วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ไอรีนา หญิงผู้ช่วยเด็กไว้ถึง 2,500 คน




ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีได้จับชาวยิวจำนวนมากแล้วส่งไปค่ายกักกันชาวยิว

สตรีชาวโปแลนด์ชื่อ ไอรีนา เซนด์เลอร์ได้ช่วยชีวิตเด็กชาวยิวไว้เป็นจำนวนมากกว่า 2,500 คน ก่อนที่เธอจะถูกจับกุมและเรื่องราวของเธอถูกเปิดเผย
 
ไอรีนา เซนด์เลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 1910 เป็นลูกสาวของ นายแพทย์ สตานิสลอฟ คริสซานอฟสกี ซึ่งเป็นหมอประจำโรงพยาบาลชานเมือง Otwock เขาสอนลูกสาวเสมอว่า “จำไว้ว่า เมื่อมีคนกำลังจมน้ำ จงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ” และไอรีนา จดจำคำสอนนี้ไว้ตลอดเวลา ถึงแม้เธอจะเป็นคาทอลิกแต่เธอก็ช่วยเหลือครอบครัวชาวยิวเมื่อพวกเขาอยู่ในอันตรายหลังจากที่นาซีสร้างค่ายกักกันชาวยิวขึ้นที่กรุงวอร์ซอร์ในโปแลนด์
 
ไอรีนาเข้าร่วมกลุ่ม Zegota ซึ่งเป็นองค์กรใต้ดินตั้งขึ้นโดยรัฐบาลโปแลนด์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อช่วยเหลือชาวยิวโปแลนด์ ระหว่างปี 1942 – 1943 ไอรีนาจัดตั้งกลุ่มเล็กๆที่ช่วยเด็กชาวยิวให้หนีออกนอกประเทศ

ไอรีนาทำงานเป็นคนงานช่วยเหลือสังคมในหน่วยงานทางสังคม Warsaw Social Welfare Department ทำให้เธอมีสิทธิเข้าไปในค่ายกักกันชาวยิวที่นาซีสร้างขึ้นได้
 
เธอไปเยี่ยมบ้านของครอบครัวชาวยิวหลายคนเพื่อช่วยเหลือลูกของพวกเขา “บางครั้งพ่อของเด็กยินยอม แต่แม่ไม่ยอม” ไอรีนากล่าว “ฉันกลับไปอีกในวันต่อมา และบ่อยครั้งก็พบว่าทุกคนถูกส่งไปที่สถานีรถไฟ Umschlagsplatz เพื่อส่งไปที่ค่ายแห่งความตาย”
 
เพื่อช่วยเด็กชาวยิว ไอรีนาจะแสร้งบอกว่า เด็กป่วยและจะนำไปที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมีการตรวจตราภายนอกค่ายถี่ขึ้น เธอก็จะซ่อนพวกเด็กไว้ในรถพยาบาลและขับออกไปนอกค่าย โดยซ่อนเด็กไว้ในโลงศพบ้าง ในตู้, ถุงผ้าและกล่อง บางครั้งซ่อนเด็กไว้ในตึกของศาล , ในท่อระบายน้ำ, ทางลับใต้ดินที่เตรียมไว้ในการหลบหนี มีหลายครั้งที่ระหว่างการหลบหนี เด็กๆที่ถูกซ่อนไว้ร้องไห้จ้า ไอรีนาได้ฝึกสุนัขของเธอให้เห่าเสียงดังเพื่อกลบเสียงร้องไห้ของเด็กเหล่านั้น
 
ไอรีนาช่วยเหลือเด็กไว้ได้มากกว่า 2,500 คน เธอจะเขียนชื่อนามสกุลของเด็กและบ้านครอบครัวชาวโปแลนด์ , คอนแวนต์, บ้านเด็กกำพร้า หรือ โรงพยาบาล ที่รับเด็กไว้ โดยหวังว่าเด็กจะได้กลับไปพบกับครอบครัวเดิมของพวกเขาในวันหนึ่งข้างหน้าหลังสงครามยุติ เธอเขียนใส่กระดาษและติดตัวเด็กไว้ก่อนที่จะลักลอบนำเด็กออกไป
 
ค่ำคืนของวันที่ 20 ตุลาคม 1943 ไอรีนาถูกจับกุมตัวและถูกส่งไปเข้าคุก notorious Piawiak prison เธอถูกซ้อมและถูกทรมานทำให้แขนทั้งสองข้างหัก แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอถูกตัดสินให้ประหารชีวิต
 
โชคยังดีที่พรรคพวกของเธอติดสินบนทหารในคุก และช่วยเธอให้รอดจากการประหารชีวิตได้
 
หลังสงคราม ไอรีนาได้ขุดไหที่เธอฝังดินไว้ ในสวน ในไหนั้นมีกระดาษที่บันทึกรายชื่อของเด็ก เธอส่งรายชื่อให้แก่องค์กรที่ช่วยในการนำตัวเด็กกลับสู่ครอบครัว แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ของเด็กส่วนใหญ่เสียชีวิตแล้วในค่ายกักกัน Treblinka death camp

ไอรีนาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Sydsvenskan “ความเกลียดชังชาวเยอรมนีเกาะกุมจิตใจของฉันยิ่งกว่าความกลัว แต่พ่อของฉันสอนฉันเสมอว่า ถ้าลูกเห็นคนกำลังจมน้ำ ลูกต้องพยายามที่จะช่วยชีวิตเขา ถึงแม้ลูกจะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม และในเวลานั้น โปแลนด์กำลังจมน้ำ”
 
“เหตุผลที่ฉันช่วยชีวิตพวกเด็กก็เพราะสิ่งที่ฉันถูกสั่งสอนมาในครอบครัว ฉันถูกเลี้ยงมาให้มีความเชื่อว่า จะต้องช่วยเหลือผู้คนเมื่อพวกเขาจมน้ำ(มีความทุกข์) ไม่ว่าพวกเขาจะมีเชื้อชาติหรือศาสนาใดก็ตาม”
 
เด็กที่ไอรีนาช่วยชีวิตไว้ไม่เคยลืมเธอ “เวลานี้บรรดาเด็กทั้งหลายและลูกของพวกเขาที่ฉันได้ช่วยเหลือได้มาหาฉัน” ไอรีนากล่าว
 
คนหนึ่งที่ไอรีนาช่วยเหลือคือ อลิสซาเบ็ท ฟิโควสกา ตอนที่ไอรีนาช่วยเหลือนั้น อลิสซาเบ็ทมีอายุเพียง 5 เดือน ไอรีนาซ่อนเธอไว้ในกล่องที่วางบนรถบรรทุก อลิสซาเบ็ทกล่าวว่า “แบบอย่างของไอรีนามีความสำคัญมาก ไอรีนาเป็นเหมือนแม่คนที่สามสำหรับฉันและเด็กคนอื่นๆที่เธอช่วยเหลือ”

เรื่องราวของไอรีนาถูกเปิดเผยแก่โลกให้ได้รับรู้ หลังจากมีนักเรียนชาวอเมริกันสี่คนในแคนซัส (Megan Stewart, Liz Cambers, Sabrina Coons, and Jessica Shelton) เขียนบทละครเรื่อง Life in a Jar ที่เป็นเรื่องราวของไอรีนา พวกเขารู้ประวัติความกล้าหาญของไอรีนาจากอินเตอร์เน็ตและรู้สึกประทับใจมาก พวกเขาได้ทำเว็ปไซต์ Life in a Jar website.
 
ในปี 2003 ไอรีนาได้รับรางวัลเกียรติยศ Jan Karski และในปี 2007 เธอได้รับเกียรติเป็นวีรสตรีแห่งชาติจากรัฐสภาโปแลนด์และถูกเสนอชื่อรางวัลโนเบล
 
ประธานาธิบดี เล็ค คาซินสกี ยกย่องเธอเป็น “วีรสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สมควรจะได้รับรางวัลโนเบล” แต่ไอรีนาไม่คิดว่าเธอเป็นวีรสตรี “คำว่า วีรสตรี รบกวนจิตใจของฉันมาก มันตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ฉันยังคงคิดว่าฉันยังทำสิ่งที่เล็กน้อยมาก”

ไอรีนาเสียชีวิตในวันที่ 12 พฤษภาคม 2008 ที่กรุงวอร์ซอร์ในวัย 98 ปี
 
Elie Wiesel ผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันเอาชวิตซ์ เขาเป็นนักเขียนและได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพได้เขียนไว้ว่า
 
“ในช่วงเวลาที่ความมืดมิดแผ่ไปทั่วแห่งหนทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน ประตูแห่งความรักความเมตตาทุกบานดูเหมือนจะถูกปิดลง ฆาตกรได้เข่นฆ่าชาวยิวจำนวนมากและโลกภายนอกก็ไม่แสดงท่าทีใดๆในเรื่องนี้หรือพยายามถอยห่าง มีเพียงคนไม่กี่คนที่กล้าเข้ามาใส่ใจ ชายและหญิงเหล่าไม่กี่คนนี้ต่างก็มีความกลัว, อ่อนแอ, มีความมุ่งมั่น...อะไรที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไป?...ทำไมจึงมีพวกเขาเพียงไม่กี่คน?....”
 
“ให้เราจำไว้เสมอว่า สิ่งที่ทำให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเจ็บปวดมากที่สุด ไม่ใช่ความโหดร้ายของผู้กดขี่แต่เป็นการเงียบของผู้ที่มองดู....เราจงอย่าลืม, จะมีช่วงเวลาหนึ่งเสมอที่ต้องมีการเลือกของจิตใต้สำนึก....และเราต้องรู้จักคนดีเหล่านี้ที่ได้ช่วยชีวิตชาวยิวไว้ในระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เราต้องเรียนรู้จากพวกเขา มีความกตัญญูและมีความหวัง, เราต้องจดจำพวกเขาเอาไว้สเมอ”

************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น