วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ลัทธิบูชาซาตาน และ ศีลมหาสนิท



โดย - แอนดรู แทรปป์ (Andrew Trapp), สามเณรคาทอลิก (ปัจจุบันเป็นพระสงฆ์แล้ว)
 
วันที่ 24 เมษายน 2004
 
ระหว่างที่ผมฝึกงานที่โบสถ์แห่งหนึ่งในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ฝรั่งเศส ผมได้รับมอบหมายงานอย่างหนึ่งคือการเข้าร่วมกลุ่มสวดภาวนาสำหรับเยาวชนรุ่นใหญ่ที่ห่างเหินจากโบสถ์ ในการร่วมกลุ่มครั้งสุดท้ายของฤดูร้อนนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งทำให้พวกเราประหลาดใจ เขาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตของเขาแก่พวกเรา นั่นคือ ก่อนที่เขาจะกลับใจนั้น เขาเป็นสมาชิกของลัทธิบูชาซาตานอย่างเต็มตัว เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของการกลับใจที่ผมได้รับรู้
 
“หนึ่งในช่วงเวลาที่ทรมานมากที่สุดในพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า คือช่วงเวลาที่พระองค์ถูกเฆี่ยนตี ในเวลานั้นซาตานปรากฏตัวพร้อมกับอุ้มทารกตนหนึ่งไว้(ซึ่งเป็นปีศาจเหมือนกัน) มันค่อยๆหันใบหน้าที่น่าเกลียดของมันมายังพระเยซูเจ้าและแม่พระ เวลานั้นซาตานต้องการเยาะเย้ยพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ โดยการแสดงตัวในรูปแบบของแม่และเด็ก (เช่นเดียวกับแม่พระทรงอุ้มพระกุมาร) เป็นการประกาศว่ามันและลูกของมันต่างหากที่มีชัยชนะแล้ว ไม่ใช่แม่พระและบุตรของพระนางตามที่มีพยากรณ์ในไว้ในพระคัมภีร์ปฐมกาล 3:15 นี่คือความชั่วช้าของมัน - ซาตานชอบเยาะเย้ยพระเจ้าโดยเลียนแบบสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบิดเบือนไปในทางชั่วร้าย ฤดูร้อนที่ผ่านมาครั้งนี้ ความคิดของผมวนเวียนอยู่กับความจริงดังกล่าวในรูปแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง
 
นิโคลัสเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอธิษฐานภาวนาตลอดทั้งปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขาก่อนที่เขาจะกลับใจ เขาบอกเราว่าเขาเข้าไปร่วมกับลัทธิบูชาซาตานอย่างไรในช่วงวัยรุ่นตอนปลายของเขา ซาตานทำให้เขาตกเป็นทาสของมัน มันนำความสิ้นหวังและความโดดเดี่ยวมาสู่ชีวิตของเขา จนถึงจุดที่เขาถูกทรมานด้วยความคิดที่จะฆ่าตัวตาย เขารู้สึกว่าติดอยู่ในกับดักและหมดหนทางที่จะหลุดจากเงื้อมมือของมัน แต่ด้วยการอธิษฐานภาวนาอย่างต่อเนื่องของแม่ของเขา ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระจากการเป็นทาสนี้เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา และชีวิตของเขาก็หันกลับมาหาพระคริสต์
 
ผมไม่เคยพบใครเหมือนนิโคลัส เขายอมรับอย่างเปิดเผยว่าในอดีตเคยเข้าร่วมกับกลุ่มลัทธิบูชาซาตาน หลังจากที่ผมได้ฟังและเกิดอาการช็อคในตอนแรก ผมก็ระดมยิงด้วยคำถามสามข้อ ทีละข้อ ข้อแรก คนในกลุ่มลัทธิซาตานทำการ 'นมัสการ' ซาตานอย่างไร? ผมเคยได้ยินเสมอว่า มันไม่เหมือนกับการบูชารูปเคารพของซาตานหรือร้องเพลงสวด แต่พิธีกรรมถูกเรียกว่า "มิสซามืด" กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการเลียนแบบพิธีมิสซาของคาทอลิกแต่เพื่อการดูหมิ่นเยาะเย้ย นั่นเป็นความจริงไหม? ผมถามเขา? มันไม่ใช่การเทศน์สอนของโปรเตสแตนต์ และไม่ใช่พิธีกรรมของทางพุทธศาสนา แต่เป็นการเยาะเย้ยอย่างชัดเจนต่อมิสซาของเรา? “ใช่แล้ว” นิโคลัสบอกเรา “นั่นเป็นเรื่องจริง”
 
ผมยังได้ยินมาอีกว่า พวกบูชาซาตานจะขโมยศีลมหาสนิทอันศักดิ์สิทธิ์จากโบสถ์คาทอลิกท้องถิ่น และนำไปใช้ลบหลู่ในพิธีมิสซามืด ตัวอย่างเช่น ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับโบสถ์คาทอลิกประจำตำบลซึ่งมีปัญหาเช่นนี้ พระสงฆ์ต้องคอยระมัดระวังเป็นพิเศษระหว่างส่งศีลมหาสนิทแก่ฆราวาส จะต้องมีผู้เฝ้าดูเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้รับศีลมหาสนิทและเดินออกไปโดยไม่กลืนแผ่นศีลเข้าในปาก พวกบูชาซาตานจะนำแผ่นศีลศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ในพิธีของพวกเขา – “แผ่นปังที่เสกแล้ว" ที่ชาวคาทอลิกเชื่อว่าได้รับการเปลี่ยนอย่างน่าอัศจรรย์โดยพระจิตเจ้ากลายเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พวกบูชาซาตานจะทำการลบหลู่ด้วยการถ่มน้ำลาย ด้วยของเสียจากร่างกายและสิ่งอื่นๆ เป็นการลบหลู่ดูหมิ่น ผมถามนิโคลัสว่า ก่อนที่คุณจะกลับใจ ทั้งคุณและเพื่อนของคุณที่นับถือซาตานเคยขโมยศีลศักดิ์สิทธิ์เพื่อจุดประสงค์นี้บ้างไหม? “ใช่แล้ว” นิโคลัสตอบ “เราเคยทำแล้ว”
 
นิโคลัสที่น่าสงสาร เขาอาจรู้สึกว่ากำลังถูกสอบปากคำโดย CIA แต่เมื่อรู้ว่าผมอาจไม่มีโอกาสอีก ผมจึงถามคำถามสุดท้าย ผมบอกเขาว่า ผมเคยได้ยินเช่นกันว่า คนที่อยู่ในลัทธิบูชาซาตานอย่างลึกซึ้งสามารถบอกได้ว่าแผ่นศีลมหาสนิทแผ่นใดที่ได้รับการเสกหรือไม่ได้รับการเสกใช่หรือไม่? ตัวอย่างเช่น พวกเขาจะไม่ขโมยขนมปังศีลมหาสนิทจากชุมชนโปรเตสแตนต์ และพวกเขาจะไม่ขโมยแผ่นศีลที่ยังไม่ได้เสกเพื่อไปใช้ลบหลู่ใน "มิสซามืด” เพราะมันจะไม่ได้ผล เพราะบางคนในกลุ่มบูชาซาตานจะรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเพียงขนมปังธรรมดา พวกเขาจะสามารถบอกได้ว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้ปรากฏอยู่ในแผ่นศีลนั้น
 
ผมถามนิโคลัสว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่? เขาตอบอีกครั้งว่า ใช่,มันเป็นเช่นนั้น และเขาบอกเราว่าเขาเองก็สามารถทำสิ่งนี้ได้ก่อนที่เขาจะกลับใจออกจากลัทธิบูชาซาตาน ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านลงไปถึงกระดูกสันหลังของผม เมื่อคิดว่า มีคนที่สามารถระบุในทันทีได้ว่าแผ่นศีลสิบแผ่นนี้ เก้าแผ่นเป็นแผ่นศีลที่ไม่ได้เสก และมีหนึ่งแผ่นที่เสกแล้ว ผมถามเขาด้วยความประหลาดใจ “แต่คุณจะรู้ได้อย่างไร!?” เขามองมาที่ผม และคำพูดของเขาเผาไหม้จิตใจและความทรงจำของผมไปตลอดกาล:“เพราะความเกลียดชัง” เขากล่าว “เพราะความเกลียดชังที่ลุกไหม้ในจิตวิญญาณที่ผมรู้สึกได้ต่อแผ่นศีลนั้น  ซึ่งแตกต่างไปจากแผ่นศีลอื่นๆ ทั้งหมด”
 
คำพูดของเขากระทบใจของผมเหมือนถูกไม้เบสบอลตี นักบุญบางองค์ก็มีความรู้ที่ลึกลับเกี่ยวกับการปรากฏอยู่ในศีลมหาสนิทขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ความรู้นี้มาจากการที่ท่านรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ ในทางตรงกันข้าม, นิโคลัสรู้ถึงการทรงสถิตของพระคริสต์เพราะการนมัสการซาตานของเขาทำงานตรงกันข้ามที่เชื่อมโยงกับศีลมหาสนิท เขารู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงสถิตอยู่ที่นั่น ไม่ใช่เพราะความรักของเขาต่อพระเยซูเจ้า แต่เพราะความเกลียดชังของเขา มันทำให้ขนผิวหนังของผมลุกชันเมื่อคิดถึงความเกลียดชังเช่นนั้น
 
นี่คือวิธีที่ซาตานทำงานของมัน มันชอบเยาะเย้ยทุกสิ่งที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการเลียนแบบความจริงและบิดเบือนไปในทางที่ชั่วร้าย พิธีมิสซาเป็นการอธิษฐานภาวนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับคริสตชนที่จะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้นซาตานจึงให้ผู้ติดตามของมันนมัสการมันด้วยการเยาะเย้ยการอธิษฐานภาวนานั้น แทนที่จะเชิดชูบูชาศีลมหาสนิทขึ้นสูงเด่นด้วยความเคารพและความรัก ศีลมหาสนิทจะถูกโยนลงไปที่พื้นด้วยความชิงชังและการดูหมิ่น และแทนที่จะรู้ถึงการปรากฏพระองค์อย่างแท้จริงของพระคริสต์ในศีลมหาสนิทโดยอาศัยความรัก พวกเขากลับรู้ถึงการปรากฏอยู่ของพระคริสต์โดยอาศัยความเกลียดชังของพวกเขา
 
เป็นเรื่องน่ากลัวที่ได้ยินเรื่องราวเช่นนิโคลัสนี้ เป็นเรื่องน่าหวาดกลัวเมื่อตระหนักว่าความชั่วร้ายนั้นมีอยู่ในโลกนี้ แต่ความกลัวที่เรารู้ เรื่องราวของเขาควรทำให้เรามีความหวัง, ให้การปลอบโยนและให้พละกำลังแก่เรา ซาตานมีอยู่จริงและมันมีอำนาจ แต่พระเยซูคริสต์ทรงอำนาจยิ่งกว่าและไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่คนบาปที่ชั่วช้าที่สุดพระองค์ก็สามารถนำกลับมาสู่ความรักของพระองค์ได้ โดยอาศัยพระหรรษทานของพระองค์และอาศัยคำอธิษฐานภาวนาของผู้มีความเชื่อ (อย่างเช่นแม่ของนิโคลัส!) ถ้าซาตานเกลียดชังพิธีมิสซามาก เราก็ควรจะมีความศรัทธา, มีการเตรียมตัวและมีส่วนร่วมในพิธีมิสซาให้ดีมากยิ่งกว่าเดิม หากซาตานเกลียดชังและเยาะเย้ยการปรากฏอย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท หัวใจของเราควรร้อนเร่าด้วยความรักและความกระหายที่มากขึ้นสำหรับการรับพระเยซูเจ้าในศีลศักดิ์สิทธิ์สูงสุดนี้
 
“พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จมาประทับอยู่กับข้าพเจ้า แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงพระวาจาเดียว แล้วจิตใจข้าพเจ้าก็จะบริสุทธิ์”

**************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น