วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

พระเยซูเจ้าเสด็จสู่แดนมรณะ



พระองค์เสด็จสู่แดนมรณะ....
 
ในบทข้าพเจ้าเชื่อ (สัญลักษณ์ของอัครสาวก) มีตอนหนึ่งที่เขียนว่า “ทรงถูกตรึงกางเขน สิ้นพระชนม์ และทรงถูกฝังไว้ เสด็จสู่แดนมรณะ” ข้อความ “เสด็จสู่แดนมรณะ” หมายถึง พระเยซูเจ้าเสด็จไปในนรก
 
ทำไมพระศาสนจักรจึงสอนไว้เช่นนั้น? น่าประหลาดใจสำหรับเรา แต่เป็นสัจจะธรรมแห่งกางเขน อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงสงสัยว่า ทำไมพระเยซูเจ้าจึงต้องเสด็จไปนรกด้วยเล่า?
 
คำตอบพื้นฐานของเรื่องนี้ก็คือ พระเยซูเจ้าทรงกระทำเช่นนี้เพื่อให้มีประสบการณ์ของการตกต่ำของมนุษย์อย่างครบถ้วน นั่นหมายความว่าการตายของพระองค์บนไม้กางเขนต้องเป็นความตายที่แท้จริง และในความตายนั้น ร่างกายของเราถูกแยกออกจากจิตวิญญาณ ดังนั้นในขณะที่ร่างกายของพระองค์พำนักอยู่ในหลุมฝังศพ พระวิญญาณในสภาวะเช่นเดียวกับมนุษย์ได้ลงไปสู่นรก – แต่ทั้งสองสภาวะของพระองค์ยังคงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในความเป็นพระเจ้าของพระองค์
 
การเสด็จสู่แดนมรณะ(นรก) มีจุดประสงค์สองประการ ประการแรกในระหว่างสามวันนั้น พระเยซูคริสต์ทรงประกาศข่าวดี ตามที่มีเขียนไว้ใน 1 ยอห์น 3:19 กล่าวว่า "พระองค์ทรงเทศน์สั่งสอนวิญญาณที่ถูกจองจำ" พระเยซูเจ้ายังทรงปฏิบัติภารกิจช่วยวิญญาณให้ได้รับความรอด  ตามธรรมประเพณีของพระศาสนจักรกล่าวว่า พระองค์เสด็จไปช่วยบรรพบุรุษผู้ศักดิ์สิทธิ์ให้ออกมาจากชายขอบของนรกและนำพวกท่านเข้าสู่สวรรค์ . เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์ (ดูใน เอเฟซัส 4 ด้านล่าง)
 
ในแง่ของพระมหาทรมาน การเสด็จสู่นรกไม่ใช่เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น ยังเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อชีวิตของเราในวันนี้ด้วย เช่นเดียวกับลมหายใจสุดท้ายของพระองค์บนกางเขนหรือการถูกแทงที่สีข้างของพระองค์ส่งผลให้พระหรรษทานของพระเจ้าหลั่งไหลมาสู่เรา
 
ในฐานะที่เป็นคริสตชนคาทอลิกเราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงทำมากกว่าเพียงแค่จ่ายค่าไถ่สำหรับบาปของเรา พระองค์ทรงประทานความสามารถในการแบกไม้กางเขนของเราเอง เพื่อที่ในความตายพร้อมกับพระองค์เราจะกลับฟื้นขึ้นมาอีก ดังนั้น เราจึงถูกเรียกให้รวมความทุกข์ของเราเป็นหนึ่งเดียวกับกางเขนของพระองค์ พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "จงมาหาเราเถิด ทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักและเราจะให้ท่านได้พักผ่อน" (มัทธิว 11:28)
 
หลักคำสอนเกี่ยวกับการเสด็จลงสู่นรกทำให้เรามั่นใจได้ว่าไม่มีความมืด ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความสยดสยองและไม่มีความกลัวใด ที่พระคริสต์จะไม่สามารถสัมผัสได้ ตามที่พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้กล่าวไว้ใน Introduction to Christianity (แนะนำสู่คริสตศาสนา) "บทความนี้จึงยืนยันว่าพระเยซูคริสต์เสด็จผ่านประตูแห่งความโดดเดี่ยวครั้งสุดท้ายของเรา ในพระมหาทรมานของพระองค์ พระองค์เสด็จลงไปในนรกแห่งการถูกทอดทิ้งของเรา ที่ซึ่งไม่มีเสียงใดสามารถมาถึงเราได้อีกต่อไป ที่นั่นคือพระองค์. "
 
การเสด็จสู่นรกของพระคริสต์แสดงให้เราประจักษ์ว่า พระวาจาของพระคริสต์มาถึงเราและสัมผัสเราแม้ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังที่ลึกที่สุดของเรา ในบทสดุดี 139 กล่าวไว้ แม้ว่าเราจะพยายามหลีกเลี่ยงการทรงสถิตของพระองค์
 
เบื้องหลังและก่อนที่พระองค์จะโอบล้อมข้าพเจ้าไว้
และทรงวางพระหัตถ์บนข้าพเจ้า
ความรู้นี้เป็นที่น่ามหัศจรรย์สำหรับข้าพเจ้า
มันไกลเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะไปถึง
ข้าพเจ้าจะไปที่ไหนได้เพื่อหลีกพ้นจากพระจิตของพระองค์?
จากที่พระองค์ทรงสถิตอยู่ ข้าพเจ้าจะหลีกหนีพระองค์ไปที่ไหนได้?
ถ้าข้าพเจ้าขึ้นไปสู่สวรรค์ พระองค์ก็ทรงอยู่ที่นั่น
ถ้าข้าพเจ้านอนลงที่แดนคนตาย พระองค์ก็ทรงอยู่ที่นั่น (บทสดุดีข้อ 5-8)
 
แต่มีบางสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นในระหว่างการเสด็จนั้น คำสอนของธรรมประเพณีกล่าวว่าการเสด็จสู่นรกเป็นเหตุการณ์อันสง่ารุ่งโรจน์ รูปภาพไอคอนแบบดั้งเดิมและภาพเฟรสโกมักจะแสดงภาพพระคริสต์ที่ไม่ใช่อยู่บนไม้กางเขน แต่ทรงถือกางเขนไว้ประหนึ่งเป็นถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะ พระองค์ทรงทำลายประตูแห่งนรก ทรงเหยียบย่ำซาตาน และทรงยกอาดัมและเอวาให้ออกมาจากอุโมงค์ฝังศพของพวกท่าน ในภาพแบบดั้งเดิมนี้ พระคริสต์ทรงถูกล้อมรอบด้วยแสงแห่งจักรวาลสีขาว ส่วนในภาพวาดในยุคที่ใหม่กว่าจะมีแสงรัศมีล้อมรอบพระองค์และส่องสว่างสู่ความมืดแห่งนรก
 
จากมุมมองนี้ เราได้รับการยืนยันจาก จดหมายของน.เปาโล - เอเฟซัส 4 ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าบรรพชนได้ทำนายถึงการเสด็จนี้ไว้ก่อนแล้ว
 
เพราะฉะนั้น จึงมีคำกล่าวว่า
 
“พระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูงและทรงนำนักโทษออกจากที่จองจำ;
พระองค์ทรงประทานของขวัญแก่มนุษย์”
 
“พระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง” จะมีความหมายอะไรได้เล่า นอกจากพระองค์ได้เสด็จสู่แดนมรณะในที่ต่ำของโลกด้วย? พระผู้เสด็จสู่แดนมรณะก็เป็นพระองค์เดียวกับที่เสด็จสู่เบื้องสูงสุดของสวรรค์ เพื่อที่พระองค์จะทรงทำให้ทุกสิ่งสำเร็จสมบูรณ์ (บทสดุดีข้อ 8-10)
 
ในธรรมประเพณีกรีก การเสด็จสู่นรกของพระคริสต์รู้จักกันในชื่อ Anastasis, ซึ่งหมายถึงการกลับคืนชีพ เรามักคิดถึงการคืนพระชนม์ที่เกิดขึ้นในวันที่สาม แต่คำพูดนี้พูดถึงความจริงที่ลึกกว่านั้น นั่นคือการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์เริ่มขึ้นในนรก
 
นี่คือคำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับการเสด็จสู่นรกของพระคริสตเจ้า พระผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาของความหวังทั้งหมดของเราซึ่งหยั่งรากลึกลงไปในดินแดนแห่งความสิ้นหวัง อันที่จริงมุมมองของนรกบอกว่าเป็นสถานที่ที่เราทุกคนที่เข้ามาจะหมดสิ้นความหวัง เนื่องจากนรกหมายถึงการไม่มีอยู่ของพระเจ้า – เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสวรรค์
 
ดังนั้น พระเจ้าจึงเสด็จไปยังนรก ขอขอบพระคุณพระเยซูคริสต์ ไม่มีช่องว่างที่กว้างเกินไปหรือความสิ้นหวังที่มากเกินไปสำหรับความรักของพระเจ้าที่จะมาถึงเรา นั่นคือนัยสำคัญของการเสด็จสู่นรกของพระองค์

------------------------------
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น