เวลานั้นเป็นปีค.ศ. 1331
“เข้ามาซิ” คุณแม่อธิการคณะโดมินิกันร้องเรียก เมื่อท่านได้ยินเสียงเคาะประตู
ประตูเปิดอย่างช้าๆเงียบๆเผยให้เห็นแม่ชีผู้ทำหน้าที่เปิดประตูบ้านในชุดซิสเตอร์สีดำขาว ใบหน้าของเธอแสดงถึงความยุ่งยากใจแกมขบขัน
“เธอกลับมาอีกแล้วค่ะ คุณแม่อธิการ”
“หนูน้อยอิลเมลด้า แลมเบอร์ตินิรี?”
“ใช่ค่ะ เธอมาขอร้องอีกครั้งให้ทางคอนแวนต์รับเธอเข้าคณะ ดิฉันยอมรับตามตรงว่า ดิฉันลำบากใจที่จะปฏิเสธแววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ที่แสดงถึงความต้องการอย่างยิ่งยวดดวงโตๆนั้นค่ะ”
“ซิสเตอร์ แต่เด็กคนนั้นเพิ่งอายุเก้าขวบเท่านั้นนะ เคยมีหรือที่เมืองโบโลญา หรือทั่วทั้งประเทศอิตาลี เกิดกรณีเช่นนี้? แม่ชีอายุเก้าขวบ? ถ้าหากเรารับเธอไว้..... แต่จะทำได้อย่างไร? อย่างไรก็...ตาม บางทีอาจคิดถึงบ้านและต้องการกลับภายในสามวันก็ได้....ไหน, ให้ฉันพบเธอหน่อยซิ”
คุณแม่อธิการลุกขึ้นยืน และเดินไปตามระเบียงทางเดินพร้อมกับซิสเตอร์ผู้ทำหน้าที่เปิดประตู ทะลุไปยังห้องรับแขก ขณะที่ท่านเข้าไปในห้อง เด็กหญิงก็ลุกขึ้นแสดงความเคารพ เธอช่างเป็นเด็กน้อยที่สวยงาม อยู่ในชุดที่สวยงามสดใส
@@@@@**@@@@@**@@@@@**@@@@@
อิลเมลด้า แลมเบอร์ตินี เป็นบุตรีของขุนนางชนชั้นสูงในเมืองโบโลญา อิตาลี บิดาของเธอก็คือท่านเคาน์อิกาโน แลมเบอร์ตินี ทั้งบิดาและมารดาของเธอ รักและหวงแหนบุตรีคนนี้มากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก กระนั้นก็ดี ทั้งสองก็สังเกตเห็นว่า บุตรีของพวกเขาได้เแสดงความรักตอบต่อท่านทั้งสองด้วยสุดหัวใจด้วยเช่นเดียวกัน แต่มิใช่ความรักเพื่อโลกนี้
บ่อยครั้งทีเดียวที่มารดาได้ปลีกตัวจากการสังสรรค์กับบรรดามิตรสหาย เพื่อตามหาเธอ และหลังจากที่ตามหาได้สักพักหนึ่งก็มาพบเธอกำลังคุกเข่าสวดภาวนาอย่างมีสมาธิ ณ. มุมใดมุมหนึ่งของปราสาท มารดาของเธอต้องร้องเรียกชื่อเธอหลายครั้งจนกระทั่งเธอออกจากภวังค์สมาธิและร้องตอบ ดูราวกับว่าเธอตื่นจากการนอนหลับ
เมื่อไรก็ตามที่มีคนพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับพระเป็นเจ้า ตาของเธอจะลุกเป็นประกายและดึงดูดความสนใจทั้งหมด ของเธอ บิดามารดายังสังเกตเห็นอีกว่า เมื่อมีการพูดถึงพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ใบหน้าของเธอจะสดใสผิดปกติ
“โอ คุณแม่ขา” เธอจะออดอ้อน “เมื่อไรหนูถึงจะได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกคะ? เมื่อไรหนูจึงจะได้รับพระเยซูเจ้าเข้ามาในดวงใจของหนู?”
“หนูจะต้องรอจนถึงอายุครบสิบสองปีจ๊ะ อิเมลดา” คุณนายแลมเบอร์ตินีตอบ “เพราะพระศาสนจักรไม่อนุญาติให้เด็กๆรับศีลก่อนอายุนี้”
และสำหรับอิลเมลด้า นั่นเป็นระยะเวลารอคอยอันแสนยาวนาน! เพราะอำนาจของโลกนี้ได้กีดกั้นเธอ ไม่ให้ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก เด็กน้อยได้สวดภาวนาวอนขอต่อพระเยซูเจ้าสุดที่รักของเธอให้เสด็จมาหาเธอโดยเร็วไว ในส่วนลึกของจิตใจ, เธอเชื่อว่าพระองค์จะทรงทำบางสิ่งบางอย่าง
ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกอิจฉาบรรดาซิสเตอร์โดมินิกันคณะนักบุญมารีอา มักดาเลนา อันเป็นสถานที่ซึ่งบิดามารดาของเธอไปเยี่ยมเสมอๆ “สามารถอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับพระเยซูเจ้า” เธอคิด “ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้”
วันหนึ่งเธอก็คิดหาวิธีแก้ปัญหาของเธอ “ทำไม ฉันไม่ไปเคาะประตูคอนแวนต์และขอเข้าเป็นภคิณีล่ะ ถ้าหากฉันยังไม่สามารถรับพระองค์ได้ อย่างน้อยฉันก็สามารถอาศัยอยุ่ในบ้านเดียวกันกับพระองค์และรับใช้พระองค์ทั้งวันทั้งคืน”
เธอเดินทางไปหาพระเจ้าของเธอ ตามแผนที่วางไว้ ในสภาพของเด็กเล็กแห่งคอนแวนต์โดมินิกันที่มีความรักแบบซื่อๆของเธอ เดินตรงไปที่ประตูและเคาะ “ซิสเตอร์คะ กรุณาถามคุณแม่อธิการทีเถอะค่ะ ว่าหนูจะมาอยู่ที่นี่และเป็นแม่ชีได้ไหมคะ?”
“แต่ อิลเมลด้า พวกเราทุกคนก็อยู่รับใช้พระเจ้าที่นี่ตลอดเวลา วันหนึ่งหนูก็อาจมาอยู่กับพวกเรา และเราก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อนรับหนู แต่หนูต้องรอให้ถึงเวลาก่อนนะ หนูมีคุณพ่อคุณแม่ที่ดีมากและมีบ้านที่สวยงาม ลูกที่รัก, ลูกไม่มีความสุขที่นั่นหรือจ๊ะ?”
“โอ, ค่ะ , หนูมีความสุขมาก แต่ที่นี่ท่านมีพระเยซูเจ้านี่คะ”
“แต่ ชีวิตของเราที่นี่นั้นลำบากมากนะจ๊ะ พวกเราทำงานหนักและสวดภาวนามากมาย แม้กระทั่งต้องตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนเพื่อทำวัตรสวดภาวนา”
“โอ, ซิสเตอร์ ,หนูไม่ลำบากใจในเรื่องนั้นเลยสักนิด หนูจะเชื่อฟังและทำตามคำสั่งทุกอย่างด้วยความสุข ได้โปรดเถิดค่ะ ซิสเตอร์”
แน่นอน, เราทราบว่าคุณแม่อธิการต้องปฏิบัติต่ออิลเมลด้าด้วยความเมตตากรุณาดังเช่นที่ท่านกระทำเสมอๆ ท่านไม่ได้พยายามที่จะขับไล่เธอกลับบ้านเลย แต่อิลเมลด้ายังยืนกรานความคิดของเธอ
อย่างไรก็ตาม, ในวันนี้, ขณะที่คุณแม่อธิการจ้องมองเด็กน้อยที่กำลังยืนอยู่ในห้องโถงและมองมายังท่านด้วยสายตาที่วิงวอน บางสิ่งบางอย่างได้ทำให้จิตใจของท่านลังเล “ช่างมีความมุ่งมั่นจริงๆแม้จะเป็นเพียงเด็กเล็กเช่นนี้” ท่านคิด “ฉันรู้สึกว่าพระเป็นเจ้าทรงจัดการสิ่งนี้ บางทีฉันควรให้เธอลองดู”
อิลเมลด้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ครั้งนี้คุณแม่อธิการไม่บอกให้เธอกลับไปแต่พูดคุยกับเธอเป็นเวลานานพอสมควรและท่านบอกว่า ถ้าบิดามารดาของเธออนุญาต เธอก็จะสามารถมาทดลองใช้ชีวิตในคอนแวนต์นี้ได้เป็นการชั่วคราว
บิดามารดาที่แสนดีของเธอรู้สึกเศร้าใจแต่มิได้ประหลาดใจแต่อย่างใด พวกท่านเคยรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจว่า สักวันหนึ่งคงมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นกับบุตรีของท่าน นี่ไงล่ะ , มันเกิดขึ้นแล้ว พระเป็นเจ้าทรงร้องขอพวกท่านในเวลาที่รวดเร็วเกินกว่าที่ท่านคาดคิด และท่านก็มอบเธอแด่พระองค์เหมือนนักบุญยออากิมและนักบุญอันนาที่มอบบุตรีอายุสามขวบในพระวิหาร - มารีอาน้อยผู้ทรงบุญ
@@@@@**@@@@@**@@@@@**@@@@@
ในคอนแวนต์ อิเมลดาน้อยก็เหมือนปลาว่ายอยู่ในน้ำ เธอรักความสงบเงียบ ระเบียงทางเดินยาวทำด้วยหินสกัดเป็นแนวโค้งที่สวยงาม เครื่องแบบขาวดำของนางชี บทสวดภาวนาและงานต่างๆ เหนือสิ่งอื่นใด, เธอรักพระแท่นบูชา และสิ่งสุดท้าย, คือการที่เธอได้มาอยู่ชายคาเดียวกันกับพระเยซูเจ้าของเธอ
เมื่อถึงเวลาที่ระเบียบของคณะอนุญาต, เธอจะคุกเข่าอยู่บริเวณสำหรับขับร้องและมองมายังสถานที่สวดภาวนาของคอนแวนต์ แล้วดวงตาโตของเธอก็จะจ้องมองที่พระแท่นบูชา ในท่ามกลางผู้ใหญ่, เธอเป็นเหมือนรังสีแห่งดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง พวกเขายินดีในการเป็นเพื่อนกับเธอ แม้ว่าหลายครั้งคุณแม่อธิการได้เตือนพวกเขาไม่ให้ทำให้เธอเสียนิสัยด้วยการเอาใจเธอมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม, เพราะเธอยังเป็นเด็กเล็กอยู่ คุณแม่อธิการจึงไม่ต้องการให้เธอเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างของคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตื่นนอนในเวลาเที่ยงคืนเพื่อทำวัตร อิลเมลด้าพยายามอ้อนวอนให้ท่านอนุญาติให้เธอทำตามระเบียบทุกอย่าง และเธอก็ไม่ถูกปฏิเสธ ดังนั้นเอง, ในเวลาเที่ยงคืน, เหล่าเทวดาที่สถิตอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องประหลาดใจที่ได้เห็น ชุดเสื้อคลุมนางชีสีขาวยาวและเด็กเล็กที่สวมใส่อยู่นั้นกำลังเดินอย่างเงียบๆไปยังห้องสวดภาวนา
สองปีผ่านไป, ขณะนี้อิลเมลด้ามีอายุสิบเอ็ดปี มีสิ่งเดียวในการใช้ชีวิตในคอนแวนต์ที่ทำให้เธอเสียใจ นั่นคือเธอยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้รับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ยามเมื่อเธอเห็นบรรดาซิสเตอร์เข้าไปรับศีล วิญญาณของเธอแผดเผาไปด้วยความปรารถนาที่จะอยู่ในท่ามกลางคนเหล่านั้น ครั้งนี้,เธอไม่สามารถระงับน้ำตาไว้ได้ เธอได้แต่สวดอ้อนวอนต่อสวรรค์อย่างสุดจิตสุดใจได้โปรดเมตตาต่อเธอและอนุญาติให้เธอได้รับศีล, ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
@@@@@**@@@@@**@@@@@**@@@@@
วันหนึ่งขณะที่คณะนางชีกำลังเดินเป็นแถวออกจากห้องสวดภาวนาหลังจากพิธีมิสซาเสร็จสิ้น นางชีคนสุดท้ายในแถวหันไปมองผู้ที่กำลังคุกเข่าสวดภาวนาในชุดสีขาวตัวเล็กๆนั้น
อิลเมลด้ามักจะสวดภาวนาเป็นเวลานาน เธอดื่มด่ำในการสวดภาวนาและไม่เคลื่อนไหว คนในคณะมีความเคยชินในภาพที่เห็นนี้จึงปล่อยให้เธอทำต่อไป และซิสเตอร์คนสุดท้ายก็จะหันกลับมามองเธอทุกครั้งโดยอัตโนมัติ เพื่อรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ที่เด็กน้อยจ้องมองศีลมหาสนิทอย่างนิ่งเงียบ
แต่ในครั้งนี้, ซิสเตอร์ผู้เคร่งครัดต้องตะลึงและทรุดลงกับพื้น เด็กน้อยกำลังคุกเข่าอยู่ศีรษะก้มเอนไปข้างหน้าเหมือนปกติ แต่เบื้องบนศีรษะของเธอนั้นมีแผ่นศีลสีขาวส่องประกายแสงสีนวลลอยอยู่!
“เร็วๆ คุณแม่อธิการคะ กลับมา! , ดูสิคะ!”
คนในคณะทั้งหมดรีบกลับมาที่ห้องสวดภาวนาและต้องทรุดตัวลงคุกเข่าต่อสิ่งเหลือเชื่อที่เห็นอยู่ต่อหน้า
คุณแม่อธิการเข้าใจในทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระผู้สร้างและพระเป็นเจ้าแห่งสรรพสิ่งทั้งหลายทรงมีพระประสงค์ให้เด็กหญิงน้อยอายุสิบเอ็ดปีนี้ได้รับพระองค์
ท่านไปตามคุณพ่ออธิการโบสถ์ ซึ่งท่านก็รีบเร่งมาพร้อมด้วยจานรองทองคำ ทันทีที่ท่านเข้าไปใกล้เด็กหญิงที่กำลังคุกเข่า แผ่นศีลก็ลงมาอยู่บนจานรองนั้น!
อิลเมลด้า, ซึ่งตลอดเวลาก้มศีรษะและปิดตาอยู่รู้สึกประหลาดใจในเหตุการณ์ทั้งหลาย บัดนี้,ใบหน้าของเธอซึ่งส่องประกายราศีสดใสค่อยๆเงยขึ้นและเธอก็อ้าปากรับแผ่นศีล คุณพ่ออธิการได้ให้ศีลมหาสนิทครั้งแรกแก่เธอ เธอก้มหน้าอีกครั้งและสงบนิ่งอยู่เป็นเวลานาน
หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร
คุณแม่อธิการเข้ามาใกล้เธอ “อิลเมลด้า ลูกรัก ได้เวลาจะไปแล้ว”
อิลเมลด้าไม่ตอบ
คุณแม่อธิการเรียกอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่ตอบเหมือนเดิม ท่านเขย่าเธอที่ไหล่เบาๆ พยายามปลุกให้เธอรู้สึกตัว แต่อิเมลดากลับทรุดลงในอ้อมแขนของท่าน ใบหน้าของเธอสวยงามจนไม่สามารถบรรยายได้
ครั้งหนึ่งอิลเมลด้าเคยกล่าวว่า “หนูไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้หรือที่ใครก็ตามที่รับพระเจ้าของเราแล้ว และยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้” เวลานี้เธอได้รับพระองค์ และการพบกับพระเยซูเจ้าครั้งแรกในศีลมหาสนิทนี้มีอานุภาพเกินกว่าดวงใจที่ถูกแผดเผาดวงน้อยๆดวงนี้จะทนไหว เธอจึงได้ไปพร้อมกับพระองค์
อิลเมลด้าน้อยได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในปีค.ศ. 1826 และได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของผู้ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกในปีค.ศ. 1910 โดยพระสันตะปาปาปิอุสที่ 10 และพระองค์ทรงเป็นผู้ประกาศในปีเดียวกันนั้นเอง อนุญาติให้เด็กสามารถรับศีลมหาสนิทครั้งแรกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ร่างน้อยๆของอิลเมลด้ายังคงสภาพสวยงามไม่เน่าเปื่อยนอนอย่างสงบในในโบสถ์นักบุญสิจิสมอนโด ในเมืองโบโลญา ใบหน้าที่สวยงามของเธอแสดงออกถึงการอยู่ในภวังค์แห่งความสุขและดูเหมือนจะพูดว่า “พระเยซูเจ้าข้า พระองค์เป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ของหนู”
@@@@@**@@@@@**@@@@@**@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น