วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

นักบุญองค์อุปถัมภ์ร่วมของยุโรป




นักบุญองค์อุปถัมภ์ของทวีปยุโรปมีหกองค์ จึงเรียกว่านักบุญองค์อุปถัมภ์ร่วม เริ่มแรกมีนักบุญองค์อุปถัมภ์ของยุโรปสามองค์ซึ่งเป็นนักบุญชาย ได้แก่ นักบุญเบเนดิกต์แห่งนอร์เซีย นักบุญซีริลและเมโธดิอุส ต่อมาในปี 1999 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงสถาปนานักบุญหญิงเพิ่มขึ้นด้วยได้แก่ นักบุญบรียิต ห่งสวีเดน นักบุญคัทรีนแห่งเซียนนา และนักบุญเทเรซา เบเนดิกตา (อีดิท สไตน์) 
 
********************
นักบุญบรียิต แห่งสวีเดน (นักบวช)
ระลึกถึง 23 กรกฎาคม
 
ท่านเป็นเจ้าหญิงของประเทศสวีเดน เธอได้แต่งงานและได้กลายเป็นแม่ตัวอย่างของลูก 8 คน ซึ่งเธอได้ทำการอบรมอย่างดีที่สุด บุตรสาวของเธอคนที่สอง ชื่อว่า คัทรีน ได้เป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงมาก ในนามของนักบุญ คัทธารีนา แห่งสวีเดน
 
นักบุญ บรียิต เป็นนักบวชฟรังซิสกันชั้นที่สาม เธอได้ยกถวายความเป็นหม้ายของเธอแด่พระศาสนจักร ได้ตั้งคณะนักบวชคณะหนึ่งที่ วาดสเตนา เธอได้รับการไขแสดงเรื่องเหนือธรรมชาติ ซึ่งเธอเองได้บันทึกเก็บเอาไว้สำหรับช่วยฟื้นฟูอบรมจิตใจของบรรดาคริสตชน
 
ใน 24 ปีสุดท้ายของชีวิตของเธอ เธอได้พำนักอาศัยอยู่ที่กรุงโรมและได้ทำงานเพื่อปฏิรูปในเรื่องศีลธรรมจรรยา และเตรียมการที่จะให้พระสันตะปาปาเสด็จกลับมาจากเมืองอาวีญอง ประเทศฝรั่งเศส
******************
นักบุญคัทรีน แห่งซีเอนา
นักปราชญ์ของพระศาสนจักร (ค.ศ. 1347 - 1380)
ฉลอง 29 เมษายน


คัทรีน เป็นธิดาสุดท้ายของครอบครัวที่ใหญ่มั่งคั่ง เธอมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดมองการณ์ไกล เมื่ออายุ 6 ขวบ ขณะอยู่ในโบสถ์นักบุญดอมินิก พระผู้เป็นเจ้าทรงประจักษ์แก่เธอโดยมีพระประสงค์จะให้เธอทำกิจการพิเศษ ทำให้เธอเตรียมตัวโดยการใช้โทษบาป และสวดภาวนาอย่างร้อนรน
 
เมื่อเธออายุ 16 ปี บิดามารดาของเธอต้องการให้เธอแต่งงาน แต่เธอได้สมัครเข้าเป็นนักบวชชั้นที่ 3 ของคณะโดมินิกัน อุทิศชีวิตช่วยเหลือผู้ยากจนและมำงานเพื่อเอกภาพ และเพื่อความรักความเมตตา เธอได้ขอร้องให้สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จกลับจากเมืองอาวีญองไปประทับที่กรุงโรมตามเดิม

เธอเดินทางด้วยเท้าเปล่าพร้อมกับผู้ติดตามบางคนไปพบกับพระสันตะปาปาด้วยตนเอง ในระหว่างการพบกับพระสันตะปาปา คัทรีนได้เล่าความฝันบางส่วนที่พระสันตะปาปาทรงฝันถึง ซึ่งพระองค์ไม่เคยบอกเล่าให้ใครฟังเลย พระสันตะปาปาทรงประหลาดพระทัยมากที่คัทรีนรู้ถึงความฝันของพระองค์ และนี่เป็นสิ่งที่พระองค์ถือว่าเป็นหมายสำคัญที่ชัดเจนจากพระเจ้าว่า พระเจ้าทรงตรัสกับพระองค์โดยผ่านทางสตรีผู้นี้ ดังนั้นหลังจากการลี้ภัยเป็นเวลานานหลายสิบปี พระสันตะปาปาก็ทรงเก็บเข้าของกลับกรุงโรมทันที

เธอพยายามหว่านเชื้อของการปฏิรูปที่แท้จริงของพระศาสนจักรเอาไว้ บทเขียนของเธอเต็มไปด้วยบทสอนสำหรับพระศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเกี่ยวกับการเพ่งญาณ จนพระสันตะปาปา เปาโลที่ 6 แต่งตั้งเธอให้เป็น" นักปราชญ์ของศาสนจักร " เธอได้พบกับอุปสรรคการประจญล่อลวงมากมายแต่ก็เอาชนะด้วยการอธิษฐานภาวนาเสมอ
 
พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดให้เธอได้เห็นวิญญานของตนเองอยู่ในสถานะพระหรรษทาน เธอสิ้นใจเมื่ออายุ 33 ปี
******************
นักบุญเทเรซา เบเนดิกตา
ฉลอง 9 สิงหาคม
 
นักบุญเทเรซา เบเนดิกตา แห่งไม้กางเขน (เอดิท ชไตน์) เป็นนักบวชหญิงนิกายโรมันคาทอลิกชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ท่านได้ถูกขังที่ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ และถึงแก่มรณกรรมจากการถูกรมด้วยก๊าซพิษ คริสตจักรโรมันคาทอลิกยกย่องท่านเป็นพรหมจารีและมรณสักขี และได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ในปี ค.ศ. 1998

เอดิท ชไตน์ เป็นชาวยิว เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1891 ที่เมืองเบรสเลา จักรวรรดิเยอรมัน (ปัจจุบันคือเมืองวรอตสวัฟ ประเทศโปแลนด์) เมื่อโตขึ้นได้เรียนในสาขาวิชาปรัชญา โดยสนใจด้านปรากฏการณ์วิทยาเป็นพิเศษ ต่อมาเธอศรัทธาในนิกายโรมันคาทอลิก และได้รับศีลล้างบาปในปี ค.ศ.1922 ณ มหาวิหารโคโลญ ประเทศเยอรมนี
 
ในปี ค.ศ. 1933 เอดิท ชไตน์ ตัดสินใจปฏิญาณตนเป็นนักบวชหญิงคณะคาร์เมไลท์ไม่สวมรองเท้าที่อารามแม่พระแห่งสันติภาพ เมืองโคโลญ ได้รับศาสนนามว่าภคินีเทเรซา เบเนดิกตา แห่งไม้กางเขน ต่อมาได้เกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นในเยอรมนี ท่านจึงย้ายไปอาศัยอยู่ที่อารามในเมืองเอคท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อนาซีเยอรมันบุกยึดเนเธอร์แลนด์ได้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ภคินีเทเรซา เบเนดิกตาถูกส่งไปขังที่ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ และถูกสังหารด้วยการรมก๊าซพิษเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1942 สิริอายุได้ 50 ปี
 
ภคินีเทเรซา เบเนดิกตา แห่งไม้กางเขน ได้รับการประกาศเป็นบุญราศีโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 และได้รับการประกาศเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1998 ในสมณสมัยเดียวกัน
***************

นักบุญเบเนดิกต์แห่งนอร์เซีย
ฉลองวันที่ 11 กรกฏาคม
 
นักบุญเบเนดิกต์แห่งเนอร์เซีย เกิดในราวปี 480 ท่านเป็นบุตรของขุนนางโรมันแห่งเมืองนอร์ เซีย ในประเทศอิตาลี ท่านยังเป็นพี่น้องฝาแฝดกับนักบุญสกอลาสติก อีกด้วย ท่านเสียชีวิตเมื่อราว ค.ศ. 547 ที่มอนเตกัสซีโนในประเทศอิตาลี นักบุญเบเนดิกต์เป็นผู้ก่อตั้งชีวิตอารามวาสีแบบคณะเบเนดิกติน และเป็นผู้เขียนวินัยของนักบุญเบเนดิกต์สำหรับเป็นกฎปฏิบัติของนักบวชในอารามในคณะเบเนดิกติน ซึ่งเป็นกฎที่ตั้งต้นด้วย “พระเยซู ... จะนำเราทั้งหมดด้วยกันไปสู่นิรันด์กาล” เบเนดิกตินได้รับการสถาปนาให้เป็นนักบุญในปี ค.ศ. 1220
 
ความสำเร็จสูงสุดของคณะเบเนดิกตินคือ “วินัยนักบวช” ที่เป็นกฎบัตรสำหรับนักบวชที่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากข้อเขียนของนักบุญจอห์น คาสเซียน (John Cassian) และมีความคล้ายคลึงกับ “Rule of the Master” ที่เขียนโดยผู้ไม่ทราบนามในคริสต์ศตวรรษที่ 6 แต่ก็มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ในทางสมดุลทางจิตใจ, ความพอประมาณ และความมีเหตุมีผล (επιεικεια, “'epieikeia”) ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นแรงดึงดูดที่ทำให้เกิดการก่อตั้งอารามคณะเบเนดิกตินไปทั่วยุโรปในสมัยกลาง ซึ่งทำให้กฎของคณะเบเนดิกตินเป็นหนึ่งในกฎบัตรของคริสต์ศาสนาในคริสตจักรตะวันตก ฉะนั้นนักบุญเบเนดิกต์จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้วางรากฐานของอารามของคริสตจักรตะวันตก

*********************

นักบุญซีริล และเมโธดิอุส พระสังฆราช ศตวรรษที่ 9
ฉลอง 14 กุมภาพันธ์
 
ซีริลและเมโธดิอุสเป็นพี่น้องในตระกูลเจ้าหน้าที่รัชสภาเมืองเทสะโลนิกามารดาเป็นชาวสล๊าฟซีริลผู้น้องบวชเป็นพระสงฆ์แล้วได้เป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญาในมหาวิทยาลัยส่วนเมโธดิอุส เคยเป็นนายกเทศมนตรีหมู่เกาะแห่งหนึ่งของสล๊าฟ ต่อมาได้ออกบวชและเป็นอธิการอารามฤาษีในประเทศกรีซ
 

ในปี 892 เจ้าชายราติสล๊าฟแห่งโมลาเวียได้ทูลต่อพระจักรพรรดิ์มิเชลที่3ให้ส่งคณะแพร่ธรรมไปประกาศพระคริสตศาสนาในประเทศนั้นสงฆ์สองพี่น้องจึงเดินทางไปกรุงโรม ได้รับพิธีอภิเษกเป็นพระสังฆราชโดยสมเด็จพระสันตปาปาอันคริดาโนที่ 2 ท่านทั้งสองได้ถูกส่งให้ไปทำการแพร่ธรรมกับพวกสล๊าฟและได้ช่วยกันแปลพระคัมภีร์ออกเป็นภาษาสล๊าฟท่านทั้งสองได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างพื้นฐานของวัฒนธรรมประเพณีแบบคริสตชนทั่วๆไปอย่างแท้จริงท่านทั้งสองพบกับอุปสรรคมากมายเป็นต้นการที่มีการสู้รบกันระหว่างพวกเยอรมันและพวกสล๊าฟความขัดแย้งระหว่างศาสนจักรตะวันออกและศาสนจักรตะวันตกอย่างไรก็ตามก็ไม่ยอมถอยหลังจากกฎระเบียบสำคัญของการแพร่ธรรมตามแบบตริสตชนเลย
 
นักบุญซีริลได้สิ้นชีวิตลงที่กรุงโรมส่วนเมโธดิอุสได้ทำงานแพร่ธรรมอย่างได้ผลในประเทศโมราเวียโบเฮเมียโปแลนด์ท่านได้ถึงแก่มรณภาพที่ประเทศโมราเวียท่านทั้งสองได้รับการยกย่องให้เป็นอัครธรรมฑูตชาวสล๊าฟ.
*******************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น