วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ความลับข้อที่สามของฟาติมาส่วนที่ขาดหายไป




ตั้งแต่ต้นปี1960 มีการกล่าวกันว่าเนื้อหาส่วนหนึ่งของความลับที่สามที่มีชื่อเสียงของฟาติมาได้รับการเผยแพร่อย่างเปิดเผยในบางภาคส่วนของพระศาสนจักร มีรายงานว่าพระสันตะปาปาทรงอนุญาตให้ผู้นำของรัสเซียและสหรัฐอเมริกาอ่านสาส์นความลับข้อที่สามนี้ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี1962 บางคนบอกว่าพระสงฆ์ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการพิจารณาการสถาปนาเด็กที่เห็นแม่พระแห่งฟาติมาสองคนได้เห็นเนื้อหาในสาส์นนี้ด้วย หนังสือพิมพ์เยอรมันและฝรั่งเศสก็ได้ลงข่าวที่เปิดเผยเนื้อหาของสาส์นนี้ด้วยเช่นกัน และสาส์นนี้ได้ผ่านมือคนจำนวนมากไปแล้ว แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ความแท้จริงของสาส์นได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นผู้อ่านจึงต้องประเมินความจริงเอาเอง แต่เนื่องจากไม่มีสิ่งใดในสาส์นที่ขัดกับคำสอนของพระศาสนจักรและเนื่องจากมีข้อความที่กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้ด้วยความแม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ เราจึงควรพิจารณาสาส์นนี้อย่างจริงจัง
 
โปรดจำไว้ว่าข้อความที่มีการเผยแพร่นี้ - ซึ่งอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของสาส์นความลับที่สามที่พระแม่มารีย์ทรงได้ประทานแก่ลูซีอาและเริ่มมีการรายงานครั้งแรกในปี1963และ1964ในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ - มีข้อความบางข้อความที่เหมือนกันที่อยู่ในสาส์นแม่พระแห่งอากิตะ(1973) และในสุนทรพจน์ของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 ซึ่งตรัสที่Fulda (1980) จึงเป็นอีกเหตุผลที่ควรพิจารณาสาส์นนี้อย่างจริงจัง (ข้อความส่วน ที่เกี่ยวข้องกับสุนทรพจน์ของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2ตรัสที่ Fulda และ ส่วนของอากิตะAkita จะแสดงเป็นตัวอักษรเอียง) พระแม่ตรัสว่า
 
การลงทัณฑ์ครั้งยิ่งใหญ่จะมาเหนือมนุษยชาติทั้งปวง ไม่ใช่ในวันนี้และพรุ่งนี้ แต่ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ . . . มนุษยชาติไม่ได้ปรับปรุงตนเองตามที่พระเจ้าทรงต้องการ มนุษยชาติได้ล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเหยียบย่ำพระพรอันน่ามหัศจรรย์ของพระเจ้า ไม่มีที่ใดเลยในโลกที่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยจะดำรงอยู่อีกต่อไป แม้แต่ในสถานที่สูงที่สุด ซาตานได้ปกครองและชี้นำแนวทางของสิ่งต่างๆ ซาตานจะประสบความสำเร็จในการแทรกซึมเข้าไปในตำแหน่งสูงสุดในพระศาสนจักร ซาตานจะประสบความสำเร็จในการหว่านความสับสนในจิตใจของนักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์อาวุธเพื่อให้ทำการผลิตเป็นจำนวนมาก หากมนุษยชาติไม่ต่อต้านความชั่วร้ายเหล่านี้, แม่ก็จำเป็นต้องปล่อยพระหัตถ์ขององค์พระบุตรของแม่ให้ลงโทษ หากผู้นำของโลกและของพระศาสนจักรไม่ต่อต้านความชั่วร้ายเหล่านี้ แม่เองจะขอให้พระเจ้าพระบิดาของแม่ทรงนำความยุติธรรมของพระองค์มาสู่มนุษยชาติ
 
แล้วนั้นพระเจ้าจะทรงลงโทษมนุษย์อย่างรุนแรงและหนักหน่วงยิ่งกว่าที่เคยทรงกระทำในช่วงเวลาของน้ำท่วมโลก ผู้ยิ่งใหญ่และผู้มีอำนาจจะพินาศไปเช่นเดียวกับผู้น้อยและต่ำต้อย. . .
 
แต่เวลาของการทดลองที่รุนแรงยิ่งขึ้นจะมาถึงพระศาสนจักรด้วยเช่นกัน พระคาร์ดินัลจะขัดแย้งกับพระคาร์ดินัลและพระสังฆราชจะขัดแย้งกับพระสังฆราช ซาตานจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในท่ามกลางพวกเขา ในกรุงโรมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน สิ่งที่เน่าเฟะก็จะล่วงหล่นและสิ่งที่ล่วงหล่นแล้วก็จะไม่ถูกเก็บไว้ พระศาสนจักรจะถูกบดบังและโลกทั้งโลกจะถูกโยนลงไปในความสับสน
 
สงครามอันยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ ไฟและควันจะตกลงมาจากสวรรค์ น้ำในมหาสมุทรจะกลายเป็นไอและโยนตัวขึ้นเป็นฟองสู่ท้องฟ้า สิ่งที่ตั้งอยู่จะถูกคว่ำลง คนหลายล้านคนจะตายในเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง คนที่รอดชีวิตจะอิจฉาคนที่ตายแล้ว ความทุกข์ยาก ความอดสูและความอ้างว้างจะพบได้ทั่วโลก
 
เวลานั้นใกล้เข้ามามากแล้วและห้วงเหวก็ลึกยิ่งขึ้น จะไม่มีใครหนีรอดได้เลย คนดีจะตายพร้อมกับคนชั่ว คนใหญ่โต, คนต่ำต้อย, เจ้าชายแห่งพระศาสนจักรและบรรดาผู้มีความเชื่อ, ผู้ปกครองชาติต่างๆพร้อมกับประชาชนของพวกเขา ความตายจะครอบงำทุกหนทุกแห่ง สิ่งนี้เป็นชัยชนะของมนุษย์ที่ทำผิดพลาด – พวกเขาคือผู้ช่วยของซาตานผู้ซึ่งจะเป็นเจ้านายของโลก . .
 
หลังจากนั้น บางคนที่รอดชีวิตจะยังคงอยู่บนโลก พระเจ้าจะได้รับการเคารพนับถืออีกครั้งเหมือนเมื่อครั้งที่โลกยังไม่ถูกทำให้เสียหาย แม่ได้เรียกบรรดาผู้ติดตามที่แท้จริงขององค์พระบุตรของแม่ , คริสตชนที่แท้จริงและและอัครสาวกของยุคสุดท้ายเหล่านี้ . . .
 
(แล้วแม่พระทรงสรุปเป็นครั้งสุดท้ายตรัสว่า) วิบัติและความวิบัติที่ยิ่งใหญ่กว่าจะบังเกิด ถ้าหากไม่มีการสำนึกผิดกลับใจ และหากทุกอย่างยังคงเป็นอย่างที่มันเป็น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทุกอย่างแย่ลงไปอีก
 
เป็นที่น่าสังเกตจากข้อความที่พูดถึงสงครามอันยิ่งใหญ่และการลงทัณฑ์อันยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น“ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ” คำถามก็คือ เวลานั้นผ่านไปแล้วใช่ไหม? อย่างไรก็ตามการเชื่อว่ามันจะไม่เกิดขึ้นนั้นดูไม่เข้าท่านัก ด้วยความเชื่อที่ว่าการวอนขอของพระแม่มารีย์ต่อพระเจ้า พระองค์จึงทรงยืดเวลาแห่งพระเมตตาให้ยาวนานออกไป พระแม่ทรงให้คำเตือนเหล่านี้แก่เราไม่ใช่เพื่อทำให้เรากลัว แต่เพื่อทำให้เราเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นโดยอาศัย การแพร่ธรรม,การสวดภาวนาและการทำพลีกรรม เช่นเดียวกับเรื่องราวของประกาศกโยนาห์และเมืองนีนะเวห์ (โยนาห์ 3)
 
ข้อความในสาส์นความลับข้อที่สามที่ดูน่ากลัวนี้ อาจเป็นคำอธิบายได้ว่าทำไมทางวาติกันจึงไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยข้อความนี้ในปี2000 ที่ฟาติมา เพราะเป็นการทำนายถึงการที่พระคาร์ดินัลและพระสังฆราชขัดแย้งและต่อต้านซึ่งกันและกัน.....ซาตานแทรกตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางพวกเขา ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้นชัดเจนในปี 2000
 
ปัจจุบันนี้ในปี2019 เราได้เห็นเหตุการณ์ความอื้อฉาวและเสื่อมเสียของผู้ที่อยู่ในระดับสูงของพระศาสนจักรที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเรา แม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับพระสันตะปาปาเองที่ถูกกล่าวหาจากพระอัครสังฆราชคาร์โล มาเรีย วิกาโน ในเรื่องการปกปิดข่าวการล่วงละเมิดทางเพศของพระคาร์ดินัลทีโอดอร์ แมคคาร์ริค มีความขัดแย้งภายในเกี่ยวกับพระสมณสาส์น Amoris Laetitia. ของพระสันตะปาปา มีความพยายามจากพระสังฆราชหลายคนที่จะยินยอมให้ผู้หย่าร้างและแต่งงานใหม่ และกลุ่มLGBT ให้สามารถรับศีลมหาสนิทได้ โดยพวกเขาไม่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ผิดศีลธรรมของพวกเขาเสียก่อน และยังมีรายการอื่นๆอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้สามารถอ้างอิงได้จากสื่อ (พระสันตะปาปาเป็นพระสังฆราชแห่งโรมด้วย)
 
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามคำเตือนของแม่พระในส่วนของสาส์นความลับข้อที่สามแห่งฟาติมาที่ขาดหายไปอย่างไม่ต้องสงสัย “ในกรุงโรมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน สิ่งที่เน่าเฟะจะล่วงหล่นและสิ่งที่ล่วงหล่นแล้วก็จะไม่ถูกเก็บไว้ พระศาสนจักรจะถูกบดบังและโลกทั้งโลกจะถูกโยนลงไปในความสับสน” สิ่งเดียวที่ยังไม่เกิดขึ้นในส่วนที่ขาดหายไปของสาส์นความลับข้อที่สาม-ซึ่งอาจเป็นเพราะพระเมตตาของพระเจ้า นั่นก็คือการลงโทษมนุษย์ทุกคนสำหรับบาปต่างๆเหล่านี้
 
การลงโทษที่พระแม่มารีย์ทรงกล่าวไว้ในคำเตือน “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากทุกอย่างแย่ลงไปอีก” อาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่การล่มสลายทางเศรษฐกิจทั่วโลกไปจนถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่นอุกกาบาตที่พุ่งชนโลก คำเตือนของแม่พระทำให้เราคิดถึง น้ำท่วมโลกในสมัยของโนอาห์และไฟที่ตกจากฟ้ามายังเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ (ปฐมกาล 6-9, 18–19) และมันก็มีเหตุผลที่พระเจ้าจะตรัสกับเราในคำเตือนและผลลัพท์จากการกระทำขอเราที่คล้ายกับเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ เพื่อที่ผู้คนในโลกจะเข้าใจธรรมชาติของบาปและทำไมพวกเขาจึงถูกลงโทษ พระเจ้าจะทรงให้อุกกาบาตขนาดใหญ่หรือดาวเคราะห์น้อยตกลงสู่มหาสมุทรด้วยความเร็วประมาณ 45,000 ไมล์ต่อชั่วโมงและทำให้แนวชายฝั่ง 300 ไมล์หายไปทั่วโลกหรือไม่?
 
เราไม่สามารถรู้คำตอบได้ทั้งหมด แต่เรารู้ได้สิ่งหนึ่งคือ พระเจ้าไม่ทรงพูดเล่น และถ้า “ทุกอย่างแย่ลงไปอีก” เราทำได้แต่เพียงหวังและสวดอ้อนวอนว่าพระสันตะปาปาและพระสังฆราชจะรับหน้าที่ของโยนาห์และเริ่มต้นการเดินทางผ่านนีนะเวห์ที่ชั่วร้ายในยุคปัจจุบัน แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำล่ะ? จงระลึกถึงสิ่งที่พระแม่มารีย์ตรัสกับซิสเตอร์ลูซีอาแห่งฟาติมาเกี่ยวกับการแพร่กระจายของบาป: . .”วิบัติและความวิบัติที่ยิ่งใหญ่กว่าจะบังเกิด....โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทุกอย่างแย่ลงไปอีก!”

*********************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น