วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2563

คนหลงตัวเอง



เมืองฟลอเรนซ์ เมืองที่ถือเป็นอัญมณีของทัสคานี(อิตาลี) ที่เมืองนี้มีพระสงฆ์ท่านหนึ่งชื่อฮิปโปลิตัส อาศัยอยู่ ท่านมีรูปภาพพระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฏหนามอันเป็นงานศิลปะชั้นเลิศอยู่ภาพหนึ่ง และท่านพยายามส่งเสริมปลูกฝังความศรัทธาต่อพระเยซูเจ้าในภาพนี้ ท่านติดตั้งงานศิลปะชั้นเลิศนี้ไว้ในห้องของท่านบริเวณใกล้หน้าต่างที่จะทำให้ผู้คนบนถนนภายนอกสามารถมองเห็นได้
 
เบื้องหน้าภาพวาดนี้, ท่านมักจะยืนและเพ่งพิจารณาอยู่เป็นเวลานานถึงความรักยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้าที่ทรงมีต่อชาวเรา ซึ่งทำให้พระองค์ยอมพลีพระโลหิตเพื่อมนุษยชาติ พระโลหิตซึ่งได้หลั่งไหลออกมาจากพระเศียรของพระองค์ ที่ฝั่งตรงข้ามถนนของบ้านพักคุณพ่อฮิปโปลิตัสนั้น, เป็นบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง , เธอเป็นคนที่หลงตัวเองมาก เป็นความรู้สึกหลงตัวเองอย่างไร้สาระ เธอหลงใหลในรูปโฉมตัวตนของเธอและหมกมุ่นอยู่กับรูปลักษณ์ของเธอ
 
เมื่อเธอมองข้ามถนนไปและเห็นคุณพ่อ ฮิปโปลิตัส กำลังจ้องมองเพ่งพินิจภาพพระพักตร์พระคริสต์ที่พระเศียรถูกแทงด้วยหนามจากมงกุฏหนาม, เธอกลับคิดว่า คุณพ่อฮิปโปลิตัสกำลังมองกระจกและชื่นชมภาพสะท้อนของท่านเองและกำลังหลงไหลตัวเอง ด้วยสิ่งที่เห็นนี้, เธอเปรียบเทียบตัวเองกับคุณพ่อฮิปโปลิตัส - เธอคิดว่าท่านก็เป็นเหมือนเธอ – และเธอคิดว่าท่านรู้สึกพอใจในตัวเองโดยการอยู่เบื้องหน้ากระจก ผู้หญิงคนนี้เกิดความอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่งว่า “กระจก" ประเภทไหน ที่พระสงฆ์ใช้เวลาเพ่งมองเป็นเวลานานเช่นนั้น ดังนั้นเธอจึงไปหาท่านและขอให้ท่านแสดง "กระจก"ให้เธอเห็น
 
คุณพ่อฮิปโปลิตัสยินดีที่จะแสดง “กระจก” แก่เธอ – แต่ท่านไม่ต้องการให้เธอเข้าใจผิด ดังนั้นก่อนอื่น, ท่านบอกเธอว่ามันไม่ใช่กระจก ท่านชี้นิ้วไปที่รูปภาพเพื่อให้เธอดู เมื่อเธอมองเห็น "กระจก" (ตามความเข้าใจของเธอ) เธอรู้สึกประหลาดใจที่เห็นพระพักตร์พระเยซูเจ้ากำลังมองกลับมาที่เธอ ในฉับพลัน, เธอรู้สึกเจ็บปวดใจอันเนื่องมาจากการหลงตัวเอง เธอรับรู้ถึงความจริงว่าตนเองเป็นคนไร้สาระที่เฝ้าแต่มองตัวเองในกระจก เธอไม่สามารถละสายตาจากรูปภาพพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าได้ พระเจ้าผู้ทรงยอมให้พระเศียรของพระองค์ถูกล้อมรอบด้วยหนามแหลมเหมือนหนาม ลวดซึ่งเจาะเข้าไปในหนังศีรษะของพระองค์
 
เธอมองเห็นพระองค์มีสภาพที่ตรงกันข้ามกับเธอเอง พระองค์ทรงเต็มใจที่จะให้ผิวหนังของพระองค์ถูกทำลายเพราะเห็นแก่พวกเรา คุณพ่อฮิปโปลิตัสเห็นโอกาสที่จะสอนผู้หญิงคนนี้ ท่านจึงพูดว่า "จงมองดูที่กระจกนี้เถิด กระจกที่คุณควรจะมองดูทุกวัน เพื่อพิจารณาตัวเอง จงมองดูพระผู้ช่วยให้รอดที่น่าสงสารของเราเถิด เพราะความรักต่อพวกเราที่เป็นคนเลวทรามต่ำช้า พระองค์จึงมีสภาพเช่นนี้ แล้วคุณจะยังคงมีใจเย็นชาเหมือนพวกยิวที่ปีลาตได้มอบพระเยซูเจ้าแก่พวกเขาให้นำไปทรมานและประหารชีวิตอีกหรือ ปิลาตพูดกับชาวยิวว่า “ ดูบุรุษผู้นี้สิ!” ในขณะที่พระพักตร์ของพระผู้ไถ่ของเราถูกทำให้เสียโฉมเพราะบาดแผล วิญญาณของคุณก็ถูกทำให้เสียโฉมด้วยบาปเช่นกัน จงชำระล้างวิญญาณของคุณให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำตาแห่งการสำนึกผิดเถิด แล้วสักวันหนึ่งคุณจะได้เห็นและชื่นชมพระพักตร์ที่ฉายแสงของพระผู้ช่วยให้รอดอันศักดิ์สิทธิ์ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์ แทนการเห็นพระพักตร์ที่เสียโฉมและเศร้าโศกนี้"
 
ในเวลานั้น, ผู้หญิงคนนั้นยอมรับคำตักเตือนของคุณพ่อฮิปโปลิตัส ซึ่งกล่าวว่าวิญญาณของเธอ "เสียโฉม" ไป, อันเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเธอได้รับการเยียวยารักษาแล้วจากยาพิษของการหลงตัวเอง ความหลงผิดที่คิดว่าตนเองเป็นคนพิเศษ เธอได้สำนึกผิดกลับใจจากการนมัสการตัวเองเป็นการนมัสการพระคริสต์ และหลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองเสียใหม่ โดยไม่หมกมุ่นอยู่กับการเฝ้ามองตัวเองในกระจกอีกต่อไป
 
พระเจ้าทรงสร้างเราเพื่อให้เรารักและนมัสการพระองค์ – พระตรีเอกภาพและพระเจ้าสูงสุด เท่านั้น การหลงตัวเองคือการเคารพนมัสการตนเอง ซึ่งเป็นการไม่ให้ความเคารพและนมัสการต่อพระเจ้า เพื่อแก้ไขการหลงตัวเองนี้, ผู้หลงตัวเองต้องวอนขอพระหรรษทานที่จะละทิ้งการนมัสการตนเอง และแทนที่ด้วยการนมัสการพระคริสตเจ้าแทน พวกเขาจะต้องแสวงหาทุกสิ่งเพื่อพระเกียรติของพระคริสตเจ้าเสมอ ไม่ใช่เพื่อเกียรติของพวกเขาเอง ในพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า, พระองค์ทรงยอมรับการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามต่างๆนาๆ ทรงยอมรับการกระทำที่เลวทรามที่สุดของมนุษย์เพื่อต่อสู้กับการหลงตัวเองของมนุษย์ เพราะมีบางคนที่หลงใหลในใบหน้าที่สวยงาม หลงใหลรูปโฉมของร่างกายตัวเอง ซึ่งเท่ากับเป็นการนมัสการตัวเอง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักพระเจ้าผู้ที่รับบาปของเราไว้ในพระองค์และรักตัวเองที่เป็นความบาปของเราไปพร้อมๆกัน การหลงตัวเองนั้นเป็นความรักตัวเองที่มากเกินไปและถือว่าเป็นบาปอย่างหนึ่ง
 
ในหนังสือจิตวิทยา นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญมักสรุปว่าผู้ที่หลงตัวเองอย่างรุนแรงนั้น, ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือดีขึ้นผ่านการรักษาทางหลักจิตวิทยา ในฐานะคริสตชน, เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมาจากพระคริสต์เท่านั้น การนมัสการเคารพพระพักตร์พระเยซูคริสตเจ้าของเรา จะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับใจในผู้หลงตัวเอง เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้นในเมืองฟลอเรนซ์ เมื่อเราเพ่งมองพระพักตร์พระคริสตเจ้าที่เสียโฉมไปเพราะบาปของเรา เราจะเห็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับใบหน้าของเราเอง



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น