วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

10 ข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับนักบุญทั้งหลาย




นักบุญทั้งหลายในสวรรค์ 
 
พระศาสนจักรแบ่งอาณาจักรของพระเจ้าเป็นสามส่วน แต่ทุกอาณาจักรนั้นเป็นหนึ่งเดียวกันในครอบครัวของพระเจ้า อาณาจักรเหล่านี้คือ 1. พระศาสนจักรที่ได้รับชัยชนะแล้ว คือบรรดานักบุญในสวรรค์ 2. พระศาสนจักรที่กำลังสู้รบ คือทุกคนที่มีชีวิตอยู่บนโลกที่กำลังต่อสู้เพื่อความรอดของตน และ 3. พระศาสนจักรที่กำลังทนทุกข์ คือวิญญาณทั้งหลายที่กำลังอยู่ในไฟชำระ วิญญาณในไฟชำระเหล่านี้ถือว่าเป็นนักบุญแล้วแต่ยังจำเป็นต้องได้รับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์ก่อนที่จะได้ไปอยู่ในสวรรค์
 
บทความนี้กล่าวถึงเฉพาะพระศาสนจักรที่ได้รับชัยชนะแล้ว บรรดานักบุญทั้งหลายได้รับชัยชนะต่อศัตรูสามอย่าง คือ 1.ปีศาจและการโกหกของมัน , 2. โลกและการล่อลวงของมัน และ 3. เนื้อหนังของตนเองและราคะตัณหา ต่อไปนี้เป็นข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับนักบุญทั้งหลายผู้ซึ่งเคยมีชีวิตในโลกเหมือนพวกเรา พวกท่านมีประสบการณ์ต่างๆเช่นเดียวกับเรา ไม่ว่าจะเป็น ความสุข ความยินดี ความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เวลานี้พวกท่านได้อยู่ในสวรรค์แล้ว พวกท่านได้เป็นมิตรสหายของพระเจ้า และยังคงเป็นมิตรสหายของพวกเราด้วย
 
1. นักบุญทุกองค์ไม่ได้เป็นนักบุญตั้งแต่เกิด
นักบุญทุกองค์เกิดมาพร้อมด้วยบาปกำเนิด และมีความโน้มเอียงในบาปซึ่งพวกท่านจำเป็นต้องใช้ความพยายามที่จะเอาชนะ โดยอาศัยความตั้งใจของตนเองและโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้าคอยช่วย นักบุญที่ยิ่งใหญ่บางคนเคยเป็นคนบาปหนาก่อนที่จะกลับใจ อาทิเช่น โจรที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระเยซูเจ้า, มารีย์ มักดาเลานา, น. ออกุสติน , น. อิกนาตุสแห่งโลโยลา , น.มารีย์แห่งอิยิปต์ และ น. มาร์กาเรตแห่งคอร์โตนา (หรือรู้จักกันในชื่อ มักดาเลนาที่สอง)
 
2. ทุกคนถูกเรียกให้มาเป็นนักบุญ
หลายคนคงเคยถูกถามในเวลาที่เรียนคำสอนจากพระสงฆ์ ท่านถามว่า ใครต้องการเป็นนักบุญให้ยกมือขึ้น? และไม่มีใครยกมือเลย แต่เมื่อพระสงฆ์ถามอีกว่า ใครต้องการรอดพ้นจากไฟนรกและไปสวรรค์? ปรากฏว่าทุกคนจะยกมือขึ้นทันที แล้วพระสงฆ์ก็จะอธิบายว่า ในสวรรค์มีพระเจ้า องค์พระตรีเอกภาพ มีพระนางมารีย์ มีเทวดาและนักบุญมากมาย ดังนั้น ถ้าพวกเธอต้องการไปสวรรค์ พวกเธอต้องเป็นนักบุญ
 
3. พระเยซูเจ้าตรัสสั่งให้พวกเราเป็นนักบุญ
จงฟังพระวาจาของพระอาจารย์เจ้าของเรา พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแห่งชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ตรัสว่า “จงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่านทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์” (มธ. 5:48) พระวาจานี้เป็นคำสั่งที่มาจากพระเจ้าเอง เมื่อพระองค์สั่งเช่นนี้ แน่นอนว่าพระองค์จะทรงเตรียมพระหรรษทานที่เพียงพอสำหรับเราในการทำตามพระวาจาของพระองค์ พระเจ้าไม่ตรัสสั่งในสิ่งที่เราทำไม่ได้ พระเยซูเจ้าตรัสกับน.เปาโลว่า “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน” คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตรกล่าวถึงเรื่องนี้ “ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับบางคนเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน”
 
4. นักบุญมาจากทุกสถานะและทุกชนชั้น
ผู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ เวลาใดเวลาหนึ่ง หรือสถานที่, วัฒนธรรม , กลุ่มคน การเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เปิดกว้างสำหรับทุกคน ถ้าคุณอ่านประวัติของนักบุญ จะพบว่าแต่ละองค์มีภูมิหลังที่แตกต่างกัน บางองค์เป็นนักบวช บางองค์เป็นพระสงฆ์ พระสังฆราชหรือพระสันตะปาปา แต่ก็ยังมีนักบุญที่มาจากผู้ที่แต่งงานแล้ว เช่น บิดามารดาของนักบุญเทเรซาแห่งลิซีเออร์ และยังมีนักบุญที่เป็นโสด เช่น ยูเซปเป มอสคาติ และ บุญราศี จิโอจิโอ ฟราสคาติ เป็นต้น
 
นักบุญบางองค์เสียชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ เช่น โดมินิค ซาวีโอ (อายุ 14) มาเรีย กอเรียตติ (อายุ 11 ) และมีนักบุญที่อายุยืน เช่น น.อัลฟองโซ(อายุ 90) , น. แอนโทนี่แห่งทะเลทราย หรือ น.ยอห์น อัครสาวก ที่มีอายุถึงหนึ่งร้อยปี นักบุญบางองค์ตายตามอายุขัย บางองค์เป็นมรณะสักขี เพราะฉะนั้นการเป็นนักบุญจึงไม่ขึ้นกับ เวลา , สถานที่ , วัฒนธรรม , เพศ หรือสติปัญญา ทุกคนถูกเรียกให้เป็นนักบุญและทุกคนได้รับพระหรรษทาน
 
5. พระศาสนจักรที่ได้รับชัยชนะแล้ว
นักบุญเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะแล้ว ท่านได้ต่อสู้อย่างดี ท่านได้วิ่งจนถึงเส้นชัย เวลานี้พวกท่านได้รับมงกุฏแห่งชัยชนะในสวรรค์ ชัยชนะของพวกท่านมีต่อบาปและการประจญล่อลวงต่างๆ โดยอาศัยความเชื่อและความวางใจในพระเจ้าและพระเมตตาของพระองค์ 
 
6. นักบุญคอยช่วยเหลือพวกเรา
นักบุญสามารถช่วยเหลือเราได้ในหลายวิธี โดยการวอนขอต่อพระเจ้าเพื่อเรา นักบุญสามารถเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือเราที่เบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้าและรับพระหรรษทานจากพระองค์เพื่อช่วยให้เราหลีกเลี่ยงบาปและปฏิบัติคุณธรรมความดี เพื่อทำให้เราได้ไปอยู่กับท่านด้วย นอกจากนี้นักบุญยังให้แบบอย่างชีวิตของท่านแก่เรา ดังนั้นเราจึงควรทำตามแบบอย่างของท่าน
 
แบบอย่างของนักบุญนั้นดึงดูดใจ มีตัวอย่างในเรื่องนี้ น.อิกนาตุสแห่งโลโยลา เพิ่งฟื้นไข้จากการสู้รบ ท่านถูกยิงที่ขาในสงครามที่แปมโปลนา ที่โรงพยาบาลท่านได้อ่านหนังสือประวัตินักบุญฟรังซิส อัสซีซี ท่านประทับใจมากและร้องขึ้นมาว่า “ถ้าฟรังซิสทำได้ ฉันก็ต้องทำได้” และต่อมาท่านก็ร้องอีกว่า “ถ้าโดมินิคทำได้ ฉันก็ต้องทำได้” น.อิกนาตุสแห่งโลโยลาได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือประวัตินักบุญและได้กลายเป็นนักบุญที่ยิ่งใหญ่
 
7. อ่านหนังสือประวัตินักบุญ
การอ่านหนังสือประวัตินักบุญช่วยกระตุ้นจิตใจของเรา จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนและเป็นอาหารของความคิดที่จะช่วยให้เราไปถึงซึ่งคุณธรรมความศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นนักบุญตามที่พระเจ้าทรงเรียกให้เราเป็น ให้เราหาหนังสือเหล่านี้มาอ่านเสียเดี๋ยวนี้ และค่อยๆอ่าน
 
8. คุณธรรมของนักบุญ
เมื่อพระสันตะปาปาทรงประกาศแต่งตั้งนักบุญอย่างเป็นทางการหลังจากที่มีอัศจรรย์ยืนยันแล้ว พระสันตะปาปาจะทรงตรัสถึงคุณธรรมของนักบุญท่านนั้น ถึงแม้ท่านเหล่านั้นจะมีบาปกำเนิดและบาปที่เคยทำในอดีต แต่ท่านได้ละเลิกบาปเหล่านั้น ท่านต่อสู้กับมัน และที่สำคัญนักบุญได้ปฏิบัติคุณธรรมความดี โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า ท่านปฏิบัตคุณธรรมความดีในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เพียงบางครั้งบางคราวตามความรู้สึกศรัทธา
 
9. ความชื่นชมยินดีและนักบุญ
เครื่องหมายที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในชีวิตของเราก็คือความชื่นชมยินดี น.เปาโล กล่าวในจดหมายถึงขาวฟิลิปปีว่า “จงชื่นชมยินดีในพระเจ้าเถิด เราขอบอกท่านอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีในพระเจ้า” นักบุญเต็มเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าละพวกท่านแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีที่ล้นออกมาจากจิตใจ ความชื่นชมยินดีนี้เป็นเครื่องหมายสำคัญว่าเป็นผลงานของพระจิตเจ้าที่ทำงานในนักบุญ
 
10. แม่พระทรงเป็นราชินีของนักบุญทั้งหลาย
แม่พระทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและยิ่งใหญ่กว่าบรรดานักบุญทั้งหมด เราไม่เคยพบว่ามีนักบุญองค์ใดที่มิได้มีความรัก ความผูกพัน และความศรัทธาต่อแม่พระเลย แบบอย่างของแม่พระช่วยกระตุ้นให้ชายหญิงจำนวนมากให้ทำตามพระแม่ ดังนั้นเราจึงสวดภาวนาขอต่อแม่พระว่า “สันตะมารีย์ มารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อลูกทั้งหลายผู้เป็นคนบาป  บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน”
 
บทภาวนาต่อแม่พระนี้เร้าใจเราให้ปรารถนาที่จะเป็นนักบุญ

*******************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น