บทเทศน์ของนักบุญปีเตอร์ จูเลียน เอมาร์ดในการฟื้นฟูจิตใจ
ซิสเตอร์คณะ Servants of the Blessed Sacrament Paris
วันศุกร์ 11 มิ.ย. 1858
พระเจ้าของเราทรงเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างซ่อนเร้นตั้งแต่ทรงบังเกิดจนถึงเวลาที่พระองค์เริ่มต้นพระชนม์ชีพเปิดเผย เป็นเวลาสามสิบปีที่พระองค์ไม่เป็นที่รู้จักต่อโลก แต่ความรักที่พระองค์ทรงมีต่อชีวิตที่ซ่อนเร้นนั้นส่องแสงประกายเจิดจ้าที่สุดในศีลมหาสนิทอันศักดิ์สิทธิ์สูงสุด อันที่จริงไม่มีอะไรปรากฏให้เห็นด้วยสายตาณ.ศีลอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนี้– ทุกอย่างถูกปกปิดซ่อนเร้นไว้อันได้แก่ ความงาม, พระฤทธานุภาพและพระเกียรติรุ่งโรจน์ของพระองค์ ไม่มีใครมองเห็นได้ ไม่มีใครได้ยินความอ่อนโยนแห่งพระวาจาของพระองค์ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เห็นได้ชัด นั่นคือคุณธรรมที่พระองค์ทรงยึดถือคือ - ความนอบน้อมถ่อมตน
ซิสเตอร์ทั้งหลายของพ่อ ลูกควรมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในพระเจ้าของเรา นั่นคือชีวิตธรรมดาทั่วไป คุณธรรมภายนอกของลูกต้องดูเป็นเรื่องธรรมดา อย่าพูดถึงเกียรติยศทางโลกของลูก เช่นชื่อและผู้มีอุปการคุณ อย่าพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกเป็นและสิ่งที่ลูกต้องการเป็น – บ่อยครั้งภายใต้หน้ากากของจริยธรรม เราพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาจากความรักตนเอง […] ความศรัทธาของลูกจะต้องเป็นเรื่องปกติธรรมดาโดยไม่ทำให้เห็นเป็นความพิเศษเมื่อมองจากภายนอก เมื่ออยู่ในโบสถ์ลูกควรทำตัวเหมือนผู้ศรัทธาคนอื่นๆ คุณธรรมความดีของลูก, ความต่ำต้อยและความยากจนภายในของลูกจะต้องสมบูรณ์แบบ แต่ต้องไม่มีสิ่งใดที่อาจมองเห็นได้
ผู้รับใช้ของพระเยซูเจ้าทั้งหลาย, ลูกต้องเลียนแบบอย่างเจ้านายแห่งสวรรค์ของลูก ลูกต้องเลียนแบบชีวิตที่ซ่อนเร้นของพระองค์ในทุกๆ ด้าน เมื่อเจ้านายไม่เปิดเผยตัวเอง , คนรับใช้จะเปิดเผยตนเองได้อย่างไร? จงสังเกตว่า ในสภาวะมนุษย์ของพระองค์ พระเจ้าของเราทรงซ่อนความสว่างแห่งคุณธรรมของพระองค์ไว้: นั่นคือ ความอ่อนโยน, ความรักความเมตตา, ความอ่อนน้อมถ่อมตนของพระองค์และอื่นๆ พระองค์ทรงสำแดงสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น บัดนี้! ซิสเตอร์ที่ดีของพ่อ […] จงเป็นคนเรียบง่าย […] ลูกจะมีความสุขตลอดชีวิตของลูก ชีวิตและความตายของลูกจะถูกซ่อนไว้ ด้วยวิธีนี้ลูกจะใกล้ชิดกับพระอาจารย์เจ้าสวรรค์ จะเป็นความโชคร้ายมากถ้ามีคนรู้จักลูกเร็วเกินไป พระนางพรหมจารีย์ผู้บริสุทธิ์ที่สุดทรงฝึกฝนคุณธรรมความดีจนสมบูรณ์แบบ แต่พระนางไม่เคยเปิดเผยการทรงเป็นพระมารดาของพระเจ้าของพระนางเลย; พระนางทรงเก็บความลับของพระเจ้า เมื่อพระนางเสด็จไปที่พระวิหาร ท่าทางและการสวดภาวนาอธิษฐานของพระนางก็เหมือนกับคนอื่นๆ พระนางทรงเดินปะปนกับผู้หญิงคนอื่นเหมือนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งในพวกเขา
พ่อกลัวเพียงสิ่งเดียวสำหรับลูก คือการที่ลูกจะเป็นที่รู้จักจดจำของคนอื่น เพราะถ้าผู้คนรู้จักขุมทรัพย์ของลูก รู้ถึงพระหรรษทานต่างๆของลูก ทุกคนที่ดำเนินชีวิตภายในก็จะมาหาลูก เป็นการดีกว่าที่ลูกจะไม่ถูกห้อมล้อมจากคนจำนวนมาก เพื่อที่ลูกจะได้เป็นศิลารากฐานที่ดี ปีศาจมีความโกรธเกรี้ยวต่อผู้ที่มีชีวิตที่ซ่อนเร้นและผู้ที่ดำเนินชีวิตภายใน มันอดกลั้นยอมให้ผู้มีใจศรัทธาประกอบกิจเมตตาธรรม เพราะมันสามารถโจมตีพวกเขาได้โดยล่อลวงพวกเขาด้วยเกียรติอันไร้ค่า แต่มันไม่สามารถโจมตีผู้ที่ดำเนินชีวิตภายในที่ซ่อนเร้นได้: เพราะมันไม่สามารถเข้าถึงพวกเขาได้ จงหลีกหนีจากโลกนี้เถิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลีกหนีผู้แสร้งเป็นคนศรัทธาเคร่งศาสนาที่แอบแฝงเข้าไปในชุมชนนักบวชทุกแห่งเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรในนั้น จากนั้นเขาก็นำไปซุบซิบนินทา พวกเขามักจะสร้างปัญหาในอารามเหล่านี้
พระเยซูเจ้า พระเจ้าของเราตรัสว่า: “ผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขาและเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา” (ยน 14:21) เพราะฉะนั้น ซิสเตอร์ของพ่อ จงสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าของเราสำแดงพระองค์และพระประสงค์ของพระองค์แก่ลูก จงมีน้ำใจดีและซื่อสัตย์ต่อการดลใจแห่งพระหรรษทานโดยไม่ปฏิเสธสิ่งใด การปฏิเสธสิ่งใดที่มาจากพระเจ้าเป็นการดูหมิ่นพระองค์ ลูกต้องไม่แสร้งทำเป็นถ่อมตนโดยกล่าวว่า: ฉันไม่คู่ควรกับกระแสเรียกนี้ หากพระเจ้าทรงเลือกลูก และทรงมีพระประสงค์ต้องการลูก นั่นย่อมเป็นเรื่องดี พระองค์กำลังทำงานในตัวของลูก เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงทำในศีลมหาสนิทซึ่งเป็นเครื่องหมายของชีวิตและความตาย ก่อนที่พระองค์จะทรงดำรงอยู่ในศีลมหาสนิท พระเจ้าของเราทรงทำลายสสารของขนมปังและเหล้าองุ่น พระองค์ทรงกระทำในทำนองเดียวกัน เมื่อพระองค์ทรงเลือกคนที่ไม่มีอะไรเลย คนที่อ่อนแอสำหรับงานนี้ซึ่งจะยิ่งใหญ่ในวันหนึ่งข้างหน้า ในการฟื้นฟูจิตใจครั้งนี้ ลูกต้องไม่ใฝ่หาความศรัทธาหรือการปลอบประโลมใจ ลูกต้องแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าด้วยความตั้งใจและบอกพระองค์ว่า: หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่จะให้ลูกเป็นผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว ลูกพร้อมที่จะปฏิบัติตามที่พระองค์ต้องการ ผู้รับใช้จะต้องอุทิศตนให้กับเจ้านายของเขาและรับใช้พระองค์ด้วยความถ่อมตน
**********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น