้นำดิฉันไปที่โรงพยาบาล ดิฉันหายใจไม่ออก หัวใจเหมือนจะระเบิดในทรวงอก ดิฉันพยายามหายใจเอาอากาศเข้าปอด สามีนำดิฉันไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
หมอทำการบีบหัวใจด้วยการกดที่หน้าอก ในทันใดนั้นเองดิฉันก็ออกจากร่างและมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานั้น ดิฉันได้ยินหมอพูดสบถและตะโกนใส่นางพยาบาล เขาพูดว่า “เราเสียเธอไปแล้ว”
พบกับพระเยซูเจ้า
ทันใดนั้น
ดิฉันถูกดึงขึ้นไปผ่านเพดานห้อง
ดิฉันรู้สึกว่ากำลังผ่านมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง มันไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนนัก
เหมือนดิฉันถูกกระชากออกจากร่างกายและถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์
ดิฉันเห็นแสงสว่างและเห็นเหล่าเทวดาและวิญญาณในขณะที่ผ่านไป ดิฉันเห็นแสงสว่างเล็กที่ปลายอุโมงค์นั้นและดิฉันต้องการไปที่แสงสว่างนั้น ดิฉันเข้าไปใกล้มากขึ้นๆทุกที แสงสว่างนั้นเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
แสงนั้นคือพระคริสต์
ดิฉันจำได้ว่าพระองค์ทรงโอบกอดดิฉัน
พระองค์ไม่ใช่เป็นจิตวิญญาณ
พระองค์ทรงมีร่างกายจริงๆ
ดิฉันเป็นจิตวิญญาณและมันสกปรก
ดิฉันสามารถรู้สึกถึงความรักของพระองค์ได้
ความรักที่ปรารถนาจะได้รับความรักตอบ ความรักที่แทรกอยู่ในทุกส่วนของวิญญาณของดิฉัน
ดิฉันรู้สึกถึงความรักความเมตตาของพระองค์
ในฐานะที่เป็นแม่
ดิฉันรู้จักความรัก
แต่ความรักของพระองค์ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้
ความรักของพระองค์โอบล้อมคุณไว้และคุณรู้สึกได้ มันเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด เป็นสิ่งที่คุณไม่เคยสัมผัสรู้สึกมาก่อน พระองค์ทรงบอกดิฉันว่า พระองค์จะให้ดิฉันเห็นบางอย่าง แล้วพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ ขณะที่พระหัตถ์ของพระองค์โบกไป
ดิฉันได้เห็นภาพชีวิตของดิฉันทั้งหมดตั้งแต่วัยเด็กจนถึงอายุ 30 ปี มันเหมือนกับภาพยนตร์ ดิฉันได้เห็นเวลาที่ดิฉันทำความดีบางอย่างและดิฉันสัมผัสถึงความปิติยินดีและความรักของพระองค์ และเมื่อดิฉันทำบางอย่างที่ไม่ดี
ดิฉันสัมผัสถึงความเจ็บปวดของพระองค์เนื่องมาจากการกระทำของดิฉัน
พระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นชีวิตทั้งหมดของดิฉัน
และพระองค์ไม่ได้ทรงหยุดรักดิฉันเลย พระเมตตาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่เหลือล้นจนไม่อาจพรรณนาได้
ดิฉันได้เห็นพระองค์หน้าต่อหน้า
พระองค์ทรงสวยงามยิ่งกว่าในรูปภาพที่ดิฉันเคยเห็นมา พระองค์ทรงแผ่รังสีแห่งความรักของพระองค์
ทะเลแห่งไฟ
พระเยซูเจ้าตรัสถามดิฉันว่า ดิฉันพอใจในชีวิตของดิฉันไหม และดิฉันตอบว่า
ไม่ พระองค์ตรัสว่า
จะให้โอกาสแก่ดิฉันอีกครั้งหนึ่ง
แล้วพระองค์ตรัสว่าจะแสดงบางสิ่งแก่ดิฉัน พระองค์ทรงให้ดิฉันเห็นนรก มันน่ากลัวมาก มันไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นนิรันดร น่ากลัวยิ่งนัก ฉันไม่สามารถลืมภาพนั้นได้เลย
ดิฉันอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเห็นวิญญาณที่กำลังไปสู่นรก วิญญาณเหล่านั้นเหมือนกับบางสิ่งในเวลาที่คุณฝันร้าย พวกเขาเหมือนสัตว์ร้ายน่ากลัว
พวกเขาสาปแช่งพระเจ้าไม่หยุดเลย
ที่นั่นเหมือนภูเขาไฟ
คุณจินตนาการไม่ออกหรอกว่าวิญญาณเหล่านั้นเป็นเช่นไร ดิฉันร้องออกมาว่า “ดิฉันจะสวดภาวนาเพื่อพวกเขา”
พระเยซูเจ้าทรงสั่นพระเศียร แล้วพระองค์ทรงให้ดิฉันเห็นชายที่น่ากลัวคนหนึ่งที่กำลังด่าว่าสาปแช่งพระเจ้า เขาเป็นคนที่เย่อหยิ่ง โหดร้าย
เขาจะถีบประตูและชกหน้าใครก็ได้
เมื่อเขาเห็นสุนัข เขาก็จะเตะมันและวิ่งไล่มันไปตามถนน
เพื่อนบางคนของเขาแนะนำเขาว่าให้กลับใจมาหาพระเจ้า แต่เขากลับตอบว่า “ข้าไม่ต้องการพระเจ้า
ข้านี่แหละคือพระเจ้า” ชายคนนั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่าง
พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์แก่เขาเป็นครั้งสุดท้ายและทรงถามเขาสองเรื่อง –
“ลูกรักเราไหม? ลูกรักเราด้วยใจจริงไหม? และลูกเสียใจในบาปของลูกไหม?” ชายคนนั้นพูดสาปแช่งพระเยซูเจ้า
พระเยซูจึงทรงผินพระพักตร์และวิญญาณของเขาก็ตรงไปสู่ไฟ
ชายคนนั้นจำพระเยซูเจ้าไม่ได้เพราะความหยิ่งจองหองของเขา ทุกวันนี้ดิฉันก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร
แต่ดิฉันไม่ลืมเขาเลย ดิฉันรู้แน่ชัดว่าดิฉันไม่ต้องการไปนรก ความทุกข์ทรมานที่นั่นแสนสาหัสยิ่งนัก
ไฟแห่งการชำระล้าง
แล้วพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ดิฉันเห็นไฟชำระ ดิฉันเรียกไฟชำระว่า “ดินแดนสีเทา”
มานานหลายปีเพราะมันเป็นสีเทาทึบ
มีลำดับชั้นต่างๆ
ดิฉันไม่รู้ว่ามีมากเท่าไร
ที่เบื้องลึกที่สุดมันมืดมากและเป็นสีดำ
วิญญาณที่อยู่ที่นั่นส่วนใหญ่เพราะได้ทำบาปหนัก พวกเขาต้องรับความทรมานหนักหนาสาหัส มีไฟแต่เป็นไฟในวิญญาณที่ชำระล้างทำความสะอาดพวกเขา
เมื่อวิญญาณได้รับการชำระล้างจนสะอาดแล้วพวกเขาก็จะเคลื่อนย้ายไปสู่ระดับที่สูงขึ้นซึ่งเป็นสีเทาจนไปสู่แสงสว่างในที่สุด
ที่ซึ่งพวกเขาจะถูกชำระล้างด้วยผลึกและได้รับการปลดปล่อยสู่สวรรค์ ดิฉันได้เห็นวิญญาณของปู่ของดิฉัน เคลตัน Creighton
ซึ่งเสียชีวิตเมื่อดิฉันอายุ 4 - 5
ขวบ ท่านเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย ท่านอยู่ในไฟชำระชั้นล่างสุด วิญญาณของท่านจำดิฉันได้ และท่านขอให้ดิฉันสวดภาวนาเพื่อเขา ดิฉันได้ยินท่านร้องไห้ อีก 20
ปีต่อมาท่านได้มาหาดิฉันและบอกดิฉันว่าท่านได้รับการปลดปล่อยแล้ว
เราต้องสวดภาวนาอุทิศให้วิญญาณในไฟชำระเหล่านี้
ขอมิสซา สวดสายประคำ และทำพลีกรรมอุทิศให้
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้วิญญาณออกจากไฟชำระได้ พวกเขาสวดภาวนาเพื่อตัวเองไม่ได้ แต่พวกเขาสวดภาวนาเพื่อพวกเราได้ จำเป็นที่พวกเราต้องสวดภาวนาเพื่อพวกเขา
มีวิญญาณในไฟชำระเป็นพันล้านดวง
แต่วิญญาณนั้นไม่รู้ว่ามีวิญญาณอื่นอยู่รอบตัวเขาเลย พวกเขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง พวกเขารู้มาอยู่ที่นั่นเพราะเหตุใด พวกเขาไม่สามารถบรรเทาทุกข์วิญญาณของผู้อื่นได้ ที่นั่นไม่มีความรูสึกเรื่องเวลา ที่นั่นไม่มีนาฬิกา
สวรรค์
หลังจากที่ดิฉันได้เห็นส่วนล่างสุดของไฟชำระแล้ว พระเยซูเจ้าทรงแสดงสวรรค์ให้แก่ดิฉัน วิญญาณทุกดวงในสวรรค์เปล่งรัศมี
ดิฉันไม่เห็นส่วนเท้าของใครเลย
พวกเขาเคลื่อนไหวไปทั่วและกลิ่นของสวรรค์ไม่เหมือนในโลก เพลงที่ได้ยินไพเราะมาก
มีเสียงที่ร้องเพลงนับพันเสียงที่สรรเสริญพระเจ้า
ดิฉันได้พบกับคุณยายด้วย
เธอเสียชีวิตไปหลายปีก่อนที่ดิฉันเกิด
เธอขอบคุณดิฉันที่ตั้งชื่อลูกสาวคนโตตามชื่อของเธอ
เธอยังฝากข้อความส่วนตัวถึงแม่ของดิฉันด้วย เธอเตือนดิฉันให้สวดสายประคำ ลักษณะของเธอเหมือนมีอายุสัก 30 ปี แล้วแม่พระก็ทรงปรากฏมาพร้อมด้วยอัครเทวดามีคาแอล แม่พระทรงงดงามยิ่งนัก เมื่อพระนางตรัสมีเสียงเหมือนเสียงระฆังเล็กๆดังกังวาล เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ชัดเจน พระนางตรัสว่า เมื่อดิฉันสวดสายประคำ
พระนางทรงได้ยินบทภาวนาทุกบทเสมอ ส่วนอัครเทวดามีคาแอลนั้น ดิฉันจำได้ว่าดิฉันเคยคิดว่าอยากจะยืนอยู่ข้างๆท่าน ดิฉันยังได้เห็นว่าบทภาวนาต่างๆที่มนุษย์สวดบนโลก ถูกนำไปสู่สวรรค์โดยบรรดาเทวดา
บางครั้งสิ่งที่เราวอนขอในเวลาสวดภาวนาไม่ได้รับการตอบสนอง นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เราวอนขอไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับจิตวิญญาณของเรา พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความดีสำหรับเรา ดิฉันยังได้เห็นคุณพ่อปีโอและนักบุญอีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นแม่ชีด้วย แต่ดิฉันไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร
สิ่งที่ตามมา
ดิฉันถามพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับการที่พระองค์ถูกเฆี่ยนและทรงถูกตรึงกางเขน
พระองค์ทรงตอบว่ามนุษย์ในทุกวันนี้ได้เพิ่มเติมรอยแผลให้แก่พระกายของพระองค์ พระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นการทำแท้ง
ดิฉันเห็นร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนับพันล้านคน แล้วพระเยซูเจ้าทรงเริ่มกรรแสง พระองค์ตรัสว่า “ลูกเห็นแล้ว นี่คือสิ่งที่มนุษยชาติทำกับพระพรแห่งชีวิตที่พระบิดาของเราทรงประทานให้ พวกเขาทำลายมัน” ดิฉันยังไม่เข้าใจในตอนนั้น แต่พระองค์ตรัสว่าดิฉันจะเข้าใจในภายหลัง
ต่อมาพระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นการทำการุณยฆาตและมีหลายคนที่ต้องเสียชีวิตในโรงพยาบาลหรือที่บ้านพักคนชรา
แล้วพระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นถังหลายใบที่ภายในบรรจุร่างของเด็กทารกและทุกคนมีรกติดอยู่ด้วย
– แต่ไม่มีครรภ์
สายตาของพวกเขาว่างเปล่า
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มนุษย์พยายามสร้างชีวิตขึ้นมาและพวกเขาก็ทำลายทารกที่สร้างขึ้นมานี้ พวกเขาไม่สามารถสร้างชีวิตขึ้นได้หรอก มีเพียงพระบิดาของเราเท่านั้นที่ทรงสร้างชีวิตได้และสามารถทำลายได้
มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่สามารถใส่วิญญาณเข้าในร่างกายได้”
ดิฉันได้เห็นว่าขณะที่เกิดการปฏิสนธินั้นวิญญาณได้เข้าสู่ร่างกาย
และอารักขเทวดาได้รับการมอบหมายให้ดูแลวิญญาณนั้นในเวลานั้นเอง เด็กที่เกิดมาโดยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม หรือ
พิการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น หาใช่เป็นความผิดพลาด
พวกเขาเป็นเช่นนั้นเพื่อเป็นภารกิจแสดงให้เราบนโลกเห็นถึงความรักและความเมตตา พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาของเราไม่เคยผิดพลาด พระองค์ทรงรู้จักสิ่งสร้างทุกอย่างที่พระองค์ทรงสร้าง” แล้วพระองค์ทรงโอบกอดดิฉัน
ทรงจุมพิตที่หน้าผากของดิฉันและทรงสัมผัสหัวใจของดิฉัน และตรัสว่า “ลูกจะจำทุกสิ่งที่เราบอกลูกได้ ในภายภาคหน้า
เวลาจะมาถึงที่ลูกจะต้องพูดถึงสิ่งเหล่านี้และลูกจะบอกแก่ประชาชนของเรา
ลูกจะนำแกะที่หลงทางกลับมาหาเรา”
กลับคืนชีพ
ดิฉันมองดูที่ตัวเองและเห็นความสกปรกของวิญญาณของดิฉัน ดิฉันทูลพระเยซูว่าดิฉันรักพระองค์แล้วดิฉันก็ถูกผลักให้มาสู่ร่างกายของดิฉัน ดิฉันลืมตาขึ้นและหมอกำลังมองดูดิฉัน ต้องใช้เวลาถึงสองสัปดาห์ก่อนที่ดิฉันจะสามารถพูดกับหมอได้ ดิฉันถามหมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นในห้องฉุกเฉินนั้น ดิฉันบอกหมอว่าการพูดสบถเป็นสิ่งที่ไม่ดี และเขาบอกว่าดิฉันได้ตายไปแล้ว เขาไม่คิดว่าจะสามารถนำดิฉันกลับมาได้ ดิฉันตายไปเพียงสองนาทีเท่านั้น
ดิฉันได้ไปทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อเล่าประสบการณ์เหล่านั้น
เพื่อปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้นและหันกลับมาหาพระเจ้า เรากำลังอยู่ในวิกฤตการณ์ นี่ไม่ใช่อวสานของโลก นี่เป็นอวสานของยุคสมัย พระเจ้ากำลังทรงฟื้นฟูโลกใหม่
วิญญาณในไฟชำระ
ภายหลังจากประสบการณ์หลังความตายของดิฉัน
ได้มีวิญญาณหลายดวงมาหาดิฉันเพื่อขอคำภาวนา
ดิฉันไม่รู้เสมอไปหรอกว่าดิฉันได้สวดภาวนาให้ใครบ้าง
คืนวันหนึ่งวิญญาณดวงหนึ่งมาหาดิฉันและขอให้ดิฉันสวดภาวนาเพื่อเขาเพราะคนที่เคยสวดภาวนาให้เขาได้หยุดสวดไปแล้ว ชื่อของเขาคือวิกเตอร์ ดิฉันได้ประกาศชื่อของเขาในรายการทีวี
ที่สัมภาษณ์ดิฉัน
และผู้สัมภาษณ์ได้ถามผู้ชมว่ามีใครที่เกี่ยวข้องวิญญาณของวิกเตอร์และเคยสวดภาวนาให้เขาบ้าง
ต่มมามีโทรศัพท์มาจากซิสเตอร์สองท่านที่อยู่ที่นิวยอร์ก และท่านทั้งสองบอกว่าวิกเตอร์คือบิดาของพวกเขา
วันที่ดิฉันออกรายการทีวีเป็นวันครบรองหนึ่งปีการเสียชีวิตของเขา
และซิสเตอร์ทั้งสองได้หยุดสวดภาวนาเพื่อเขา พวกเขาได้เริ่มสวดภาวนาอีกครั้งหนึ่งและต่อมาได้พบว่าวิญญาณดวงนี้ได้รับการปลดปล่อยจากไฟชำระ
การยอมรับความทุกข์
ครั้งใดก็ตามที่คุณทำสิ่งใดด้วยความรักโดยไม่คิดที่จะรับผลตอบแทน นั่นจะเป็นการทำให้เวลาการอยู่ในไฟชำระของคุณสั้นลง
ความทุกข์ที่รับด้วยพระคุณโดยไม่บ่นเป็นการทำเวลาแห่งการชำระล้างสั้นลง
ขอให้มอบการกระทำเหล่านั้นอุทิศแก่วิญญาณที่ไม่รู้จักพระเจ้า
หลายคนที่เป็นโรคมะเร็งและได้มอบความทุกข์ของเขาเพื่อวิญญาณในไฟชำระหรือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการ
จะไม่ต้องใช้เวลามากนักในไฟชำระโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเด็กที่เป็นโรคมะเร็งและมอบความทุกข์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นจะได้รับพระคุณมากที่สุด พวกเขาจะมีที่เฉพาะบนสวรรค์ แม่พระและอารักขเทวดาของพวกเขาจะมาเยี่ยมพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ
พวกเราได้รับจิตอิสระจากพระเจ้าและพระองค์จะไม่ทรงเข้ามาแทรกแซงทำอะไรกับจิตอิสระของเรา พวกเรายังได้รับพระพรหลายอย่างจากพระเจ้า บางคนมีสติปัญญาดี บางคนมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าผู้อื่น บางคนมีความสามารถพิเศษบางอย่าง พระพรเหล่านั้นเราต้องนำมาใช้เพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ผู้ที่ได้รับมากก็จะต้องคืนมากด้วย แต่มีหลายคนที่ไม่ใช้พระพรเหล่านั้น หรือใช้เพื่อตัวเองเท่านั้น
-------------------------------------
ขอบคุณมากนะครับ ที่นำมาแบ่งปันกัน ซึ่งก็สอดคล้องกับประสบการณ์ของผุ้ที่มีประสบการณ์เคยเสียชีวิตแล้ว และพระเจ้าให้โอกาสเขากลับมาอีกครั้ง ... ทำให้เรารู้สึกว่าการดำเนินชีวิตที่ดีบนโลกใบนี้จำเป็นยิ่งนัก
ตอบลบขอบคุณมากนะครับ
ตอบลบ