วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ประสบการณ์หลังความตายของ ซอนดรา อับราฮัม



ดิฉันเป็นลูกคนที่สี่ในครอบครัวที่มีลูกห้าคน  แม่ของดิฉันเป็นคาทอลิก ส่วนคุณพ่อเปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกหลังจากแม่ของดิฉันเสียชีวิตไปแล้ว เมื่อดิฉันอายุได้ 20 ปี ดิฉันแต่งงานกับเคนเนท อับราฮัม และเรามีลูก 3 คนคือ เมลานี  เจฟฟรี และคาเรน  ทุกวันอาทิตย์เราจะไปโบสถ์ แต่ดิฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยศรัทธาเท่าไรนัก หลังจากสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ดิฉันมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับโบสถ์ ดิฉันรู้สึกผิดหวังและมีทัศนคติที่ไม่ดีกับทางพระศาสนจักร  อย่างไรก็ตาม ดิฉันยังมีความศรัทธาต่อพระมารดามารีย์และสวดสายประคำเป็นประจำ สิ่งนี้เป็นความศรัทธาที่ดิฉันได้เรียนรู้มาจากแม่ของดิฉัน

ในวัยเด็ก

            ดิฉันเห็นแม่พระครั้งแรกในตอนอายุ 5 ขวบ แม่พระทรงบอกดิฉันว่าคุณพ่อของดิฉันหายจากเจ็บป่วยเพราะความช่วยเหลือของพระนาง  พระนางยังทรงทำให้ดอกกุหลาบในแจกันใกล้ๆที่เหี่ยวเฉาแล้วกลับมาสดชื่นสวยงามอีกครั้งด้วย  ดิฉันตระหนักว่าถ้าเราสวดภาวนาต่อพระนาง  พระนางจะทรงรับฟัง  โรงเรียนของเราอยู่ใกล้กับโบสถ์คาทอลิก  ทุกๆวันหลังโรงเรียนเลิก  ดิฉันจะวิ่งข้ามถนนไปที่โบสถ์เพื่อดูพระรูปรูปปั้นของแม่พระแห่งลาซาแล็ต  ดิฉันจะจุดเทียนโดยหวังว่าแม่พระจะทรงหยุดกรรแสงเหมือนดังเช่นในพระรูป  แล้วดิฉันแสดงความเคารพต่อพระรูปพระเยซูเจ้าและวิ่งออกจากโบสถ์ไปยังบ้าน

เสียชีวิตเมื่ออายุ 30

            ในเดือนมกราคม 1970 เมื่อมีอายุ 30 ปี ดิฉันเจ็บป่วยเป็นมะเร็งที่มดลูก  หลังการผ่าตัดแล้ว หมอให้ยาดิฉันมาทาน เป็นยาที่เพิ่งออกใหม่ในการรักษาทางแพทย์  และร่างกายดิฉันมีปฏิกิริยาต่อต้านยานั้น  สามีของดิฉันนำฉันกลับไปที่บ้านซึ่งอยู่ในฮุสตัน  แม่สามีของดิฉันคอยดูแลลูกๆของเรา  ดิฉันถูกนำไปที่ห้องนอน และดิฉันคิดว่าดิฉันมีอาการชัก  สามีของดิฉันต้องกลับมาและโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาล  หมอแนะนำให้นำดิฉันไปที่โรงพยาบาล  ดิฉันหายใจไม่ออก หัวใจเหมือนจะระเบิดในทรวงอก  ดิฉันพยายามหายใจเอาอากาศเข้าปอด  สามีนำดิฉันไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หมอทำการบีบหัวใจด้วยการกดที่หน้าอก  ในทันใดนั้นเองดิฉันก็ออกจากร่างและมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานั้น  ดิฉันได้ยินหมอพูดสบถและตะโกนใส่นางพยาบาล  เขาพูดว่า “เราเสียเธอไปแล้ว”

พบกับพระเยซูเจ้า

            ทันใดนั้น ดิฉันถูกดึงขึ้นไปผ่านเพดานห้อง  ดิฉันรู้สึกว่ากำลังผ่านมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง มันไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนนัก เหมือนดิฉันถูกกระชากออกจากร่างกายและถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์  ดิฉันเห็นแสงสว่างและเห็นเหล่าเทวดาและวิญญาณในขณะที่ผ่านไป  ดิฉันเห็นแสงสว่างเล็กที่ปลายอุโมงค์นั้นและดิฉันต้องการไปที่แสงสว่างนั้น  ดิฉันเข้าไปใกล้มากขึ้นๆทุกที  แสงสว่างนั้นเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ แสงนั้นคือพระคริสต์  ดิฉันจำได้ว่าพระองค์ทรงโอบกอดดิฉัน  พระองค์ไม่ใช่เป็นจิตวิญญาณ  พระองค์ทรงมีร่างกายจริงๆ  ดิฉันเป็นจิตวิญญาณและมันสกปรก  ดิฉันสามารถรู้สึกถึงความรักของพระองค์ได้  ความรักที่ปรารถนาจะได้รับความรักตอบ ความรักที่แทรกอยู่ในทุกส่วนของวิญญาณของดิฉัน ดิฉันรู้สึกถึงความรักความเมตตาของพระองค์   ในฐานะที่เป็นแม่  ดิฉันรู้จักความรัก  แต่ความรักของพระองค์ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้  ความรักของพระองค์โอบล้อมคุณไว้และคุณรู้สึกได้  มันเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด  เป็นสิ่งที่คุณไม่เคยสัมผัสรู้สึกมาก่อน  พระองค์ทรงบอกดิฉันว่า  พระองค์จะให้ดิฉันเห็นบางอย่าง  แล้วพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์  ขณะที่พระหัตถ์ของพระองค์โบกไป  ดิฉันได้เห็นภาพชีวิตของดิฉันทั้งหมดตั้งแต่วัยเด็กจนถึงอายุ 30 ปี  มันเหมือนกับภาพยนตร์  ดิฉันได้เห็นเวลาที่ดิฉันทำความดีบางอย่างและดิฉันสัมผัสถึงความปิติยินดีและความรักของพระองค์  และเมื่อดิฉันทำบางอย่างที่ไม่ดี ดิฉันสัมผัสถึงความเจ็บปวดของพระองค์เนื่องมาจากการกระทำของดิฉัน  พระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นชีวิตทั้งหมดของดิฉัน และพระองค์ไม่ได้ทรงหยุดรักดิฉันเลย พระเมตตาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่เหลือล้นจนไม่อาจพรรณนาได้ ดิฉันได้เห็นพระองค์หน้าต่อหน้า พระองค์ทรงสวยงามยิ่งกว่าในรูปภาพที่ดิฉันเคยเห็นมา  พระองค์ทรงแผ่รังสีแห่งความรักของพระองค์

ทะเลแห่งไฟ

            พระเยซูเจ้าตรัสถามดิฉันว่า  ดิฉันพอใจในชีวิตของดิฉันไหม และดิฉันตอบว่า ไม่  พระองค์ตรัสว่า จะให้โอกาสแก่ดิฉันอีกครั้งหนึ่ง  แล้วพระองค์ตรัสว่าจะแสดงบางสิ่งแก่ดิฉัน พระองค์ทรงให้ดิฉันเห็นนรก  มันน่ากลัวมาก มันไม่มีที่สิ้นสุด  มันเป็นนิรันดร  น่ากลัวยิ่งนัก  ฉันไม่สามารถลืมภาพนั้นได้เลย  ดิฉันอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเห็นวิญญาณที่กำลังไปสู่นรก  วิญญาณเหล่านั้นเหมือนกับบางสิ่งในเวลาที่คุณฝันร้าย  พวกเขาเหมือนสัตว์ร้ายน่ากลัว พวกเขาสาปแช่งพระเจ้าไม่หยุดเลย  ที่นั่นเหมือนภูเขาไฟ คุณจินตนาการไม่ออกหรอกว่าวิญญาณเหล่านั้นเป็นเช่นไร  ดิฉันร้องออกมาว่า “ดิฉันจะสวดภาวนาเพื่อพวกเขา” พระเยซูเจ้าทรงสั่นพระเศียร แล้วพระองค์ทรงให้ดิฉันเห็นชายที่น่ากลัวคนหนึ่งที่กำลังด่าว่าสาปแช่งพระเจ้า  เขาเป็นคนที่เย่อหยิ่ง โหดร้าย เขาจะถีบประตูและชกหน้าใครก็ได้  เมื่อเขาเห็นสุนัข เขาก็จะเตะมันและวิ่งไล่มันไปตามถนน  เพื่อนบางคนของเขาแนะนำเขาว่าให้กลับใจมาหาพระเจ้า  แต่เขากลับตอบว่า “ข้าไม่ต้องการพระเจ้า ข้านี่แหละคือพระเจ้า”  ชายคนนั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์  วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่าง  พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์แก่เขาเป็นครั้งสุดท้ายและทรงถามเขาสองเรื่อง – “ลูกรักเราไหม? ลูกรักเราด้วยใจจริงไหม? และลูกเสียใจในบาปของลูกไหม?”  ชายคนนั้นพูดสาปแช่งพระเยซูเจ้า  พระเยซูจึงทรงผินพระพักตร์และวิญญาณของเขาก็ตรงไปสู่ไฟ  ชายคนนั้นจำพระเยซูเจ้าไม่ได้เพราะความหยิ่งจองหองของเขา  ทุกวันนี้ดิฉันก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่ดิฉันไม่ลืมเขาเลย  ดิฉันรู้แน่ชัดว่าดิฉันไม่ต้องการไปนรก  ความทุกข์ทรมานที่นั่นแสนสาหัสยิ่งนัก

ไฟแห่งการชำระล้าง

แล้วพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ดิฉันเห็นไฟชำระ  ดิฉันเรียกไฟชำระว่า “ดินแดนสีเทา” มานานหลายปีเพราะมันเป็นสีเทาทึบ  มีลำดับชั้นต่างๆ  ดิฉันไม่รู้ว่ามีมากเท่าไร  ที่เบื้องลึกที่สุดมันมืดมากและเป็นสีดำ  วิญญาณที่อยู่ที่นั่นส่วนใหญ่เพราะได้ทำบาปหนัก  พวกเขาต้องรับความทรมานหนักหนาสาหัส  มีไฟแต่เป็นไฟในวิญญาณที่ชำระล้างทำความสะอาดพวกเขา  เมื่อวิญญาณได้รับการชำระล้างจนสะอาดแล้วพวกเขาก็จะเคลื่อนย้ายไปสู่ระดับที่สูงขึ้นซึ่งเป็นสีเทาจนไปสู่แสงสว่างในที่สุด ที่ซึ่งพวกเขาจะถูกชำระล้างด้วยผลึกและได้รับการปลดปล่อยสู่สวรรค์  ดิฉันได้เห็นวิญญาณของปู่ของดิฉัน เคลตัน Creighton ซึ่งเสียชีวิตเมื่อดิฉันอายุ 4  - 5 ขวบ  ท่านเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย  ท่านอยู่ในไฟชำระชั้นล่างสุด  วิญญาณของท่านจำดิฉันได้  และท่านขอให้ดิฉันสวดภาวนาเพื่อเขา  ดิฉันได้ยินท่านร้องไห้  อีก 20 ปีต่อมาท่านได้มาหาดิฉันและบอกดิฉันว่าท่านได้รับการปลดปล่อยแล้ว

เราต้องสวดภาวนาอุทิศให้วิญญาณในไฟชำระเหล่านี้ ขอมิสซา สวดสายประคำ และทำพลีกรรมอุทิศให้  สิ่งเหล่านี้ช่วยให้วิญญาณออกจากไฟชำระได้ พวกเขาสวดภาวนาเพื่อตัวเองไม่ได้  แต่พวกเขาสวดภาวนาเพื่อพวกเราได้  จำเป็นที่พวกเราต้องสวดภาวนาเพื่อพวกเขา มีวิญญาณในไฟชำระเป็นพันล้านดวง  แต่วิญญาณนั้นไม่รู้ว่ามีวิญญาณอื่นอยู่รอบตัวเขาเลย  พวกเขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง  พวกเขารู้มาอยู่ที่นั่นเพราะเหตุใด  พวกเขาไม่สามารถบรรเทาทุกข์วิญญาณของผู้อื่นได้  ที่นั่นไม่มีความรูสึกเรื่องเวลา  ที่นั่นไม่มีนาฬิกา

สวรรค์

หลังจากที่ดิฉันได้เห็นส่วนล่างสุดของไฟชำระแล้ว  พระเยซูเจ้าทรงแสดงสวรรค์ให้แก่ดิฉัน วิญญาณทุกดวงในสวรรค์เปล่งรัศมี ดิฉันไม่เห็นส่วนเท้าของใครเลย  พวกเขาเคลื่อนไหวไปทั่วและกลิ่นของสวรรค์ไม่เหมือนในโลก  เพลงที่ได้ยินไพเราะมาก มีเสียงที่ร้องเพลงนับพันเสียงที่สรรเสริญพระเจ้า  ดิฉันได้พบกับคุณยายด้วย  เธอเสียชีวิตไปหลายปีก่อนที่ดิฉันเกิด  เธอขอบคุณดิฉันที่ตั้งชื่อลูกสาวคนโตตามชื่อของเธอ  เธอยังฝากข้อความส่วนตัวถึงแม่ของดิฉันด้วย  เธอเตือนดิฉันให้สวดสายประคำ  ลักษณะของเธอเหมือนมีอายุสัก 30 ปี  แล้วแม่พระก็ทรงปรากฏมาพร้อมด้วยอัครเทวดามีคาแอล  แม่พระทรงงดงามยิ่งนัก เมื่อพระนางตรัสมีเสียงเหมือนเสียงระฆังเล็กๆดังกังวาล  เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ชัดเจน  พระนางตรัสว่า เมื่อดิฉันสวดสายประคำ พระนางทรงได้ยินบทภาวนาทุกบทเสมอ   ส่วนอัครเทวดามีคาแอลนั้น ดิฉันจำได้ว่าดิฉันเคยคิดว่าอยากจะยืนอยู่ข้างๆท่าน  ดิฉันยังได้เห็นว่าบทภาวนาต่างๆที่มนุษย์สวดบนโลก  ถูกนำไปสู่สวรรค์โดยบรรดาเทวดา  บางครั้งสิ่งที่เราวอนขอในเวลาสวดภาวนาไม่ได้รับการตอบสนอง  นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เราวอนขอไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับจิตวิญญาณของเรา  พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความดีสำหรับเรา  ดิฉันยังได้เห็นคุณพ่อปีโอและนักบุญอีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นแม่ชีด้วย  แต่ดิฉันไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร

สิ่งที่ตามมา

ดิฉันถามพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับการที่พระองค์ถูกเฆี่ยนและทรงถูกตรึงกางเขน  พระองค์ทรงตอบว่ามนุษย์ในทุกวันนี้ได้เพิ่มเติมรอยแผลให้แก่พระกายของพระองค์  พระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น  ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นการทำแท้ง  ดิฉันเห็นร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนับพันล้านคน  แล้วพระเยซูเจ้าทรงเริ่มกรรแสง  พระองค์ตรัสว่า “ลูกเห็นแล้ว นี่คือสิ่งที่มนุษยชาติทำกับพระพรแห่งชีวิตที่พระบิดาของเราทรงประทานให้  พวกเขาทำลายมัน”  ดิฉันยังไม่เข้าใจในตอนนั้น  แต่พระองค์ตรัสว่าดิฉันจะเข้าใจในภายหลัง  ต่อมาพระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นการทำการุณยฆาตและมีหลายคนที่ต้องเสียชีวิตในโรงพยาบาลหรือที่บ้านพักคนชรา  แล้วพระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันเห็นถังหลายใบที่ภายในบรรจุร่างของเด็กทารกและทุกคนมีรกติดอยู่ด้วย – แต่ไม่มีครรภ์  สายตาของพวกเขาว่างเปล่า  พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มนุษย์พยายามสร้างชีวิตขึ้นมาและพวกเขาก็ทำลายทารกที่สร้างขึ้นมานี้  พวกเขาไม่สามารถสร้างชีวิตขึ้นได้หรอก มีเพียงพระบิดาของเราเท่านั้นที่ทรงสร้างชีวิตได้และสามารถทำลายได้  มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่สามารถใส่วิญญาณเข้าในร่างกายได้” ดิฉันได้เห็นว่าขณะที่เกิดการปฏิสนธินั้นวิญญาณได้เข้าสู่ร่างกาย  และอารักขเทวดาได้รับการมอบหมายให้ดูแลวิญญาณนั้นในเวลานั้นเอง  เด็กที่เกิดมาโดยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม หรือ พิการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น หาใช่เป็นความผิดพลาด  พวกเขาเป็นเช่นนั้นเพื่อเป็นภารกิจแสดงให้เราบนโลกเห็นถึงความรักและความเมตตา  พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาของเราไม่เคยผิดพลาด  พระองค์ทรงรู้จักสิ่งสร้างทุกอย่างที่พระองค์ทรงสร้าง”  แล้วพระองค์ทรงโอบกอดดิฉัน ทรงจุมพิตที่หน้าผากของดิฉันและทรงสัมผัสหัวใจของดิฉัน  และตรัสว่า “ลูกจะจำทุกสิ่งที่เราบอกลูกได้  ในภายภาคหน้า เวลาจะมาถึงที่ลูกจะต้องพูดถึงสิ่งเหล่านี้และลูกจะบอกแก่ประชาชนของเรา ลูกจะนำแกะที่หลงทางกลับมาหาเรา”

กลับคืนชีพ

ดิฉันมองดูที่ตัวเองและเห็นความสกปรกของวิญญาณของดิฉัน  ดิฉันทูลพระเยซูว่าดิฉันรักพระองค์แล้วดิฉันก็ถูกผลักให้มาสู่ร่างกายของดิฉัน  ดิฉันลืมตาขึ้นและหมอกำลังมองดูดิฉัน  ต้องใช้เวลาถึงสองสัปดาห์ก่อนที่ดิฉันจะสามารถพูดกับหมอได้  ดิฉันถามหมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นในห้องฉุกเฉินนั้น  ดิฉันบอกหมอว่าการพูดสบถเป็นสิ่งที่ไม่ดี  และเขาบอกว่าดิฉันได้ตายไปแล้ว  เขาไม่คิดว่าจะสามารถนำดิฉันกลับมาได้  ดิฉันตายไปเพียงสองนาทีเท่านั้น

ดิฉันได้ไปทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อเล่าประสบการณ์เหล่านั้น  เพื่อปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้นและหันกลับมาหาพระเจ้า  เรากำลังอยู่ในวิกฤตการณ์  นี่ไม่ใช่อวสานของโลก  นี่เป็นอวสานของยุคสมัย  พระเจ้ากำลังทรงฟื้นฟูโลกใหม่

วิญญาณในไฟชำระ

ภายหลังจากประสบการณ์หลังความตายของดิฉัน  ได้มีวิญญาณหลายดวงมาหาดิฉันเพื่อขอคำภาวนา  ดิฉันไม่รู้เสมอไปหรอกว่าดิฉันได้สวดภาวนาให้ใครบ้าง  คืนวันหนึ่งวิญญาณดวงหนึ่งมาหาดิฉันและขอให้ดิฉันสวดภาวนาเพื่อเขาเพราะคนที่เคยสวดภาวนาให้เขาได้หยุดสวดไปแล้ว  ชื่อของเขาคือวิกเตอร์  ดิฉันได้ประกาศชื่อของเขาในรายการทีวี ที่สัมภาษณ์ดิฉัน  และผู้สัมภาษณ์ได้ถามผู้ชมว่ามีใครที่เกี่ยวข้องวิญญาณของวิกเตอร์และเคยสวดภาวนาให้เขาบ้าง  ต่มมามีโทรศัพท์มาจากซิสเตอร์สองท่านที่อยู่ที่นิวยอร์ก  และท่านทั้งสองบอกว่าวิกเตอร์คือบิดาของพวกเขา  วันที่ดิฉันออกรายการทีวีเป็นวันครบรองหนึ่งปีการเสียชีวิตของเขา  และซิสเตอร์ทั้งสองได้หยุดสวดภาวนาเพื่อเขา  พวกเขาได้เริ่มสวดภาวนาอีกครั้งหนึ่งและต่อมาได้พบว่าวิญญาณดวงนี้ได้รับการปลดปล่อยจากไฟชำระ

การยอมรับความทุกข์

ครั้งใดก็ตามที่คุณทำสิ่งใดด้วยความรักโดยไม่คิดที่จะรับผลตอบแทน  นั่นจะเป็นการทำให้เวลาการอยู่ในไฟชำระของคุณสั้นลง  ความทุกข์ที่รับด้วยพระคุณโดยไม่บ่นเป็นการทำเวลาแห่งการชำระล้างสั้นลง  ขอให้มอบการกระทำเหล่านั้นอุทิศแก่วิญญาณที่ไม่รู้จักพระเจ้า  หลายคนที่เป็นโรคมะเร็งและได้มอบความทุกข์ของเขาเพื่อวิญญาณในไฟชำระหรือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการ จะไม่ต้องใช้เวลามากนักในไฟชำระโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเด็กที่เป็นโรคมะเร็งและมอบความทุกข์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นจะได้รับพระคุณมากที่สุด  พวกเขาจะมีที่เฉพาะบนสวรรค์  แม่พระและอารักขเทวดาของพวกเขาจะมาเยี่ยมพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ

พวกเราได้รับจิตอิสระจากพระเจ้าและพระองค์จะไม่ทรงเข้ามาแทรกแซงทำอะไรกับจิตอิสระของเรา  พวกเรายังได้รับพระพรหลายอย่างจากพระเจ้า  บางคนมีสติปัญญาดี  บางคนมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าผู้อื่น  บางคนมีความสามารถพิเศษบางอย่าง  พระพรเหล่านั้นเราต้องนำมาใช้เพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์  ผู้ที่ได้รับมากก็จะต้องคืนมากด้วย  แต่มีหลายคนที่ไม่ใช้พระพรเหล่านั้น  หรือใช้เพื่อตัวเองเท่านั้น

-------------------------------------

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากนะครับ ที่นำมาแบ่งปันกัน ซึ่งก็สอดคล้องกับประสบการณ์ของผุ้ที่มีประสบการณ์เคยเสียชีวิตแล้ว และพระเจ้าให้โอกาสเขากลับมาอีกครั้ง ... ทำให้เรารู้สึกว่าการดำเนินชีวิตที่ดีบนโลกใบนี้จำเป็นยิ่งนัก

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ16 มีนาคม 2566 เวลา 13:11

    ขอบคุณมากนะครับ

    ตอบลบ