วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2562

พระเยซูเจ้าทรงอธิบายเกี่ยวกับนิรันดรกาล


 
พระเยซูเจ้าทรงอธิบายเกี่ยวกับนิรันดรกาล
 
ในการเปิดเผยแก่มาเรีย วัลทอร์ท่า
 
Mystical Revelations of Maria Valtorta
------------------------------------------------------------------------
 
มาเรีย , เราบอกลูกว่า ชีวิตของผู้ร่วมทุกข์กับเรานั้น เขาจะต้องดำเนินชีวิตให้มีความสมดุล, จำเป็นที่เขาจะต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ในการพิจารณา , คิด , และกระทำทุกอย่างราวกับว่าเป็นการกระทำในอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ นั่นคือในนิรันดรภาพซึ่งมักจะพูดเสมอว่า: 'ปัจจุบัน'
 
พวกลูกที่มีชีวิตฝ่ายจิต ลูกพิจารณาสิ่งต่างๆตามชีวิตฝ่ายร่างกายเพื่ออะไร? ลูกวอนขออะไรจากพระเจ้าเล่า? ลูกวอนขอเพื่อที่จะมีชีวิตฝ่ายจิตมิใช่หรือ และสิ่งสร้างฝ่ายจิตซึ่งเป็นเหมือนพระเจ้านั้น พวกเขามีชีวิตอยู่ในเวลาใด? - "ในเวลาของพระเจ้า" เวลาของพระเจ้าเป็นแบบไหน? เป็นปัจจุบันนิรันดร คือนิรันดร ณ.ปัจจุบันในสวรรค์ พระบิดานิรันดรของลูก ไม่มีอดีตกาล ไม่มีอนาคตกาล มีแต่นิรันดรกาล
 
พระเจ้าไม่ทรงรู้เกิดและไม่ทรงรู้ตาย, ไม่มีรุ่งอรุณและไม่มีอัสดงคต , ไม่มีเริ่มต้นและไม่มีสิ้นสุด บรรดาทูตสวรรค์ เป็นจิตเช่นเดียวกับพระองค์ พวกท่านรู้แต่เพียง 'วันหนึ่ง' หนึ่งวันที่เป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่พวกท่านถูกสร้างขึ้นในสวรรค์และพวกท่านไม่มีเวลาสิ้นสุด ส่วนบรรดานักบุญ,นับจากช่วงเวลาที่พวกท่านบังเกิดในสวรรค์ ท่านก็ได้เป็นผู้ครอบครองเวลาที่ไม่เปลี่ยนแปลงของสวรรค์นี้แล้ว เวลาซึ่งไม่มีการเดินต่อไป มันหยุดอยู่ในความงดงามแห่งอัญมณีที่ส่องแสงเป็นประกายเจิดจ้าโดยพระเจ้า และเวลาของโลกที่หมุนไปรอบๆเวลาที่ไม่เปลี่ยนแปลงนี้ ก็เหมือนกับดาวเคราะห์ที่โคจรไปรอบดวงอาทิตย์: บางเวลาก็สว่างสไวและบางเวลาก็มืดดับ ขณะที่เวลาที่ไม่เปลี่ยนแปลงนี้คงที่อยู่เสมอ นานเท่าไรนะหรือ? ตลอดกาล
 
คิดดูเถิด, มาเรีย , ถ้าลูกสามารถนับเม็ดทรายทั้งหมดที่อยู่ในทะเลทั่วทั้งโลก บนพื้นและชายฝั่งของทะเลสาบ, ในสระน้ำ, ในแม่น้ำลำธาร และลูกบอกเราว่า: 'เปลี่ยนเม็ดทรายทั้งหมดนี้ให้เป็นวันเวลาเถิด' ลูกเอ๋ย, ลูกยังมีข้อจำกัดในความเข้าใจเรื่องของจำนวนวัน และเช่นเดียวกับเม็ดทรายจงเชื่อมโยงสิ่งนี้กับสิ่งอื่นที่คล้ายกันเถิด อันได้แก่ หยดน้ำในทะเล,ในทะเลสาบ, ในแม่น้ำลำธาร, บนใบไม้, ในอ่างอาบน้ำ , ในน้ำฝนหรือน้ำค้าง และเชื่อมโยงกับ หยดน้ำของหิมะบนเทือกเขาแอลป์, ในเมฆที่เคลื่อนคล้อยไป, ในธารน้ำแข็งซึ่งปกคลุมไปด้วยผลึกคริสตัลบนยอดเขา และแล้วลูกก็ยังคงมีข้อจำกัดในความเข้าใจเกี่ยวกับจำนวนวัน
 
และจงเชื่อมโยงไปถึงจำนวนโมเลกุลทั้งหมดที่ก่อตัวเป็นดาวเคราะห์ , ดวงดาวและเนบิวลา ทุกสิ่งที่บินผ่านแผ่นฟ้าและเติมเต็มด้วยเสียงเพลงที่มีเพียงเหล่าทูตสวรรค์ เท่านั้นที่ได้ยิน เพราะในการโคจรไปตามเส้นทางนั้น เหล่าดวงดาราก็จะบรรเลงเพลง เหมือนกับมือของนักเล่นพิณที่เคลื่อนผ่านไปมาบนสายพิณ มันบรรเลงเพลงสรรเสริญองค์พระผู้สร้าง และจักรวาลก็เต็มไปด้วยเสียงเพลงบรรเลงของออร์แกนขนาดใหญ่มหึมา – แต่มาเรียเอ๋ย , ลูกยังมีข้อจำกัดในความเข้าใจเกี่ยวกับจำนวนวัน
 
แล้วนั้น จงเชื่อมโยงเข้ากับฝุ่นผงที่ถูกฝังอยู่ในดิน – ฝุ่นดินซึ่งเป็นตัวตนของมนุษย์ ซึ่งมนุษย์จะต้องกลับไปเป็นฝุ่นดินดังเดิม วันเวลาที่จะผ่านไปหลายร้อยศตวรรษกำลังรอพระบัญชาให้ฝุ่นดินเหล่านั้นเปลี่ยนกลับเป็นตัวตนของมนุษย์ดังเดิม และเขาจะได้เห็นชัยชนะของพระเจ้า – แล้วยังมีอะตอมนับพันล้านล้านล้านในตัวของมนุษย์-ฝุ่นดิน เป็นของมนุษย์นับพันล้านคนที่เชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า มนุษย์ก็หาได้คงอยู่ไม่ โลกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ - และลูกก็ยังคงมีข้อจำกัดในความเข้าใจเกี่ยวกับจำนวนวัน
 
อาณาจักรของพระเจ้านั้นเป็นนิรันดร, เช่นเดียวกันกับพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรนั้น และนิรันดรภาพรู้จักคำเพียงคำเดียวคือ: 'ปัจจุบัน' ลูกก็เช่นเดียวกัน, มาเรีย , และทุกคนที่เป็นยัญบูชาในเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ทุกคนต้องรู้จักคำคำเดียวนี้ที่เป็นมาตรวัดเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก
 
‘ปัจจุบัน’ โอ้ เราต้องทนทุกข์ทรมานนานสักเพียงไรเพื่อมนุษย์? นับจากปัจจุบัน. เมื่อไหร่มันจึงจะหยุด? ปัจจุบัน, ณ. เวลานี้. สำหรับผู้มีชีวิตฝ่ายจิตเขามีเพียงสิ่งที่เป็นของพระเจ้าเท่านั้น เวลาก็เช่นกัน จงเรียนรู้ก่อนที่ช่วงเวลานั้นจะมาถึง เพื่อที่ท่านจะได้คำนวณวันเวลาที่ท่านจะได้ครอบครองมันในสวรรค์: ปัจจุบัน โอ! เวลาที่ได้รับพระพร เวลาที่จะได้พิจารณาไตร่ตรองถึงพระเจ้าโดยไม่เปลี่ยนแปลง พระผู้ซึ่งทรงเป็นความปิติสุขความชื่นชมยินดีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง! ‘ชีวิตเป็นแค่ชั่วพริบตาเดียว, เวลาของโลกผ่านพ้นไปเพียงแค่ลมหายใจครั้งเดียว แต่สวรรค์ของเราเป็นนิรันดร 'จงดูเถิดว่า บทเพลงแห่งชีวิตของท่านนั้นสอดคล้องกลมกลืนกันเพียงใด , ในฐานะมรณะสักขีและการเป็นสิ่งสร้างที่ได้รับพระพร’
 
บัดนี้: จงมองดู และพิจารณาพร้อมกับเรา ดูสิว่ามีดวงดารากี่ดวงที่เปล่งประกายส่องแสงอย่างเงียบสงบในท้องฟ้าแห่งสวรรค์ยามค่ำคืน? มีนับล้านล้านดวง และดูเหมือนว่าแสงของพวกมันจะกล่าวคำพูดลึกลับ เรา, ในสภาวะมนุษย์, ในค่ำคืนอันโดดเดี่ยวของเรา , เราพิจารณาไตร่ตรองถึงดวงดาวเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง , ด้วยการเพ่งมอง, และยิ่งไปกว่านั้นด้วยจิตวิญญาณของเรา เราดื่มด่ำไปในท่ามกลางสวนดอกไม้แห่งแสง ผันผ่านจากดอกไม้หนึ่งไปยังอีกดอกไม้หนึ่ง เพ่งพินิจความสวยงามและสีสันของมวลบุปผา, เปรียบเทียบเสน่ห์อันน่าหลงไหลแห่งความสดใสที่หลากหลายของมัน เราพึงพอใจเมื่อคิดว่า มวลดอกไม้ในทุ่งนาและสวนเหล่านั้น, กำลังโบกพลิ้วอย่างแผ่วเบาตามสายลมในตอนเช้าหรือตอนเย็น พวกมันกำลังสื่อสารกันด้วยถ้อยคำแห่งกลิ่นหอมที่ฟุ้งขจาย ณ.เบื้องบนนั้น วาจาแห่งแสงที่ลึกลับก็กำลังสื่อสารกันจาก ดวงดาวสู่ดวงดาว และทุกครั้งที่ดาวกระพริบหรือบังเกิดแสงสว่างอันสดใส เป็นดังประโยคที่ยีดยาวประโยคหนึ่ง เป็นคำถามที่ถามออกไป ประดุจวาทกรรมของนักโต้วาทีที่ร้อนแรงที่สุด - สรรพสิ่งทั้งหลายกำลังกล่าวชื่นชมสรรเสริญ ความงดงามรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
 
หมู่มวลดวงดารา! ทั้งไกลและใกล้! ระยะทางห่างไกลหลายล้านล้านไมล์ กำลังโบยบินเหมือนนกแห่งไฟที่บินผ่านท้องทุ่งแห่งฟ้าสวรรค์ที่ไร้ขอบเขต และได้ปรากฏต่อสายตามนุษย์เพื่อที่จะกล่าวกับเขาว่า ‘จงเชื่อในพระเจ้าเถิด เราเป็นข้อพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของพระองค์’....... ยิ่งมนุษย์พยายามไปให้สูงขึ้นเท่าไร เขายิ่งจมลงในอวกาศมากขึ้นเท่านั้น และที่นั่นดวงดาวต่างพูดว่า
:
“พวกเรา ซึ่งเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า ไม่ได้ดำรงอยู่เพื่อพวกท่าน เพราะพวกท่านทำให้พวกเราแปดเปื้อนด้วยการตกต่ำของพวกท่าน เรา, ผู้เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า เป็นเพียงประกายไฟจากมหาสมุทรแห่งแสงซึ่งเป็นอาณาจักรของพระเจ้า เพื่อให้เข้าถึงดวงดาวอย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้รู้จักแสงสว่างของมัน พวกท่านต้องฉีกทิ้งตัวตนความเป็นมนุษย์ของท่าน แล้วท่านจะรู้จักพระเจ้า, เพราะพระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์เองแก่ผู้ที่รักพระองค์ และแก่ผู้ที่ได้ละทิ้งความเป็นเนื้อหนังของเขาเพราะความรักและให้จิตวิญญาณปกครองตัวเขาแทน แล้วนั้น หลังจากชีวิตอันสั้นนี้จบสิ้นลง ท่านจะได้ครอบครองพระองค์ในชีวิตนิรันดร พวกเรา, ดวงดารานับพันล้านดวง, เรารู้จักความตาย แต่พวกท่านจะไม่รู้จักถ้าท่านทำให้ตนเองเป็นบุตรของพระเจ้า“
 
ดูเถิด ว่าพระเจ้าทรงรักพวกท่านแต่ละคนมากสักเพียงใด พระองค์ทรงรักท่านมากยิ่งนัก, มาเรีย จงเขียนอย่างชัดเจนและขีดเส้นใต้ด้วยเพื่อให้เห็นได้ชัดเจนว่า พระเจ้าทรงรักท่านมากยิ่งนัก มนุษย์ไม่สามารถไปถึงดาวดวงที่อยู่ไกลโลกได้  แต่พระเจ้าทรงยอมให้ท่านไปถึงพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงรักท่าน และเพราะท่านรักพระองค์ พระองค์ทรงยอมให้ท่านรู้จักพระองค์และให้ท่านดื่มด่ำในไฟความรักของพระองค์ ระยะห่างระหว่างโลกกับดวงดาวยังห่างน้อยกว่าระหว่างดวงดาวกับบัลลังก์ของพระเจ้า  นั่นคืออาณาจักรสวรรค์ที่ได้รับพระพรซึ่งพระตรีเอกภาพทรงเป็นเจ้านาย และเป็นสถานที่เตรียมไว้สำหรับผู้อันเป็นที่รัก และความรักของพระเจ้าจะไม่ล่าช้า พระองค์ทรงหยั่งรู้เวลานั้น ทรงดึงดูดท่านแต่ละคนให้เข้ามาสู่พระองค์ ทรงประทานไฟของพระองค์ให้เข้ามาสู่วิญญาณของท่าน
 
แล้วนั้น ความเป็นเนื้อหนังของมนุษย์จะมีความสำคัญอะไรต่อท่านเล่า? ทิ้งมันไว้กับมนุษย์เถิด ส่วนท่านจงมา ท่านมีพระเจ้าที่ทรงรักท่าน มาเรีย, สิ่งอื่นๆทั้งหมดนั้นไม่มีความหมายอะไร เป็นสิ่งไร้ค่า แต่สิ่งไร้ค่าสามารถนำมาใช้เพื่อให้เข้าถึงพระเจ้าได้ มีแต่เพียงความรักเท่านั้นที่ทำให้เป็นเช่นนี้ได้ ความรักสูงส่งยิ่งกว่าทุกสิ่ง ทรงพลังยิ่งกว่าพลังใดๆทั้งสิ้น – ความรัก, ด้วยอานุภาพที่เป็นฝ่ายจิตอันไม่มีของเขตของความรักได้เชื่อมโยงพวกท่านทุกคนกับพระเจ้า ทำให้ท่านรู้จักพระองค์ เป็นการเพียงพอแล้วที่ท่านใส่ใจแต่เพียงว่าทำอย่างไรจึงจะรักได้อย่างสมบูรณ์ ให้ความรักเป็นความพยายามเพียงอย่างเดียวในชีวิตของท่าน อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งอื่น จงแสวงหาที่จะครอบครองความรักและทำให้เจริญเติบโตขึ้น บำรุงรักษาโดยไม่เกียจคร้านและปราศจากความกลัว จงทำให้มันเป็นเตาไฟ เป็นเปลวไฟลุกโชนขึ้น, เป็นเปลวไฟที่สว่างจ้า, เป็นเปลวไฟที่บรรเลงเพลงอันไพเราะ ขึ้นไปสู่พระเจ้า เปลวไฟที่ส่องสว่างในความรักที่ถูกจุดประกายในท่านและบรรเลงเพลงรักของท่าน จงถวายคืนแด่พระเจ้าสิ่งที่พระองค์ทรงบรรจุไว้ในหัวใจของท่านเพื่อทำให้ท่านเป็นเหมือนพระองค์ นั่นก็คือ: ความสามารถในการที่จะรัก
 
พระเจ้าคือความรัก. ผู้ที่ไม่ความรักอยู่ในตัวของเขา เขาไม่มีความคล้ายคลึงกับพระเจ้า”

******************************************


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น