วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

 

            อูโก เฟสต้า(Ugo Festa) เกิดที่เมืองวิเซนซ่า Vicenza ประเทศอิตาลีในปี ค.ศ.1951 เขาเจ็บป่วยตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยโรคเส้นโลหิตตีบหลายเส้น, สุขภาพของเขาค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ สิ่งนี้นำไปสู่ปัญหาอื่นๆอีกมากมายในชีวิตวัยเด็กของเขา

ตอนอายุ 39 เขาไม่เพียงแต่ทุกข์ทรมานจากโรคเส้นโลหิตตีบหลายเส้นเท่านั้น แต่ยังเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อมและโรคลมชักอีกด้วย

           ต้นปี 1990 กระดูกสันหลังของอูโก เฟสต้าบิดเบี้ยวและเขาก็มีอาการชักทุกวัน - เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องกับแพทย์ที่ไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้ อูโกตัดสินใจว่าไม่มีอะไรเหลือให้ลองอีกแล้วนอกจากการอธิษฐานภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า

วันที่ 28 เมษายน 1990 เขาเดินทางไปแสวงบุญที่กรุงโรม ในสถานการณ์อันเลวร้ายของเขา, เขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคุณแม่เทเรซาซึ่งอยู่ในกรุงโรมในเวลานั้นพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งที่เขาได้รับการแนะนำให้รู้จัก อูโกได้รับเชิญให้ร่วมกับคนกลุ่มนี้เพื่อไปฟื้นฟูจิตใจที่อาสนวิหารแห่งพระเมตตาในเมืองเทรนต์ แต่เขาปฏิเสธ ขณะที่เขากำลังจะจากไป, ซิสเตอร์ผู้หนึ่งในกลุ่มนี้ได้มอบรูปภาพพระเมตตาห้ารูปและเหรียญพระเมตตาให้เขา วันต่อมา, วันที่ 29 เมษายน 1990 อูโกได้สวมใส่เหรียญและถือรูปภาพพระเมตตาที่ซืสเตอร์ให้มาไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้พระสันตะปาปาทรงอวยพรในเวลาเข้าเฝ้าที่นครวาติกัน เขายืนอยู่ที่ด้านล่างของบันไดที่ไปสู่วิหารเซนต์ปีเตอร์ พระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงเดินผ่านมา อูโกขอให้พระสันตปาปาอวยพรรูปภาพพระเมตตาของเขา หลังจากอวยพรรูปภาพ, พระสันตะปาปาถามเขาว่าเขาเป็นอย่างไร


อูโกบอกพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ว่า - เขารู้สึกสิ้นหวังอย่างมากและอยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิต พระสันตะปาปากล่าวว่า “คุณจะมีวิกฤติในชีวิตขณะที่พระเยซูผู้ทรงเมตตากรุณาอยู่ในอ้อมแขนของคุณได้อย่างไร? จงมอบความไว้วางใจแด่พระองค์และภาวนาวอนขอให้ซิสเตอร์โฟสตินาของเราช่วยเหลือเถิด” ด้วยคำแนะนำนี้ อูโกจึงเปลี่ยนใจและตัดสินใจว่าเขาจะไปยังอาสนวิหารแห่งพระเมตตาในเมืองเทรนต์หลังจากเสร็จการเข้าเฝ้านี้เพื่อรับการฟื้นฟูจิตใจพร้อมกับกลุ่มที่ชวนเขา

อาสนวิหารแห่งพระเมตตาในเมืองเทรนต์มีรูปภาพไอคอนขนาดเท่าองค์จริงของพระเยซูเจ้าอยู่ภายในวิหาร ในวันที่สี่ของการสวดภาวนาวอนขอต่อหน้าพระรูปไอคอนนี้, ทันใดนั้นอูโกก็สังเกตเห็นแขนของพระรูปนั้นเหยียดออกมาหาเขา แล้วความอบอุ่นอันมหาศาลไหลผ่านร่างกายของเขา อูโกพบว่าตัวเองกำลังยืนพร้อมกับยื่นแขนออกไปหาพระเยซูเจ้า และเขาก็ได้ยินเสียงอันดังของตัวเองสรรเสริญพระเยซูเจ้าแห่งพระเมตตา เขาเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จออกมาจากพระรูปไอคอนลงมาหาเขา พระภูษาสีขาวของพระองค์โบกสะบัดราวกับต้องสายลม และเขาคิดว่า "โอ, พระเจ้า!, นี่คือบุรุษจากกาลิลีที่กำลังมาหาฉัน"

จากนั้นเขาได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสด้วยเสียงที่ชัดเจนว่า “จงลุกขึ้นและเดินไปเถิด” และอูโก เฟสต้าก็เริ่มเดิน! นี่เป็นเรื่องจริง. โรคทั้งหมดของเขาหายขาดในทันทีและร่างกายของเขาก็ดีสมบูรณ์ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตของเขา

วันที่ 19 สิงหาคม 1990 อูโกกลับไปที่วาติกันและระหว่างการเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาที่ห้องประชุมเปาโลที่ 6 เขาถูกนำไปพบกับพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่2 อีกครั้ง เขาบอกพระองค์เกี่ยวกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้รับ และขอบคุณพระองค์สำหรับคำพูดที่ให้แรงบันดลใจซึ่งนำเขาไปสู่เทรนต์, ส่งผลให้เกิดอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่แห่งพระเมตตานี้ เขาได้มอบรูปภาพพระเมตตารูปหนึ่งแก่พระสันตะปาปา พร้อมด้วยลายเซ็นของคนจำนวนมากที่เห็นอัศจรรย์ในวันนั้นอยู่ที่ด้านหลังของพระรูป


หลังจากนั้น อูโก เฟสต้า ได้อุทิศชีวิตให้กับพระเยซูเจ้า, โดยเป็นอาสาสมัครทำงานร่วมกับคนพิการและเผยแพร่ข่าวสารแห่งพระเมตตาอันศักดิ์สิทธิ์ทั่วอิตาลี ตอนนี้พระรูปพระเมตตานั้นประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ที่Surmanciในเมดจูกอเรจ์

อูโกอุทิศชีวิตที่เหลือของเขาเพื่อเผยแพร่พระเมตตาของพระเยซูเจ้า ในการรับใช้คนยากจนและคนเจ็บป่วยในโรงพยาบาลและบนท้องถนนในอิตาลีและในอัฟริกา เขาจะแจกบทสวดภาวนาพระเมตตาและส่งเสริมให้ผู้คนสวดบทภาวนาพระเมตตาและเคารพพระรูปแห่งพระเมตตาของพระเยซูเจ้า เพื่อปฏิบัติตามที่พระคริสต์ทรงแนะนำไว้กับนักบุญโฟสตินาในปี1930 พระคริสต์ทรงสัญญาว่าจะประทานพระหรรษทานอย่างมากมายแก่ผู้ที่เคารพพระรูปนี้

ในปี 2005 อูโกป่วยเป็นโรคมะเร็ง เขาบอกเพื่อนของเขาว่ารู้สึกกลัว แต่เขาวางใจในพระเยซูเจ้า

วันที่ 22 พฤษภาคม 2005 มีผู้พบอูโกเสียชีวิตจากการถูกยิงที่ศีรษะในอิตาลี คนสองคนถูกจับกุม แต่แรงจูงใจของการยิงนี้ยังไม่ทราบ

คุณพ่อเซราฟิม มิเชลแลงโก (Father Seraphim Michalenko)แห่งโบสถ์พระเมตตาของพระเยซูเจ้าในสต๊อกบริดจ์, แมสซาชูเสท. และเป็นเพื่อนของอูโก ได้ปลอบใจสัตบุรุษ ท่านกล่าวว่า “อูโกได้เคยทำนายไว้ดังนี้ เขาพูดว่างานที่เขาทำบนท้องถนนนั้นทำให้ชีวิตของเขาเสี่ยงอันตราย แต่เขาปรารถนาที่จะตายเพื่อสิ่งนี้”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น